บทที่ 1170 ไปหาเขา
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนกลับไปถึงห้องก็รีบเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดทันที หาไปหามาก็พบว่าเสื้อผ้าของตัวเองมีแต่แบบใส่เที่ยวเล่นสบายๆ ไม่มีชุดผู้หญิงที่ดูเรียบร้อย หรือชุดที่มีกลิ่นอายความเป็นผู้หญิงบ้างเลย
ดูไปดูมา ในตู้มีเพียงกระโปรงตัวหนึ่งที่ดูสะดุดตา เป็นกระโปรงลายดอกไม้ที่โคงโคงให้หล่อนตอนที่ไปบ้านหานชิงในวันนั้น
หล่อนหยิบกระโปรงออกมายืนเทียบหน้ากระจกสักพัก คิดไม่ถึงว่าชุดนี้เป็นชุดที่ดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยมากที่สุด แต่ นี่เป็นชุดที่หานชิงให้หล่อน หล่อนเอาออกมาใส่เพื่อไปหาเขา จะดูไม่จริงใจเกินไปรึเปล่า?
ครุ่นคิดอยู่สักพัก เสี่ยวเหยียนกำลังเตรียมจะไปซื้อชุดใหม่ที่ห้าง
ไม่สิ ตอนนี้หล่อนจนมาก…ก่อนหน้านี้ที่ให้เสี่ยวหมี่โต้วโอนเงินไปให้หานชิง ตอนนี้หล่อนกลายเป็นยาจกแล้ว
เสี่ยวเหยียนเปิดบัญชีเงินดูยอดเงินที่เหลืออยู่ เห็นว่ามียอดเงินคงเหลือเพียงแค่สองร้อยหยวน
หล่อนยกมือขึ้นมาเท้าคางครุ่นคิด หรือจะไปเอาเงินจากร้านออกมาก่อนดี?
ไม่ได้! เงินที่ร้านเก็บไว้เป็นค่าสินค้าและค่าแรงพนักงาน ถ้าหล่อนไปเอาเงินออกมาก่อนแบบนี้ทุกครั้งที่ไม่มีเงิน ถึงตอนนั้นจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของ เอาเงินที่ไหนมาจ่ายเงินเดือน? ยังจะเปิดร้านอีกไหม?
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เสี่ยวเหยียนจึงลบความคิดนั้นทิ้งทันที
ตอนเช้าหลัวหุ้ยเหม่ยออกไปที่ร้านก่อน หลังจากที่หลัวหุ้ยเหม่ยออกไป เสี่ยวเหยียนก็ค่อยๆเดินไปหาพ่อจางทางด้านข้าง พูดด้วยเสียงอ่อนหวาน: “พ่อ~”
พ่อจางกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากหล่อนดังขึ้น ก็หันไปมองลูกสาวทันที
“เหยียนเหยียน? จะหาแม่เหรอ? แม่ออกไปข้างนอกแล้ว”
เสี่ยวเหยียนอ้าปาก ฉีกยิ้มให้
“ไม่ใช่ค่ะ หนูมาหาพ่อ”
“หาพ่อ?” เมื่อพ่อจางได้ยินเช่นนั้นจึงรีบวางหนังสือพิมพ์ลงข้างชุดน้ำชาทันที พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง: “มีเรื่องสำคัญอะไรรึเปล่า?”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของพ่อจาง เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกลำบากใจจนกัดฟัน ตอนที่เปิดร้าน แม้ว่าหล่อนเคยบอกว่าจะไม่ขอเงินจากพ่อแม่ แต่พ่อแม่ก็ยังแอบช่วยสนับสนุนเงินให้หล่อน เสี่ยวเหยียนรู้ดีว่าพวกเขาทั้งสองมีเงินเก็บมานานหลายปี อีกอย่างหล่อนก็เป็นลูกสาวคนเดียว พ่อกับแม่ก็ไม่มีอะไรพิเศษมาก ไม่เล่นพนัน ไม่สุรุ่ยสุร่าย ดังนั้นเงินเก็บในบ้าน ก็ถือว่ามีพอสมควร
แต่ตอนนี้เสี่ยวเหยียนอยากขอเงินจากพ่อจาง แต่กลับเอ่ยปากขอยากเหลือเกิน
รู้สึกว่าตัวเองโตแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือกตัญญูต่อพ่อแม่ สุดท้ายหล่อนเปิดร้านและยังต้องให้พ่อแม่ออกเงินให้อีก ตอนนี้ตัวเองไม่มีเงิน ยังจะมาขอเงินพ่อแม่ เป็นคนยังไงกันเนี่ย?
“เหยียนเหยียน?”
เสี่ยวเหยียนยิ้มและส่ายหน้า: “ไม่มีอะไรค่ะ แค่เห็นว่าช่วงนี้พ่อมีผมขาวมากขึ้นแล้ว ถ้าเหนื่อย พวกเรายกเลิกระบบเดลิเวอรี่ของร้านไปก่อนเถอะค่ะ ทั้งได้เงินไม่เยอะ และยังต้องให้พ่อเหนื่อยไปส่งอีก”
เมื่อพ่อจางได้ยินเช่นนั้นก็รีบปฏิเสธหล่อนทันที
“ได้ยังไงลูก? เงินที่ได้จากการทำเดลิเวอรี่ก็คือเงินเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้พ่อก็ไม่ได้ทำงานแล้ว ไปร้านแล้วยังไม่ช่วยอะไรอีก พ่อต้องเป็นคนแบบไหนกัน? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องให้พ่อใช้ชีวิตชราด้วยความสบายใจเลย ถ้าพ่อไม่ต้องขยับไปไหนทุกวัน เวลาผ่านไปนานๆคงนอนเป็นผักไปแล้ว”
“แต่ ส่งเดลิเวอรี่ต้องตากแดดออกไปส่งทุกวัน…”
“เอาน่า ถ้าลูกจะพูดเรื่องนี้ งั้นก็กลับห้องลูกไปเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว พ่อไม่ฟัง”
เมื่อพูดจบ พ่อจางก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบังหน้าตัวเองไว้ ไม่ยอมคุยกับเสี่ยวเหยียน
เสี่ยวเหยียน: “…”
“พ่อ!”
พ่อจางบังหน้าต่อ ไม่สนใจหล่อน
เสี่ยวเหยียนหมดหนทาง จึงจำต้องกลับห้องไป หล่อนดูเสื้อผ้าในห้องอยู่นานสักพัก สุดท้ายก็เลือกที่จะใส่ชุดเหมือนวันปกติทั่วไป
ตอนที่ออกมาเสี่ยวเหยียนคิดว่า ปกติหล่อนก็แต่งตัวแบบนี้ ทำไมคบกันแล้วต้องเปลี่ยนตัวเองด้วยล่ะ? เขายอมคบกับตัวเอง นั่นก็หมายความว่าเขายอมรับตัวเองในแบบปกติทั่วไป แม้ว่าใจหล่อนคิดอยากเปลี่ยนแปลงให้ตัวเองเก่งมากขึ้นกว่าเดิม แบบนี้จึงจะทำให้หล่อนดูเหมาะสมกับเขา
แต่ทว่า…ระยะห่างของคนสองคน บางครั้งก็ไกลกันเหลือเกิน
ดูจากผลสำเร็จของธุรกิจเขาแล้ว เกรงว่าหล่อนทำงานทั้งชีวิตก็คงหามาไม่ได้
คิดไปคิดมา เสี่ยวเหยียนรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ไม่ได้ซื้อของอะไรสักอย่าง จึงทำได้เพียงโบกรถไปหาหานชิง
ตอนที่หานชิงได้รับข้อความจากเสี่ยวเหยียน เป็นเวลาหลังจากหล่อนส่งมาสิบนาที
เมื่อเห็นว่าสาวน้อยส่งข้อความมาหา เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นทันทีและโทรหาหล่อน
เสี่ยวเหยียนนั่งยองอยู่ริมถนน มองสภาพแวดล้อมตรงหน้าด้วยความมึนงง
ที่อยู่ของเขาอยู่แถวนี้แท้ๆ แต่ทำไมหล่อนถึงหาไม่เจอ ในหมู่บ้านมีบ้านเยอะมาก แต่หล่อนกลับไม่รู้ว่าหลังไหน ตอนแรกหล่อนคิดจะโทรหาหานชิง แต่เมื่อเห็นเวลา หล่อนก็คิดว่ายังเช้าเกินไป เพราะตอนแรกหล่อนวางแผนจะไปซื้อของก่อน จากนั้นค่อยไปหาหานชิงตอนบ่าย
ตอนนี้แผนเปลี่ยนไปแล้ว หล่อนไม่ได้ไปซื้อของ และไม่ได้กินอาหารเช้า แต่มาหาเขาทันที
อยากเจอเขาจนอดใจไม่ไหว
แต่ก็กลัวจะรบกวนเขาเช่นกัน
คิดไปคิดมา เสี่ยวเหยียนจึงส่งข้อความในวีแชทหาเขาเท่านั้น
รอไปสองสามนาที เขายังไม่ตอบกลับ เสี่ยวเหยียนจึงรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้กดโทรหาเขา ถ้าตอนนี้โทรหาเขา คงจะปลุกให้เขาตื่นแน่นอน
และไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ มือถือของหล่อนก็สั่นขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากหานชิง
เสี่ยวเหยียนใจเต้นแรงขึ้นมาก จากนั้นจึงกดรับสาย
“ฮัลโหล?”
“อยู่ไหน?” ตอนที่หานชิงที่โทรหาหล่อน เขาก็เปลี่ยนรองเท้าออกจากบ้านแล้ว จากนั้นก็มองหาไปรอบๆ
เสี่ยวเหยียนเม้มปาก ขำเล็กน้อย: “คุณตื่นแล้วเหรอ? ไม่ต้องรีบออกมาหาฉันก็ได้ ฉันส่งข้อความให้คุณแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณไม่ตอบฉันก็รู้ว่าคุณยังไม่ตื่น ดังนั้นฉันก็เลยเดินเล่นอยู่แถวนี้ก่อน คุณไม่ต้องรีบมาหาฉันนะ ไปล้างหน้า แล้วก็ทานอาหารเช้า รอให้คุณว่างค่อย…”
“เงยหน้า” เสียงอันเย็นชา ทันใดนั้นหานชิงก็พูดแทรกในสาย
เสี่ยวเหยียนตกใจตะลึง จากนั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองตามคำพูดของหานชิง
แวบเดียวก็เห็นหานชิงยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เขาสวมชุดแขนยาวขายาวแบบถักที่ดูสบายๆ เป็นเพราะยังไม่ได้แต่งทรงผมดีๆ จึงทำให้เห็นได้ชัดว่าผมของเขายุ่ง
เขาถือมือถือไว้ในมือ สายตาอันเย็นชามองมาที่ตัวหล่อน เผยอปากขึ้นเล็กน้อย
“เดี๋ยวผมไปหา”
จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็เหม่อมองหานชิงที่เดินเข้ามาหาตัวเอง
จนกระทั่งมาถึงตรงหน้าของหล่อนจึงจะตั้งสติขึ้นมาได้ หล่อนลุกขึ้นยืนพลางยิ้มให้อย่างเคอะเขิน: “ทะ..ทำไมคุณถึงออกมาเร็วขนาดนี้ล่ะ? อีกอย่าง…อยู่ใกล้กันแค่นี้ ก่อนหน้านี้ที่เคยมา ฉันไม่รู้ ดังนั้น…”
พูดได้เพียงครึ่งหนึ่ง เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดไปทันที หล่อนล้มลงไปตรงหน้าอย่างควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้
หานชิงจับแขนหล่อนไว้ได้ทัน และดึงตัวหล่อนเข้ามาไว้ในอ้อมอก
โครม!
หัวของเสี่ยวเหยียนชนเข้าไปที่หน้าอกของหานชิง หล่อนรู้สึกมึนๆงงๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ล้มลงไป
“เป็นอะไรไป?” หานชิงขมวดคิ้วขึ้น ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของหล่อนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และยังล้มลงไปด้านหน้า เหมือนจะเป็นลม เขาจึงรีบถามต่อ “นั่งยองนานเกินไป?”
เสี่ยวเหยียนหลับตาลง กัดริมฝีปากไว้แน่น พยักหน้าด้วยความสับสนมึนงง