บทที่1180 คุณอย่าได้คิดเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย
หานมู่จื่อแสดงอาการสิ้นหวังออกมา
เสี่ยวเหยียนก็แสดงอาการทำตัวไม่ถูก เพราะว่าเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นอย่างนี้ไปได้ และสำหรับเธอแล้ว เย่โม่เซินอยู่ในห้องทำให้เธอหายใจไม่สะดวก ตอนนี้เพิ่มหานชิงไปอีกคน เสี่ยวเหยียนคิดว่าตัวเองไม่อาจหายใจได้อยู่แล้ว~
ทันใดนั้นเองหานมู่จื่อก็ได้เอ่ยปากพูดออกมา
“จะปรึกษากันสักหน่อย พวกคุณสองคนออกไปสิ”
เย่โม่เซิน “…”
หานชิง “…”
หลังจากผ่านไปได้สักพัก หานชิงก็เอ่ยถามเสียงเรียบออกมา “เป็นอะไรไป?”
สบสายตากับเขา เสี่ยวเหยียนก็รีบมองไปทางอื่น แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ให้หานมู่จื่อตอบกลับคำถามเขาออกไป “พวกเราทั้งสองคนอยากคุยกัน พวกคุณทั้งสองคนออกไปคุยกัน ไม่ได้หรอ?”
“ไม่ได้” ไม่รอให้หานชิงได้เอ่ยปากพูดออกมา เย่โม่เซินก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอของหานมู่จื่อออกมา เขาจ้องมองหานมู่จื่อนิ่ง เหมือนกับว่าจะไม่กลัวว่าตาจะล้าเลยสักนิด “ผมต้องอยู่เฝ้าคุณนะ”
คุณหมอได้กำชับเอาไว้แล้วว่าเธอคลอดลูกก็เป็นเรื่องของสองวันนี้ คนในครอบครัวจะต้องเฝ้าอยู่ใกล้ๆตัวตลอดเวลา เพื่อป้องกันเรื่องที่ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นมา ช่วงก่อนหน้านั้นเย่โม่เซินก็มาเฝ้าเธออยู่ตลอด ไม่มีทางที่จะเหนื่อยหน่ายในสองวันนี้ได้เลย
เสี่ยวเหยียนฟังอยู่ข้างๆ คิดว่าเย่โม่เซินจะต้องไม่มีทางไปแน่ คาดว่าก่อนหน้าที่หานมู่จื่อจะคลอด เขาจะต้องอยู่เฝ้ามู่จื่อสุดชีวิตแน่ คิดไปสักพัก เสี่ยวเหยียนก็ลองเอ่ยถามเลียบเคียงออกไป “ไม่งั้นพรุ่งนี้ฉันค่อยมาเยี่ยมเธอใหม่ดีกว่า?”
หานมู่จื่อมองเธอมาด้วยสายตาของความขุ่นเคือง เสี่ยวเหยียนมีอาการร้อนตัวขึ้นมาทันที เธอก็อยากจะอยู่กับมู่จื่อให้มากกว่านี้อีกหน่อย ถ้าเย่โม่เซินไม่อยู่ที่นี่ล่ะก็ เธอก็จะสามารถอยู่ค้างคืนกับหานมู่จื่อได้ แต่เธอกับมู่จื่อถึงแม้ว่าจะคุ้นเคยกัน แต่กับคุณชายเย่นั้นก็ยังไม่ค่อยสนิทสนมกันเท่าไหร่นัก
ในตอนที่เสี่ยวเหยียนเตรียมที่จะพูดอะไรออกมาอีก แต่หานชิงก็กลับพูดขึ้นมาในเวลานี้
“ความจริงแล้วนายไม่ต้องเฝ้าน้องสาวขนาดนี้ก็ได้ คลอดลูกไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ว่ายังมีเวลาอีกสองวันหรือไง? ถึงวันที่เธอคลอดวันนั้นแล้ว นายจะอยู่เฝ้าเธออีกก็ได้”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เย่โม่เซินก็ยิ้มหยันออกมา ไม่เห็นด้วยกับความเห็นของเขาเลยสักนิด
“เมื่อไหร่ที่ภรรยาของนายคลอดลูก ถ้านายสามารถใจเย็นอยู่อย่างนี้ได้ก็ค่อยมาถามเรื่องนี้กับฉันอีกทีแล้วกัน”
คำพูดนี้ ได้ทำเอาหานชิงรู้สึกจ๋อยขึ้นมาเลยทีเดียว
หานชิง “…”
เสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้างๆ “…”
หานมู่จื่อพูดออกมาอย่างสิ้นหวัง “ช่างเถอะ พวกเธอกลับกันไปก่อนเถอะ”
เสี่ยวเหยียนก็รีบลุกขึ้นหนีทันที “งั้นก็ได้ ฉันไปก่อนล่ะ อีกสองวันแล้วค่อยมาเยี่ยมเธอใหม่”
“จะไม่แสดงอะไรออกมาสักหน่อยเลยหรอ? ฉันเพิ่งจะพูดออกไป เธอก็รีบร้อนทนรอแทบไม่ไหวเสียขนาดนี้ มิตรภาพพังทลาย!” หานมู่จื่อมองเสี่ยวเหยียนแล้วป่าวประกาศออกไปด้วยความเศร้าเสียใจ
“อืม! สองวันนี้ก็ให้พังไปก่อนชั่วคราวแล้วกัน รอให้เธอคลอดลูกแล้วพวกเราก็ค่อยคืนดีกันนะ” เสี่ยวเหยียนตบแก้มหานมู่จื่อไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมเอ่ยเสียงหวานออกไป “วันที่เธอคลอดฉันจะมาหาเธอนะ”
จากนั้นเสี่ยวเหยียนกับหานชิงก็ได้ออกไปพร้อมกัน หลังจากที่ทั้งสองคนออกมาจากวิลล่า ในที่สุดเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา เห็นการแสดงออกเล็กๆของหานชิงแล้วก็มีทั้งความอยากพูดและทั้งไม่กล้าพูดออกมา
สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา “คุณชายเย่เฝ้ามู่จื่อเสียจนไม่ละสายตาเกินไปแล้ว แม้แต่ฉันจะอยู่ที่นี่ด้วยก็ยังไม่วางใจอีก”
“ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่จะได้เป็นพ่อ แต่ถึงยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เผชิญกับการคลอดลูก ก็ถือว่าปกตินี่” หานชิงตอบเธอออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ปกติหรอ?” เสี่ยวเหยียนนึกความสงสัยขึ้นมา จากนั้นก็ร้องอ๋อออกมา “ผู้ชายที่เป็นพ่อคนครั้งแรกหรือไม่ก็ในตอนที่เผชิญหน้ากับการคลอดลูกจะเป็นกันอย่างนี้?”
ได้ยินอย่างนี้แล้ว หานชิงชะงักไป หลังจากที่ผ่านไปได้สักพักนึงแล้วริมฝีปากบางก็เม้มเข้าหากัน “คือกำลังถามฉัน?”
เอ่อ…
“ว่ากันตามหลักแล้ว ผู้ชาย80เปอร์เซ็นต์ก็ควรจะเป็นอย่างนี้ แต่ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่หรอกนะว่าตัวเองจะอยู่ใน80เปอร์เซ็นต์นี้ หรือว่าอีก20เปอร์เซ็นต์ที่นอกเหนือจากนั้น หรือถ้าเธออยากรู้ จะลองดูก็ได้นะ”
“ลอง?” เสี่ยวเหยียนพูดต่อออกมาอย่างไม่รู้ตัว
พูดต่อออกไปเสร็จ เธอก็ได้รู้ตัวขึ้นมาว่าคำพูดของหานชิงมันหมายความว่าอะไร ใบหน้าขาวเนียนแดงก่ำออกมาทันที มองหานชิงอย่างข่มกลั้นอารมณ์อยู่นาน “หยาบคาย!!”
นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกำลังหยอกล้อเธออยู่!
ปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนั้นของหญิงสาวได้ทำให้หานชิงคาดเดาเอาไว้ก่อนแล้ว รอยยิ้มตรงริมฝีปากก็กว้างออกมา แม้แต่นัยน์ตาดำสนิทก็ยังเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“หยาบคายอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าเธอกำลังตั้งคำถามอยู่หรือไง? ฉันก็แค่ให้คำตอบอย่างมีประสิทธิภาพกลับไปก็เท่านั้นเอง”
พูดเหลวไหล!
ตอบอย่างมีประสิทธิภาพอะไรกัน เห็นๆกันอยู่ว่ากำลังล้อเธออยู่!
เสี่ยวเหยียนแสดงอาการโกรธเคืองออกมา แต่ภายในใจนั้นยิ่งรู้สึกมีความสุขขึ้นมา คำพูดอย่างนี้ของหานชิงหมายความว่าเขาตั้งใจจะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ยืนยาวกับเธอต่อไปงั้นหรอ? คิดไปถึงเรื่องที่จะแต่งงานมีลูกกับเธอ?
ไม่รู้ว่าทำไม ยิ่งคิดหน้าเสี่ยวเหยียนก็ยิ่งแดง ใบหูก็ยิ่งร้อนขึ้นมาเรื่อยๆ เธอรีบกดเลื่อนหน้าต่างรถให้ลมพัดเข้ามา
“ร้อน?” หานชิงคนนี้ยังคงทำตัวเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว นึกไม่ถึงว่าจะยังเอ่ยปากถามเธอออกมา “อยากให้เปิดแอร์หน่อยมั้ย?”
เสี่ยวเหยียน “…ไม่ต้อง ขอบคุณ”
ตาแก่แรดกว่านี้อีกได้หรือเปล่า? จริงๆเลย! เกินไปแล้วนะ!
เสี่ยวเหยียนกู่ร้องอยู่ในใจ แต่ภายนอกกลับไม่กล้าแม้แต่จะหลุดเสียงตดออกไปด้วยซ้ำ!
ผ่านไปได้สักพัก มาถึงไฟสัญญาณจราจร รถก็หยุดจอด บรรยากาศภายในรถก็น่าอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เสี่ยวเหยียนเอาแต่มองนอกหน้าต่างไม่พูดอะไร
หานชิงเหล่ตามองไปเล็กน้อยก็สามารถมองเห็นหญิงสาวยู่ปากพิงเข้ากับฝั่งหน้าต่างรถ ท่าทางเหมือนกับไม่อยากจะพูดกับเขา
เขาก็อดไม่ได้ที่คิดจะเย้าแหย่เธอเล่นขึ้นมา
“ใครกันที่ส่งข้อความมาหาฉัน ให้ฉันมา?”
ได้ยินอย่างนั้น ร่างของเสี่ยวเหยียนก็ชะงักไปเล็กน้อย แอบมองไปทางหานชิง ก็เห็นหานชิงกำลังจ้องเธออยู่
“ตอนนี้ฉันมาแล้ว แม้แต่สนใจก็ยังไม่ยอมสนใจฉันเลย?”
เสี่ยวเหยียน “…ฉัน ฉันไม่ยอมสนใจคุณที่ไหนกัน คุณไม่ใช่ว่ากำลังขับรถอยู่หรอ? ฉันก็แค่ไม่อยากให้คุณเสียสมาธิเท่านั้นเอง”
“ตอนนี้เป็นไฟแดง” หานชิงเอ่ยเตือนสติเธอ
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันรู้อยู่แล้วน่า”
ช่วงเวลาของไฟแดงก็ไม่ได้นานเท่าไหร่ กำลังจะเปลี่ยนเป็นไฟเขียวแล้ว
“ยังมีอีก25วิ” เขาเอ่ยออกมาอีกครั้ง
เสี่ยวเหยียน “…25วิทำอะไรได้?”
เธอมองหานชิงไปด้วยใบหน้าที่งุนงง ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมจู่ๆเขาถึงได้เตือนเธอขึ้นมาในเวลานี้ ในตอนที่เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ก็ได้พบว่าในแววตาของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้มจางๆ ยังมีอารมณ์อื่นอยู่บ้าง
และก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่เสี่ยวเหยี่ยนก็หน้าแดงเสียจนบอกไม่ถูก “คุณ คุณอย่าคิดเพ้อเจ้อไปเลย!”
“หืม?”
“พอหยุดไฟแดงคุณก็คิดอย่างนั้นขึ้นมา มันอันตรายเกินไป ไม่ได้นะ!”
หานชิงหรี่ตาลงเล็กน้อย “อย่างนั้น?”
เขาเหมือนกับว่าจะดูสับสนออกมาเล็กน้อย ผ่านไปครู่นึงก็นึกออกว่าอย่างนั้นที่เสี่ยวเหยียนหมายถึงนั้นเป็นอะไร ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เธอบอกว่าฉันขับรถอยู่ไม่อยากให้ฉันเสียสมาธิ ฉันเตือนเธอว่าตอนนี้ยังมีอีก25วิ ก็เพื่อให้เธอพูดกับฉัน ทำไมพอไปถึงเธอ ก็กลายเป็นว่าฉันคิดอย่างนั้นไปได้ล่ะ? หรือว่าจะเป็นเธอที่คิด?”
ตรงประโยคสุดท้ายนั้น หานชิงจงใจพูดออกมาช้าๆทั้งยังเปลี่ยนน้ำเสียง บรรยากาศภายในรถก็เปลี่ยนไม่เหมือนเดิมขึ้นมาทันที
เสี่ยวเหยียนก็สำลักออกมาอันที มองเขาจนนิ่งอึ้งไป
นี่เธอยกหินขึ้นมาแล้วทำหล่นทับเท้าตัวเองไปหรอเนี่ย?
“อืม ดูเหมือนว่าจะคิดจริงๆ แต่ตอนนี้มันไม่สะดวก เดี๋ยวดูก่อนว่ามีโอกาสหรือเปล่านะ”
คำพูดเพิ่งจะหลุดออกมา ช่วงเวลาของไฟแดงก็หมดลง หานชิงเตรียมขับรถ เสี่ยวเหยียนถูกเข้าใจผิด ทำได้แค่เพียงอธิบายออกไปด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ใครเขาคิดกัน? ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย ทั้งๆที่คุณทำให้ฉันเข้าใจผิดเองแท้ๆ มาตอนนี้ทำไมถึงได้โยนมาที่ฉันคนเดียวล่ะ?”