บทที่1179 ชายผู้ที่อยู่ในห้วงความรัก
จากนั้นเธอก็หันหลังวิ่งเข้าไปในห้องครัว
หานชิงกับหลินสวี่เจิ้งพูดคุยกันเสร็จ หันกลับมาก็พบว่าสาวน้อยได้วิ่งเข้าไปในครัวแล้ว เหลือเพียงหลัวหุ้ยเหม่ยแค่คนเดียว
เขาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็กลับมานิ่งอีกครั้ง หลังจากบอกลาหลัวหุ้ยเหม่ยไปก็เดินออกไปพร้อมกับหลินสวี่เจิ้ง
เสี่ยวเหยียนอยู่ในห้องครัวไม่รู้ว่านานแค่ไหน หลัวหุ้ยเหม่ยก็เข้ามา
“แม่ พวกเขาไปแล้วหรอ?”
“ไปแล้ว อยากรู้ขนาดนั้นทำไมไม่อยู่ด้านนอกเอง?”
เสี่ยวเหยียนไม่ได้ตอบ ในใจก็คิดว่าตอนกลางวันเพิ่งเจอหานชิงไป ถ้าติดกันเกินไปแล้วอีกฝ่ายเกิดเบื่อขึ้นมาเธอจะทำยังไง?
และหลังจากที่มีความรัก เธอก็ดูแลงานที่ร้านได้น้อยลง อย่างนี้มันไม่ไหวเลย เธอจะต้องจัดสรรเวลาให้ดี
*
ในช่วงปลายเดือน เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เริ่มนับเวลาถอยหลังจากวันที่หานมู่จื่อต้องคลอดลูก เหลือเวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้น
ช่วงเวลานี้เย่โม่เซินก็คอยเฝ้าเธอไม่ปล่อยกว่าเดิม แทบจะดูแลกันทุกฝีก้าว ไม่คลาดสายตาแม้แต่ก้าวเดียว ตามการพูดของเสี่ยวหมี่โต้วแล้ว เขาคิดว่าแด๊ดดี้บ้าไปแล้ว วันทั้งวันเฝ้าหม่ามี๊อยู่เหมือนอย่างกับคนบ้า อะไรก็ต้องยุ่งไปเสียทุกอย่าง
QAQแง ผู้ชายที่กำลังมีความรัก~~
เนื่องจากจวนใกล้จะคลอดแล้ว ดังนั้นแล้วในตอนที่เสี่ยวเหยียนได้รับการเรียกหาจากหานมู่จื่อให้ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ เย่โม่เซินก็ยังคอยเฝ้าดูอยู่ข้างๆ ทำให้เสี่ยวเหยียนไม่ว่าจะยังไงก็คิดว่ามันไม่เป็นไปอย่างธรรมชาติเอามากๆเลย อยากหาเวลาพูดกระซิบกระซาบกับหานมู่จื่อก็ไม่มีโอกาสเลย
ทำได้เพียงกดเสียงตัวเองให้เบาลง บ่นกับหานมู่จื่อไปเบาๆ
“ทำไมคุณชายเย่ถึงยังไม่ไป เขาจ้องอยู่อย่างนี้ ฉันทำตัวไม่ถูกแล้ว”
ถึงแม้ว่าเสี่ยวเหยียนจะรู้ว่าความสนใจของเย่โม่เซินอยู่เพียงแค่ที่ตัวของหานมู่จื่อ แต่เธอก็อยู่ที่นี่ด้วย เย่โม่เซินอยู่ในห้องนี้ เธอก็รู้สึกว่าความกดอากาศต่ำลงมากเลย
หานมู่จื่อกำลังฉีกกลีบส้มเข้าปากกิน ได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองเย่โม่เซินไปแวบนึง พบว่าเขากำลังนั่งกอดอกอยู่ตรงหน้า จ้องมาทางนี้ไปอย่างไม่กะพริบตา
“เอ๊” หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจออกมา หันไปหาเสี่ยวเหยียน “บอกตามตรง ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้เขาแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าคลอดแล้วจะดีขึ้นอีกสักหน่อยหรือเปล่า จ้องฉันเสียเหมือนอย่างกับนักโทษไม่มีผิด”
เสี่ยวเหยียน “…ฟังดูแล้วก็ค่อนข้างจะน่ากลัวอยู่นะ”
พูดจบทันใดนั้นเองเสี่ยวเหยียนนึกถึงอนาคตของตัวเองกับหานชิงขึ้นมา ถ้าในอนาคตเธอก็ท้องขึ้นมาเหมือนกัน หานชิงจะเฝ้ามองเธอเหมือนกับที่คุณชายเย่เฝ้ามองภรรยาของเขาอย่างนี้หรือเปล่า?
ดูเหมือนว่า…มันก็ไม่ได้แย่นะเนี่ย
คิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว ทันใดนั้นเองเสี่ยวเหยียนก็สามารถเข้าใจถึงวิธีที่เย่โม่เซินกำลังทำอยู่ คาดว่าคนมีความสามารถมากมายคนนั้นเวลาชอบอะไรจนถลำลึกเข้ามากๆแล้วก็คงเป็นอย่างนี้ล่ะมั้ง?
“ความจริงแล้วคุณชายเย่ก็คงเป็นห่วงเธอมากไป”
สำหรับวิธีที่เย่โม่เซินทำหานมู่จื่อกลับไม่ได้รู้สึกว่ามันน่ารำคาญ เพียงแค่รู้สึกว่าเย่โม่เซินทำอย่างนี้จะทำตัวเองเหนื่อยเอา ถึงยังไงในตอนที่เธอยังพักผ่อนอยู่นั้น เขาก็ยังคอยเฝ้าอยู่ ตอนเธอตื่นเขาก็ยังไม่พักเลย
นี่หลังจากที่คลอดแล้วจะทนรับไหวหรือเปล่า?
“คำพูดพวกนี้ที่ฉันพูดออกมาด้วยความจริงใจทั้งนั้น แต่ฉันก็ขี้ขลาด ฉันไม่ค่อยอยากจะอยู่ที่เดียวกับเขาเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นแล้ว…ฉันขอตัวกลับก่อน?” เสี่ยวเหยียนแสดงความไม่พอใจออกมากับหานมู่จื่อเบาๆ
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว สายตาของหานมู่จื่อเหลือบมองเธอไปเงียบๆ
“นานๆทีที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนฉันสักที นี่เพิ่งจะนานเท่าไหร่เองเธอก็จะไปแล้ว? หรือว่าไม่ใช่เพื่อนสนิทกันแล้ว?”
เสี่ยวเหยียน “…”
เธอเองก็คิด แต่บรรยากาศแบบนี้มันน่ากลัวเกินไป
“เอาอย่างนี้มั้ยเธอก็เรียกพี่ชายฉันมาด้วยสิ?”
เสี่ยวเหยียน “???”
เสี่ยวเหยียนรู้ว่าเรื่องที่เธอคบกับหานชิงปิดบังเธอไม่ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะบอก แต่ถึงยังไงที่ร้านก็มีคนที่เก็บความลับไม่อยู่อยู่ด้วยคนนึง นั่นก็คือเสี่ยวหมี่โต้วนั่นเอง
กับหม่ามี๊ของเขา เสี่ยวหมี่โต้วเก็บความลับอยู่ที่ไหน?
เสี่ยวเหยียนพ่ายแพ้ขึ้นมา “เขาก็คงกำลังยุ่งมากเลยนะ?”
หานมู่จื่อโบกมือแสดงความคิดเห็น “หรือว่าแฟนจะไม่สำคัญกว่างาน?”
เสี่ยวเหยียน “…”
“ส่งไปเถอะ ให้เขามาพาเย่โม่เซินออกไปซะ ฉันเองก็ถูกจ้องเสียจนรู้สึกกลัวอยู่พอดี”
หานมู่จื่อพูดออกมาอย่างนี้ด้วย เสี่ยวเหยียนจำต้องหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาหานชิง
หลังจากที่ส่งข้อความไปแล้ว ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมาอยู่สักพัก เสี่ยวเหยียนคิดคำนวณอยู่เล็กน้อย ในตอนนี้หานชิงก็คงเคลียร์งานอยู่ที่บริษัท จะให้ตอบแชทเธอก็คงยาก
“เขาคงยุ่งมาก จะตอบกลับมาหรือเปล่าฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันก็ส่งไปแล้วนะ”
คำพูดเพิ่งจะหลุดออกไป เสียงมือถือก็ดังขึ้นมา
พอเสี่ยวเหยียนอ่านข้อความในวีแชท นึกไม่ถึงว่าหานชิงจะตอบเธอกลับมา
สิ่งที่เธอถามออกไปก็คือตอนนี้คุณว่างหรือเปล่า? หานชิงก็ถามเธอออกมาตรงๆว่าเธอมีอะไร?
ในตอนที่เสี่ยวเหยียนอ่านข้อความ หานมู่จื่อก็เข้ามาหา เห็นคำถามนี้ก็เร่งเสี่ยวเหยียนทันที
“รีบให้เขามาสิ”
เสี่ยวเหยียน “…ฉันรู้สึกว่ามันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอกมั้ง ช่างมันไปเถอะดีมั้ย?”
“เธอจะกลัวขนาดนี้ไปทำไม? เขาเป็นแฟนเธอนะ ไม่ใช่ศัตรูของเธอสักหน่อย และเธอเพียงแค่พูดคำเดียว จะยอมหรือเปล่าก็เรื่องของเขา”
คาดว่าเป็นเพราะถูกหานมู่จื่อโน้มน้าว เสี่ยวเหยียนก็ได้เริ่มพูดเรื่องที่อยากให้เขามาไปกับหานชิงไปจริงๆ แต่เธอก็พูดออกไปค่อนข้างที่จะอ้อมค้อม
‘เอ่อ~ ตอนนี้ฉันกำลังอยู่กับมู่จื่อ คุณจะมาด้วยหรือเปล่า? ’ พูดจบ ก็ยังกลัวหานชิงจะคิดว่าอารมณ์ในคำพูดของตัวเองมันค่อนข้างจะดูเกินไปหน่อย ก็รีบเลือกหาสติกเกอร์น่ารักๆส่งไป
หานมู่จื่อที่อยู่ข้างๆก็อยู่เป็นพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ระหว่างนั้นทั้งหมด กะพริบตาปริบๆออกมา
“ปกติพวกเธอคุยกันอย่างนี้?”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าออกมา “ใช่ มีปัญหาหรอ?”
หานมู่จื่อยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่มีปัญหาอะไรหรอก รอให้เขามา”
เธอมีความสุขก็พอ การคบกันอย่างนี้มันก็ไม่เลวเลยเหมือนกัน
“เอ่อ ตอนนี้เขากำลังทำงานอยู่ ก็คงไม่มีทางมาได้หรอก”
เพิ่งจะพูดจบ หานชิงก็ตอบข้อความมา
‘รอฉัน’
เสี่ยวเหยียนนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะตอบรับกลับมาจริงๆ หัวใจจึงเต้นแรงขึ้นมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใส่ในกระเป๋า
“ฉันก็บอกแล้วนี่ว่าเขาจะมาน่ะ?” หานมู่จื่อขยิบตาให้เธอ พร้อมส่งยิ้มออกมา
“จะต้องได้ข่าวว่าฉันอยู่กับเธอที่นี่แน่ๆ เพราะถึงยังไงเธอก็เป็นน้องของเขา เขาจะต้องมาอยู่แล้ว”
“ใช่หรอ?” หานมู่จื่อเลิกคิ้วออกมา แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ
เพียงไม่นาน หานชิงก็มาถึง ในตอนที่มาหาคนก็ได้พบว่าภายในห้องเย่โม่เซินเองก็อยู่ด้วย การเผชิญหน้ากับพี่เขยของตัวเอง ท่าทีของเย่โม่เซินถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนมกันนัก แต่ก็ไม่ได้เฉยชาต่อกัน
ผู้ชายทั้งสองคนต่างพยักหน้าให้กัน เพื่อเป็นการทักทาย
จากนั้นหานชิงก็ได้เดินเข้ามาทางเสี่ยวเหยียน หลังจากที่ได้ถามอาการโดยรวมของหานมู่จื่อไปสักหน่อยแล้ว ก็ได้หันไปทางเสี่ยวเหยียน
“เรียกฉันมา มีเรื่องอะไร?”
เสี่ยวเหยียนทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันที พูดอ้อมแอ้มออกไป “ไม่ ไม่มีอะไร…ก็แค่…”
“พี่คะ” หานมู่จื่อเอ่ยขัดพวกเขาทั้งสองคนออกมา “ไม่มีอะไรแล้วเรียกให้พี่มาไม่ได้เลยหรอ? พี่อย่าเอาแต่ทำงานไปเลย อยู่กับแฟนให้มากหน่อยสิ”
เสี่ยวเหยียน “…”
เธอแอบดึงเสื้อของหานมู่จื่อเบาๆ แต่หานชิงก็ไม่ได้ตอบอะไร หลังจากที่มองหานมู่จื่อไปแวบนึงแล้ว เหมือนกับว่าจะยอมรับในคำพูดนี้อยู่เป็นนัย จากนั้นก็พยักหน้าออกมา “ได้”
ผ่านไปหลายนาที
เสี่ยวเหยียนกับหานมู่จื่อมองทั้งสองคนนั้นที่กำลังนั่งเคียงกันอยู่ด้วยสีหน้าเฉยชา ผู้ชายที่มีออร่าของความเย็นชาเหมือนกัน ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่สักพักใหญ่ๆ ได้ยินหานมู่จื่อถอนหายใจออกมา
“ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ก็คงไม่เรียกให้เขามาหรอก”
เดิมทีสิ่งที่หานมู่จื่อคิดนั้นก็คือหลังจากที่หานชิงมาก็สามารถพาเย่โม่เซินกลับไป แล้วหลังจากนั้นเธอก็จะได้เม้าท์มอยกับเพื่อนสาวของเธอ แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะมานั่งอยู่ด้วยกันกับเย่โม่เซินอย่างนี้ นี่ก็คือที่เขาเรียกกันว่าอยู่เป็นเพื่อนแฟนหรือเปล่า?