บทที่1173 จับมือ
อาหารเช้ามื้อนี้ เสี่ยวเหยียนถูกป้อนเสียจนอิ่มแปล้
คงเป็นเพราะจูบนั้น เสี่ยวเหยียนก็เลยดีใจจนหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนสิ้น ในตอนที่หานชิงถามเธอออกมาอีกครั้ง เธอก็ได้เปลี่ยนคำพูดไป บอกไปว่าความจริงแล้วเธอยังไม่ได้กินมื้อเช้ามา แล้วยังพูดออกมาได้อย่างน่าสงสาร น่าสงสารเอามากๆ
หลังจากนั้นแล้ว…หานชิงวางอาหารมากมายลงบนโต๊ะด้านหน้าเธอ แล้วยังสั่งเธอว่าจะต้องกินมันให้หมด
“เยอะขนาดนี้ จะกินให้หมดได้ยังไงกัน?” เสี่ยวเหยียนกู่ร้องอยู่ในใจออกมาไม่หยุด ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ เธอก็คงไม่พูดออกมาหรอกว่าตัวเองยังไม่ได้กินมื้อเช้า
“กินเสร็จ เดี๋ยวก็อย่าเป็นลมเป็นแล้งไปอีกล่ะ”
ช่วยไม่ได้ เสี่ยวเหยียนไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา ทำได้แค่เพียงยัดอาหารเข้าปากไม่หยุด แต่ความจริงแล้วเขาก็หิวมากเหมือนกัน แล้วอีกอย่างอาหารมื้อนี้ก็เป็นมื้อเช้าจากความรักของแฟนหนุ่มมั้ยล่ะ? เสี่ยวเหยียนก็เลยกินจนหนำใจสุดๆ
หลังจากที่กินเสร็จ ท้องก็ป่องออกมาเล็กน้อย เธอเอนไปพิงข้างหลัง อดไม่ได้ที่จะลูบท้องตัวเอง สีหน้าดูทรมานออกมาเล็กน้อย
“กินอิ่มไปหรือเปล่า?” หานชิงขมวดคิ้วเครียดแล้วเอ่ยถามออกมา
เสี่ยวเหยียนกำลังจะพูดว่าไม่ออกไป ผลสุดท้ายพออ้าปากก็เรอออกมา เธอช็อกไปทันที แข็งค้างอยู่ตรงที่เดิม นั่งเบิกตากว้างอย่างไม่อยากที่จะเชื่ออยู่ตรงนั้น
เมื่อกี้นี้…เสียงนั้นเป็นเสียงที่เธอหลุดออกมา???? เธอมาหลุดเสียงน่าอายอย่างนี้ต่อหน้าหานชิงได้ยังไงกัน
หลังจากที่ได้สติกลับมา เสี่ยวเหยียนก็ยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองเอาไว้ แทบไม่กล้าไปจ้องตาของหานชิงเลย
แต่ก็ค่อยๆเปลี่ยนไปช้าๆ เธอนึกถึงคำพูดพวกนั้นที่หานชิงพูดกับเธอเมื่อกี้นี้ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วยังมีจูบนั้นอีก เขาบอกให้เธอไม่ต้องระมัดระวังขนาดนั้น เธอได้ยินมันจริงๆ
บางที เธอก็ลองแก้ไขตัวเองดูสักหน่อยก็ได้?
คิดถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนทำหน้าด้านกระแอมออกไปเบาๆ มองหานชิงไปอย่างไร้เดียงสา “คุณนั่นแหละผิด ที่ให้ฉันกินจนอิ่มเหมือนท้องจะแตก”
ความหมายก็คือ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณสั่งให้ฉันกินเยอะไป ฉันจะหลุดเสียงน่าอายอย่างนั้นออกไปได้ยังไง
ในตอนที่ได้ยินหญิงสาวกู่ร้องอย่างนี้ออกมา หานชิงก็นิ่งตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางเธอ
หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตของเขานั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะอาหาร เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่มาก สวมอยู่บนร่างของเธอจึงดูหลวมไป สองมือวางลงไปบนหน้าขา จับชายเสื้อตัวเองด้วยความประหม่า แสงด้านนอกหน้าต่างสะท้อนกับมุมที่มองเข้ามาพอดี ใบหน้าขาวของเธอประดับไปด้วยสีชมพูจางๆ ในตอนที่มองเขาในดวงตาก็เหมือนกับว่ามีประกายออกมา
เกินที่จะบรรยายได้ ริมฝีปากบางของหานชิงแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย “อืม ฉันผิดเอง งั้นก็ไปออกกำลังกายช่วยย่อยกันหน่อย?”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในตอนที่ได้ยินสองคำนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็คิดบิดเบี้ยวเกินที่จะบรรยายได้ ใบหน้าก็แดงออกมาทันที แต่เธอก็รู้ว่าที่หานชิงพูดออกมานั้นมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เพียงแต่รูปแบบความคิดของเธอจู่ๆก็บิดเบี้ยวไปก็เท่านั้นเอง
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็โคลงหัวออกมาทันที สลัดความคิดผิดปกติในหัวเหล่านั้นออกไป จากนั้นก็พยักหน้าออกไปอย่างแน่วแน่ “ดีเลย”
ทั้งสองคนก็ได้ออกไปเดินเล่นด้วยกัน
ที่นี่เป็นที่ที่คึกคักเจริญรุ่งเรือง แต่หลังจากที่ที่แห่งนี้ได้ถูกซื้อมาสร้างเป็นวิลล่า ก็ได้จัดทำระบบรักษาความปลอดภัยเรียบร้อย นอกจากคนที่อยู่ที่นี่แล้วคนอื่นๆปกติแล้วก็จะไม่สามารถมาทำอะไรซี้ซั้วที่นี่ได้ ในตอนนั้นที่เสี่ยวเหยียนมาก็เพราะการ์ดรักษาความปลอดภัยจำเธอได้ ถึงได้ปล่อยให้เธอได้เข้ามา
เพราะว่าเป็นวันอาทิตย์ หลายคนก็กำลังพักผ่อนกันอยู่ เส้นทางที่เงียบสงัดข้างๆก็ล้วนแล้วแต่จะปลูกต้นไม้ใบหญ้าอยู่เต็มไปหมด อากาศดีมากๆ จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ได้พบว่าไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็มีคนมาวิ่งกัน เดิมทีเธอคิดว่าเวลานี้ควรจะไม่มีใครมาวิ่งแล้วเสียอีก แต่นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่เธอกับหานชิงออกมากันเพียงไม่นาน ก็เจอกับคนที่วิ่งไปวิ่งมาอยู่หลายคน และก็ยังมีบางคนที่กำลังเตรียมออกเดินทางอยู่ด้วยเหมือนกัน
เธอห่อเหี่ยวใจขึ้นมาเล็กน้อย วิ่งออกกำลังกายไม่ใช่ว่าควรมาวิ่งให้เช้าหน่อยหรือไง? เวลานี้ไม่ร้อนหรอ? กำลังคิดอยู่นั้นเอง ชายวัยกลางคนที่อ้วนลงพุงคนหนึ่งก็วิ่งมาเข้ามา เสี่ยวเหยียนมองรูปร่างเขาไปแวบนึง ก็ได้หดตัวมาหลบอยู่ข้างๆหานชิงไปตามสัญชาตญาณ เพื่อเว้นช่องทางให้เขา
แต่ใครจะรู้ว่าชายคนนั้นจะหยุดลงไม่ไกลจากตรงหน้าพวกเขา จากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนคอมาเช็ดเหงื่อ พลางเดินมาหาพวกเขา
“ท่านประธานหาน”
ที่แท้ก็รู้จักกัน? เสี่ยวเหยียนคิดในใจ ถอยห่างออกไปจากหานชิงเงียบๆ ทันทีที่ขยับไปเพียงสองก้าวมือก็ถูกหานชิงคว้าเอาไว้
เสี่ยวเหยียนตกตะลึงไปเล็กน้อย ลำตัวไม่ขยับขึ้นมาทันที
คาดว่าคงเป็นเพราะเดินมาได้สักพักนึงแล้ว ฝ่ามือของเขาก็เลยร้อนมาก ร้อนเสียจนแทบจะแผดเผาเธออยู่แล้ว
เสี่ยวเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ภายในใจก็คิดฟุ้งซ่านไปหมด
หานชิงมองไปทางคนที่มา พยักหน้านิ่งๆออกไป “ประธานเฉินมาวิ่งตอนเช้า?”
“ใช่แล้ว อายุมากแล้ว คนที่บ้านก็บอกว่าผมอ้วนเกินไป ก็เลยไล่ให้ผมออกมาออกกำลังกาย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลังจากนี้ไขมันสะสมมากเกินไป แล้วจะป่วยง่ายขึ้นมา” พูดจบ เขาก็ยิ้มแล้วเช็ดเหงื่ออีกครั้ง หลังจากนั้นสายตาก็มองไปทางเสี่ยวเหยียน สายตาก็มองไปอย่างสำรวจ “คนนี้คือ?”
เสี่ยวเหยียนที่ถูกเอ่ยถึงก็ประหม่าขึ้นมาทันที กัดริมฝีปากตัวเองออกมา กำลังคิดอยู่ว่าหานชิงจะแนะนำเธอให้กับคนอื่นเขายังไง?
แฟนหรือเปล่า? หรือจะบอกว่าเป็นแค่เพื่อนทั่วๆไป?
แต่เพียงไม่นาน เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกได้ถึงมือใหญ่ของเขาที่กำลังกุมอยู่นั้นกุมแน่นมากขึ้น หลังจากที่ได้ยินเสียงนิ่งเรียบแต่กลับทำให้หัวใจเต้นแรงเต็มๆของหานชิงขึ้นมาแล้ว
“แฟน เจอกันครั้งแรก แนะนำตัวกับประธานเฉินเขาหน่อย”
หานชิงมองแฟนสาวของตัวเองเสียจนเหมือนกับว่ากำลังปกป้องลูก พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนออกมา
เสี่ยวเหยียนเรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปหาชายวัยกลางคนด้วยท่าทางประหม่าพร้อมฉีกยิ้มออกมา “ประธานเฉิน สวัสดีค่ะ ฉัน ฉันชื่อจางเสี่ยวเหยียน…”
คาดว่าคงเป็นเพราะความประหม่า เธอพูดจบก็ยังโค้งตัวให้กับอีกฝ่ายเล็กน้อย
สายตาของประธานเฉินจรดลงมาบนใบหน้าของเธอพร้อมฉีกยิ้มกว่าออกมามากกว่าเดิม พยักหน้าเอ่ยชมออกมา “ท่านประธานหานก็ตาดีนี่นา สาวน้อยสวยไม่เบาเลย พวกเรายังคิดกันเลยว่าคุณจะไม่มีทางหาแล้ว นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย ว่าจะแอบหาอยู่เงียบๆ”
อีกอย่างเห็นท่าทีนี้แล้ว แล้วยังปกป้องเสียอย่างกับอะไรดี เขาที่อยู่ไกลๆเห็นหานชิงที่ได้ชื่อว่าไม่เข้าใกล้มนุษย์เพศเมียเป็นฝ่ายจับมือผู้หญิงเอง แล้วก็ยังถึงขนาดที่แนะนำออกมาเอง
พูดจบ ประธานเฉินก็มองเสี่ยวเหยียนไปอีกครั้ง พร้อมยิ้มออกมา “หายากหายาก สาวน้อยก็รักษาเอาไว้ให้ดีล่ะ อย่าว่าแต่ในบริษัทของพวกเขาเลย ในบริษัทพวกเราเองก็ยังให้เขาเป็นเป้าหมายในการตามจีบกันเลย”
ใบหน้าเสี่ยวเหยียนแดงก่ำออกมา พยักหน้าออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก
แต่หานชิงกลับเอ่ยเตือนด้วยเสียงเรียบเย็น “ประธานเฉินวิ่งเสร็จแล้ว ควรกลับไปได้แล้วล่ะมั้ง? พวกเรายังต้องเดินย่อยกัน คงต้องขอตัวก่อนแล้ว”
เขารักษาระยะห่างกับคนอื่นมาโดยตลอด ห่างเป็นพิเศษ ตอนแรกก็มีคนไม่พอใจกัน แต่ภายหลังก็เห็นเขาทำอย่างนี้กับทุกคน ก็เลยได้ก่อตัวเป็นความเคยชินขึ้นมาโดยปริยาย
ยิ่งไปกว่านั้นคนเขาก็ยังมีมารยาทมาก ถึงแม้ว่าจะทำให้คุณรู้สึกเย็นชาอย่างมาก แต่ถ้าคุณทักทายเขา เขาเองก็จะแสดงความเคารพกลับมา ถึงยังไงมันก็ทำให้คนอื่นไม่มีปัญหากัน
ดังนั้นแล้วประธานเฉินก็ได้พยักหน้าออกมาทันที “ครับ งั้นพวกคุณก็ไปเดินเล่นกันเถอะ ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ”
เดินเข้าไปทางข้างหน้าอีก เสี่ยวเหยียนอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงไปเลยจริงๆ มองภาพที่ทั้งสองคนจับมือกันอยู่แวบนึง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอยังโมโหใส่เขาเตรียมการนัดบอดเพื่อพาตัวเองแต่งออกไป นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ทั้งสองคนจะคบกัน
ไม่รู้ว่าเขาจะจับมือเธอเดินตลอดไปได้หรือเปล่า