บทที่ 1165 ความเป็นกุลสตรีล่ะ
เมื่อคิดถึงตอนนี้ ใจของเสี่ยวเหยียนก็เต้นแรงขึ้นมา จนทำให้หล่อนตกใจจนอยากกระโดด
แต่ไม่นานนักก็ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ได้ ยกมือจับไปที่หัวใจ
“ต้องเข้มแข็งเข้าไว้ ไม่มีอะไรน่ากลัว”
จากนั้นหล่อนก็มองไปรอบๆ เลือกที่นั่งตรงโซฟาและนั่งลง
ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่เคยมาที่ห้องทำงานนี้ เมื่อก่อนหล่อนมาส่งอาหารให้เขาทุกวัน เพียงแต่ช่วงนี้ไม่ได้มานานแล้วเท่านั้น
เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งไม่นานและไม่ช้า เสี่ยวเหยียนรอจนแทบจะหลับไป เดิมทีหล่อนคิดจะช็อปปิ้งเสื้อผ้าบนมือถือ แต่สุดท้ายดูไปดูมากลับไม่มีที่ถูกใจ ในหัวก็คิดแต่เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเสื้อผ้า
สุดท้ายหล่อนจึงเก็บมือถือลง และหลับตานอนลงบนโซฟา
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าที่ชัดเจนดังมาจากนอกประตู เสี่ยวเหยียนจึงลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีความงัวเงียหลงเหลืออยู่แล้ว หล่อนตื่นอย่างเต็มที่ จากนั้นจึงลุกขึ้นมานั่ง
หานชิงผลักประตูเข้ามา เห็นสาวน้อยนั่งอยู่บนโซฟา เงยหน้าหลังตรง เหมือนท่าทางของเด็กนักเรียนที่กำลังถูกครูใหญ่อบรมอยู่ นั่งด้วยท่าทีจริงจังเคร่งเครียด
แววตาสีดำมองผ่านแวบหนึ่ง จนหานชิงไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มที่แฝงอยู่
เมื่อได้ยินเสียง เสี่ยวเหยียนจึงหันไปมองหานชิง พยายามทำให้สีหน้าของตัวเองเป็นธรรมชาติที่สุด “ประชุมเสร็จแล้วเหรอ?”
“อื้ม”
หานชิงพยักหน้าเบาๆ เขาเดินเข้ามาห่างจากหล่อนไม่ไกล “อยู่รอผมตรงนี้ตลอด?”
เสี่ยวเหยียนตกใจตะลึง ฟังเขาพูดต่อ: “ตาล้าแล้วยัง? นอนสักพักหน่อยไหม?”
“…ไม่เป็นไรค่ะ”
สถานการณ์แบบนี้ ใครจะไปหลับลง???
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าหานชิงไม่มีไหวพริบเอาซะเลย หล่อนส่ายหน้า: “ฉันไม่ง่วง”
“แน่ใจว่าไม่ง่วง?” หานชิงหรี่สายตามองหล่อน
ถูกเขาจับตามองแบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกเกร็งมากขึ้น ส่ายหน้าด้วยความมั่นใจเด็ดขาด: “ไม่ง่วงจริงๆค่ะ”
“งั้นก็ดี ในเมื่อไม่ง่วง งั้นก็มาคุยเรื่องของพวกเราดีกว่า”
เมื่อพูดจบ ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าหล่อนกลับเดินมานั่งข้างหล่อนอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีระยะห่างเล็กน้อย แต่เมื่อโซฟายุบลงไปและกลิ่นอายของชายหนุ่มอันทรงเสน่ห์เข้ามาใกล้หล่อน ใจของเสี่ยวเหยียนก็เต้นแรงขึ้นมาก จากนั้นจังหวะการเต้นของหัวใจก็เริ่มเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ จนแทบหลุดออกมาจากตัวของหล่อน
หล่อนกลัวมาก หลังจากที่ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ นิ้วมือก็เริ่มสั่นขึ้นเล็กน้อย สายตาค่อยๆมองไปที่หานชิง
“เรื่อง…เรื่องของพวกเรา? เรื่อง…เรื่องอะไรเหรอ?”
หล่อนกลัวจนแทบทนไม่ไหว จากนั้นก็รออย่างใจจดใจจ่อ
ใครจะไปคาดคิดสายตาที่หานชิงมองหล่อน ส่องสว่างเป็นประกายมาก
“คุณไม่รู้?”
เสี่ยวเหยียน: “…”
หล่อนตกใจตะลึง มองหน้าหานชิงย้อนถามอย่างเหม่อลอย
“อยากรู้ว่าทำไมผมจูบคุณไหม?”
ราวกับทุกอย่างถูกหยุดไว้
ใจของเสี่ยวเหยียนแทบจะหยุดเต้นลงทันที นิ้วสั่นแรงมาก ดวงตาเบิกกว้าง คิดไม่ถึงว่าหานชิงจะถามออกมาตรงๆเช่นนี้
หลังจากที่ตกตะลึงไปสักพัก ใบหน้าอันขาวซีดของหล่อนก็เริ่มแดงขึ้น
“ถ้าอยากรู้ขนาดนี้ ทำไมไม่มาถามผมเองล่ะ”
“!!”
เสี่ยวเหยียนรู้ขึ้นมาทันทีว่า มู่จื่อบอกว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไร แต่อันที่จริงพูดไปหมดแล้ว แง! คนโกหก!
ตอนนี้ล่ะ จู่ๆหานชิงก็ถามหล่อนมาตรงๆแบบนี้ หล่อน….ขายหน้าหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ยังคิดจะแสร้งทำตัวเย็นชาใส่ ให้ดีที่สุดคือคุมสติให้เงียบเข้าไว้ แต่สุดท้ายมู่จื่อกับหักหลังกันแบบนี้ ทำให้หานชิงรู้ว่า หล่อนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก
ยากจังเลย ช่างยากจริงๆ!
เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่าควรตอบหานชิงอย่างไรดี
หล่อนยังมีหน้าตอบได้อีกเหรอ? ไม่มี!!
ขณะที่เสี่ยวเหยียนกำลังบ่นด่าอย่างบ้าคลั่งในใจ หานชิงที่ไม่ได้คำตอบสักที จู่ๆก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ ทำให้ทั้งสองใกล้กันมากขึ้น
“หืม? ทำไมไม่พูดล่ะ?”
เสี่ยวเหยียนตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ อีกอย่างเป็นเพราะเขาเข้ามาใกล้ ทำให้หล่อนหายใจลำบากมากขึ้น หล่อนจึงเอียงไปหัวไปทางด้านหลัง คิดอยากจะตีตัวออกห่างหานชิงสักหน่อย
เขาพูดถามออกมาตรงๆ แต่เสี่ยวเหยียนกลับคิดจะหลีกหนี ทำให้เขาไม่พอใจเล็กน้อย เม้มปาก และพูดขึ้น: “อย่าหนีสิ”
เขายกมือขึ้นมาจับแขนหล่อน ดึงตัวเสี่ยวเหยียนมาทางด้านหลัง จากนั้นจึงสังเกตเห็นว่าตัวของหล่อนสั่นมาก
ทำให้หล่อนตกใจกลัว?
หานชิงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ทำสีหน้าเคร่งเครียด
“ไม่อยากคุยเรื่องนี้กับผมให้ชัดเจน?”
ปากของเสี่ยวเหยียนยังคงไม่มีท่าทีขยับ ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่อยากพูด เพียงแต่ตื่นเต้นมากเกินไปเท่านั้น “ฉะ…ฉันเปล่า…ฉันแค่….แค่ตื่นเต้นนิดหน่อย คะ…คุณอย่าเข้ามาใกล้ฉันมากขนาดนี้”
หล่อนแทบจะหายใจไม่ได้แล้ว
ตื่นเต้น? คิ้วของหานชิงดูผ่อนคลายลง สายตากลับแฝงไปด้วยรอยยิ้มมากขึ้น เขาไม่เพียงแต่ไม่ขยับออกไปไหน แต่กลับเข้าไปใกล้มากขึ้น กลิ่นตัวและลมหายใจของผู้ชายเริ่มคละคลุ้งเข้ามาใกล้มากขึ้น
“ไม่เข้ามาใกล้ แล้วจะพูดกันรู้เรื่องได้ยังไงล่ะ?”
แปลกมาก เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าน้ำเสียงของหานชิงเข้มขึ้น เหมือนตอนที่หล่อนดื่มไวน์ ที่มีรสชาติหวานละมุน
ใบหน้าเรียวผอมมากเสน่ห์เข้ามาประชิดใกล้ แสงไฟด้านบนทำให้แววตาของเขาเข้มมากขึ้น เหมือนหมอกสีดำยามค่ำคืน
“มะ…ไม่เข้ามาใกล้….ก็….ก็พูด….พูดรู้เรื่อง….”
เสี่ยวเหยียนพูดติดๆขัดๆ ยกมือขึ้นมากั้นหน้าของหานชิงไว้ เพื่อกันไม่ให้เขาขยับเข้ามาใกล้อีก
แต่วันนี้ไม่รู้ว่าหานชิงเป็นอะไร ผิดปกติมาก ยิ่งหล่อนขัดขืนมากเท่าไหร่ เขายิ่งขยับเข้ามาใกล้มากเท่านั้น ลมหายใจอันเร่าร้อนแทบจะแผดเผาตัวของหล่อน ทำให้หล่อนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
“ในเมื่อเข้าใกล้หรือไม่เข้าใกล้ก็คุยกันรู้เรื่องได้ งั้นก็พูดใกล้กันหน่อยแล้วกัน”
ลมหายใจถูกพ่นออกมารดบนคอของหล่อน เสี่ยวเหยียนรู้สึกได้ถึงมือของตัวเองที่กำลังสั่นเทา
“เรื่องที่คุณกำลังคิดลังเล วันนี้ผมจะตอบคุณให้”
อะไรนะ?
เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สบตากับเขาอย่างจัง
ใบหน้าอันทรงเสน่ห์ของเขาค่อยๆยื่นเข้ามาใกล้ เสี่ยวเหยียนตกตะลึงตัวแข็งทื่อ ผ่านไปนานสักพักใหญ่ แก้มของเขาก็เฉี่ยวโดนหน้าของหล่อน จากนั้นก็ไปที่หู ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
“ให้คุณแสร้งทำเป็นเงียบใส่ตั้งนาน เพราะอยากให้คุณคิดดูดีๆ เพราะผมเป็นคนไม่อ่อนหวานเท่าไหร่ และเป็นคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักอีกด้วย ถ้าคบกับผม ต้องลำบากมากเลยนะ ความรักโรแมนติกที่พวกผู้หญิงต่างเข้าใจกัน อาจจะหาไม่ได้จากตัวผม ผมอายุมากแล้ว พ่อแม่ก็ไม่อยู่แล้ว ยังมีน้องสาวที่ผมรัก หล่อนเป็นคนที่ผมใช้ความพยายามอย่างยากเย็นกว่าจะพาหล่อนกลับมาได้ ถ้าคุณไม่ถือสาอะไร…”
ยังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็พูดออกมาด้วยความร้อนใจ
“ฉันไม่ถือ!”
“…”
ทุกอย่างเงียบลงทันที
เสียวเหยียนกระพริบตาปริบๆ จากนั้นก็หลับตาปี๋
กรี๊ด!!!
ดูเหมือนว่าหล่อนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว! ความสงบเสงี่ยมล่ะ? สติล่ะ? ศักดิ์ศรีของผู้หญิงล่ะ?? เสี่ยวเหยียน เธอโง่เหลือเกิน!
ขณะที่เสี่ยวเหยียนกำลังว้าวุ่นอยู่ ก็มีเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นข้างหู จากนั้น เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสที่อ่อนนุ่มบนแก้ม ค่อยๆเลื่อนมาทางขวา และหยุดลงที่ปากของหล่อน
“จุ๊บ”
เอวของหล่อนถูกชายตรงหน้าจับไว้แน่น จากนั้นก็ถูกเขาอุ้มขึ้นมาจูบไว้ในอ้อมอก
เกิดอะไรขึ้น? ฉันอยู่ที่ไหน? ทำไมฉันไม่รู้อะไรเลยล่ะ?