บทที่ 1166 แน่ใจว่าจะไม่จูบ
สุดท้าย เสี่ยวเหยียนรู้สึกกระวนกระวายใจว้าวุ่นไปหมด
ถูกจูบด้วยความมึนงงอยู่สักพักใหญ่ จนไม่มีการตอบรับใดๆ
แต่ใครบางคนที่เพิ่งประชุมช่วงบ่ายเสร็จ ก็ไม่มีธุระอย่างอื่น ดังนั้นจึงอดทนกอดรัดเสี่ยวเหยียนได้อย่างยาวนาน
จนกระทั่งเมื่อปล่อยตัวออก เสี่ยวเหยียนยังคงมึนงงอยู่ แต่ร่างกายกลับหมดเรี่ยวแรง จึงต้องพิงไว้ในอ้อมอกของหานชิง สองมืออันขาวนวลจับเสื้อเชิ้ตของเขาไว้แน่น
เสื้อเชิ้ตสีเข้มถูกหล่อนจับจนยับ กระดุมก็ถูกปลดออกหนึ่งเม็ด เผยให้เห็นถึงไหปลาร้าและลูกกระเดือก
เมื่อเห็นเช่นนั้น เสี่ยวเหยียนกลืนน้ำลายลงอย่างเขินอายทันที
“ชอบเหรอ?” เมื่อเห็นท่าทีของหล่อน แววตาของหานชิงมองอย่างลึกซึ้งขั้น เขาถามพลางยื่นมือไปปลดกระดุมเม็ดอื่นออก
เสี่ยวเหยียนเบิกตาโตกว้าง ถามด้วยความตื่นตกใจ: “คุณจะทำอะไร?”
“ชอบไม่ใช่เหรอ?”
หานชิงยังไม่หยุดทำ เสี่ยวเหยียนจับมือของเขาด้วยสีหน้าแดงก่ำ ห้ามไม่ให้เขาทำต่อ พูดอย่างกระวนกระวายใจ: “ชอบก็ไม่ได้หมายความว่าต้องดูสักหน่อย!”
เมื่อถูกเสียวเหยียนกดมือไว้ให้หยุด และก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ หานชิงมองดูใบหน้าอันแดงก่ำของเสี่ยวเหยียนตรงหน้า ริมฝีปากของเขาค่อยๆกระตุกขึ้น
“โอเค ต่อไปมีโอกาสที่เหมาะสมแล้วค่อยดู”
เสี่ยวเหยียน: “…”
มองดูชายตรงหน้าที่โปรยเสน่ห์ใส่จนแทบจะอดใจไม่ไหว เสี่ยวเหยียนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลง ทำไมหล่อนถึงรู้สึกว่า…ชายแก่คนนี้ดูเหมือนกลายเป็นคนหื่นขึ้นมา? หรือหล่อนรู้สึกไปเอง?
เมื่อก่อนเย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็ง พอความสัมพันธ์ชัดเจนก็กลับกลายเป็นคนเร่าร้อนเหมือนไฟแบบนี้?
ขณะที่เสี่ยวเหยียนกำลังสงสัยและตื่นตกใจ เสียงเคาะประตูจากนอกห้องทำงานก็ดังขึ้น
“ประธานหาน”
เสียงผู้ชายดังเข้ามาจากด้านนอก ทำลายบรรยากาศภายในห้องไปทันที
เสี่ยวเหยียนตกตะลึงอยู่สามวินาที จากนั้นก็รีบลุกขึ้นยืน ออกห่างจากหานชิงให้ไกลที่สุด ขณะที่หล่อนตกใจจนไม่รู้จะไปหลบที่ไหน ก็หันไปเห็นห้องพักผ่อน จึงคิดจะผลักประตูเข้าไปหลบข้างในนั้น
หานชิง: “…”
ท่าทางทั้งหมดของหล่อนอยู่ในสายตาของเขาตลอด เหมือนหนูที่แอบมากินอาหารแล้วถูกจับได้
เขากระแอมขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พลางจัดเสื้อและติดกระดุม: “เข้ามา”
ตอนที่พูดออกมา เขาก็กลับมาทำสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับน้ำเสียงเนิบนิ่ง
เมื่อผู้บริหารที่อยู่หน้าประตูเปิดประตูเข้ามา
ตอนที่ผู้บริหารเข้ามา เขารู้สึกผิดปกติขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะปกติประธานหานจะนั่งอยู่ตรงที่โต๊ะทำงาน แต่วันนี้กลับนั่งอยู่ที่โซฟา และดูเหมือนว่าเสื้อของเขาจะไม่ค่อยเรียบร้อยอีกด้วย?
ผู้บริหารระดับสูงรู้สึกหวาดกลัว?
ช่วงนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ยินข่าวลือ เพียงแค่รู้สึกตลก เพราะพวกเขาเคยพูดกันว่า ประธานหานคงใช้ชีวิตโสดไปจนแก่
แต่ตอนนี้ล่ะ? ผู้บริหารจับได้คาตา ด้านข้างสูทของหานชิงมีกระเป๋าใบเล็กสีขาวของผู้หญิงวางอยู่ เป็นแบบสะพายข้าง
เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
เห็นได้ชัดว่าอยู่ที่นี่แท้ๆ แต่กลับไปแอบหลบอยู่ เป็นเพราะไม่กล้าเจอคนอื่นเหรอ? ทำไมไม่กล้าล่ะ งั้นก็ต้องเป็นเพราะทำ….
“คุณกำลังมองอะไรอยู่?”
น้ำเสียงอันกดดันขัดจังหวะความคิดของผู้บริหารท่านนั้นขึ้นมา
ผู้บริหารตั้งสติขึ้นมาได้ ไม่กล้าละสายตามองอย่างอื่นอีก เขายิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก “เปล่าครับ ประธานหาน เอกสารฉบับนี้ต้องให้คุณเซ็นชื่อให้ครับ”
“วางเอกสารไว้ก่อน” หานชิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ผู้บริหารเข้าใจความหมายของเขา จึงวางเอกสารลงและเดินออกไปจากห้องทำงาน
เสี่ยวเหยียนแอบอยู่ในห้องพักผ่อน ไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ หล่อนแอบนั่งฟังพวกเขาคุยกันอยู่ที่ข้างปกติ และสังเกตเห็นว่าตอนที่หานชิงคุยกับผู้บริหารคนนั้น น้ำเสียงของเขาฟังดูเย็นชามาก และกลับมาทำตัวเย็นชาเหินห่าง
อ๋อ ดังนั้นผู้ชายคนเมื่อครู่ที่ทำตัวมีออร่า น้ำเสียงแหบแห้งอ่อนโยน ต่อไปก็จะเป็นของหล่อนเพียงคนเดียวงั้นเหรอ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เสี่ยวเหยียนรู้สึกมีความสุขเหมือนมีฟองสีชมพูอัดเต็มไปทั่วทั้งใจ
แม้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่เหมือนความฝัน
เสี่ยวเหยียนอยู่ในห้องทำงานจนดึกจึงจะออกไป หานชิงเป็นคนไปส่งหล่อนกลับบ้าน หลังจากที่จอดรถตรงชั้นล่าง หล่อนก็นั่งตกตะลึงอยู่ที่นั่งข้างคนขับ
หานชิงโน้มตัวเข้ามาปลดเข็มขัดนิรภัยให้หล่อน กลิ่นตัวของผู้ชายฟุ้งไปรอบตัว ห้อมล้อมตัวของหล่อนไว้
ตอนที่เขาปลดเข็มขัดนิรภัยให้หล่อน ก็ไม่ได้รีบร้อนถอยกลับไป แต่กลับจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า และถามขึ้น: “คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”
น้ำเสียงนิ่งขรึมของฝ่ายชายดังขึ้นจนดึงวิญญาณที่หลุดออกจากร่างของเสี่ยวเหยียนกลับมา เมื่อตั้งสติขึ้นมาได้ก็เห็นใบหน้าเทพบุตรของเขามาประชิดอยู่ตรงหน้า หล่อนตกใจมาก จนพูดจาติดๆขัดๆ
“มะ…ไม่ได้คิดอะไร”
“ไม่ได้คิดอะไร? งั้นคุณรู้ไหมว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
ตอนนี้อยู่ที่ไหน? เสี่ยวเหยียนหันไปมองนอกกระจก จึงพบว่าถึงชั้นล่างของบ้านแล้ว สีหน้าของหล่อนแดงขึ้นมาทันที “ที่แท้ก็ถึงแล้ว เมื่อกี้ฉะ…ฉันแค่เรื่องบางอย่างอยู่แค่นั้น”
“หืม?” หานชิงหรี่สายตาลง “บอกว่าไม่ได้คิดอะไรไม่ใช่เหรอ?”
“……”
เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้น สบตามองแววตาอันดำเข้มเป็นประกายอีกครั้ง แม้ว่าวันนี้จะผ่านไปอย่างราบรื่นมาก แต่มันควรจะไปวันที่เหมือนฝันมากที่สุดในชีวิตเธอ
หล่อนเห็นหานชิงที่เข้ามาใกล้ตัวเองมาก ทันใดนั้นก็ยื่นมือออกมาโอบคอของหานชิงไว้ กอดเขาไว้อย่างแนบแน่น ใบหน้าอันเรียวเล็กซุกเข้าไปในซอกคอของเขา สูดหายใจเข้าลึก และกอดเขาแน่นขึ้น
หานชิงตะลึงเล็กน้อย
จู่ๆหญิงสาวก็รุกมาแบบนี้ ทำให้หานชิงรู้สึกไม่คุ้นเคย เพราะตั้งแต่คืนวันนั้น หล่อนก็คอยทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำตลอด จู่ๆวันนี้กลับ…
รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของหล่อนผิดปกติ หานชิงจึงจับแขนของหล่อนเบาๆ ดึงหล่อนออก “เป็นอะไรเหรอ?”
ขณะที่เขากำลังจ้องมอง ขนตาของเสี่ยวเหยียนก็สั่นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเล็กแหลม: “คุณรู้รึเปล่า? วันนี้เป็นวันที่เหมือนฝันที่สุดในชีวิตของฉัน ฉันไม่รู้ว่านี่คือเรื่องจริงรึเปล่า ฉันกำลังคิดว่า สมมติว่าตอนนี้ฉันกำลังฝันไปจริงๆ ฉันก็หวังว่าจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย แต่ฉันรู้…ถ้าเป็นสิ่งที่ฉันคิดจินตนาการขึ้นมา จะต้องมีสักวันที่ต้องตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความจริง ดังนั้น ฉันแค่อยากกอดคุณให้นานกว่านี้สักพัก…”
หล่อนคิดเช่นนี้จริงๆ จึงพูดออกมาแบบนี้
เมื่อพูดจบ หานชิงก็ยิ้มอย่างทำอะไรไม่ถูก
เขาออกแรงดึงเสี่ยวเหยียนเข้ามาในอ้อมอก มืออีกข้างหนึ่งลูกคางของหล่อน “คุณคิดแบบนี้จริงเหรอ?”
แสงไฟภายในรถมืดสลัว สาวน้อยเงยหน้าขึ้น พยักหน้าลงให้เขาด้วยท่าทีน่าสงสาร ริมฝีปากสีชมพูสะท้อนกับแสงไฟภายในรถชวนยั่วยวนใจ ปลายนิ้วของหานชิงค่อยๆขยับไปตามอารมณ์ และเลื่อนไปจับที่ปากของหล่อนเบาๆ พูดด้วยเสียงแหบแห้ง: “แล้วอยากจะจูบอีกสักพักไหมล่ะ?”
เสี่ยวเหยียน: !!
หล่อนกระพริบตาลง และกระพริบตาอีก หลังจากนั้นสามวินาทีก็รีบพยักหน้าลงอย่างเต็มแรง: “ไม่ต้องๆ ฉันไม่ได้โลภขนาดนั้น ฉันพอใจง่าย แค่กอดกันก็พอแล้ว”
หล่อนกลัวว่าตัวเองโลภมากไปแล้วจะตื่นจากความฝัน!
ถึงตอนนั้นแม้แต่กอดก็อาจจะไม่มีแล้ว!
ท่าทางเช่นนี้ของหล่อนช่างใสซื่อน่ารักจริงๆ แววตาของหานชิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และยังมีอย่างอื่น เขาค่อยๆเข้าไปประชิดตัวหล่อน “แน่ใจว่าจะไม่จูบ?”