บทที่1185 ทำคลอด2
แท้จริงหานมู่จื่ออยากพูดว่า นายอยู่ข้างฉันแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันกดดันกว่าเดิมอีก ยังไงตอนที่เจ็บปวดสีหน้าของเย่โม่เซินเหมือนจะเจ็บกว่าเธอเสียอีก
พอคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อรู้สึกละอายใจจนเหงื่อออกเต็มหน้า
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้รู้สึกว่า เหมือนคนที่คลอดลูกจริงๆแล้วคือเย่โม่เซิน ไม่ใช่เธอ
หมอเดินเข้ามา แล้วมองเย่โม่เซินแวบหนึ่ง พูดให้คำแนะนำว่า : “จะอยู่ทำคลอดไม่ใช่ว่าไม่ได้นะครับ อย่าลืมให้กำลังใจคนคลอดด้วยนะครับ ช่วยให้กำลังใจเธอนะครับ”
เย่โม่เซินพยักหน้าเล็กน้อย แสดงให้รู้ว่าเขาได้ยินแล้ว
ช่วงเวลาหลังจากนี้ ถ้าหมอสั่งให้หานมู่จื่อทำยังไง หานมู่จื่อก็ต้องทำอย่างนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาที่สำคัญเธอเจ็บจนหน้าซีด เย่โม่เซินเห็นเช่นนั้นจึงยื่นมือตัวเองไปตรงหน้าเธอ “ถ้าเจ็บก็กัดมือฉัน ไม่ต้องทนไว้”
ริมฝีปากสีซีดของหานมู่จื่อที่เปื้อนเลือดเล็กน้อย เกิดจากเธอที่กัดจนปากแตก
พอเห็นมือเย่โม่เซินที่ยื่นมาตรงหน้าเธอ หานมู่จื่อร่างกระตุก เธอไม่ได้กัดมัน แต่กลับทำให้เย่โม่เซินที่ร้อนรนกว่าเดิม เอามือของเขายัดเข้าปากของเธอ
หานมู่จื่อ:“……”
“เจ็บก็กัด อย่าอดทนไว้!” เย่โม่เซินกล่าว!
หานมู่จื่ออยากจะผลักมือของเย่โม่เซินออก ยังไงแล้วมือของเขาก็เนื้อหนังคนเหมือนกัน ถ้ากัดลงไปแบบนั้น เธออาจจะไม่เจ็บแล้ว แต่หลังจากนั้นเขาคงได้เจ็บจนตาย?
พอคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อส่ายหัวไปมา แท้จริงแล้วเธอยังคงอดทนได้
“กัดสิ?” เย่โม่เซินเล้าโลมเธอ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเหมือนกำลังเล้าโลมเด็กให้ทานอาหารแบบนั้นเลย ส่วนหานมู่จื่อก็เหมือนเด็กที่มีคนป้อนอาหารถึงปากแต่ก็ไม่ยอมอ้าปากทานสักที
พยาบาลที่อยู่ด้านข้างพอเห็นฉากนี้แล้ว ก็เปิดปากกล่าวอย่างทนไม่ได้ : “คุณหานคะ สามีคุณให้กัดก็กัดไปเถอะค่ะ ยังไงเขาก็ไม่ได้กลัวเจ็บคุณจะไปสนใจทำไมคะ? แล้วในเวลาแบบนี้คุณควรกัดลงไปสักคำ สามีคุณจะได้รู้ว่าความเจ็บปวดที่คุณได้รับนั้นมากแค่ไหน ผู้หญิงหน่ะ คลอดลูกไม่ง่ายเลย”
ถึงแม้พยาบาลจะพูดแบบนี้ หานมู่จื่อก็รับฟังมัน แต่เธอไม่ได้ความคิดแบบนั้น อยากให้สามีรู้ว่าผู้หญิงคลอดลูกเจ็บแค่ไหน ก็เหมือนอยากให้อีกฝ่ายจะใส่ใจตัวเองสักหน่อย หลังจากคลอดเสร็จก็ให้ช่วยเลี้ยงลูกหน่อย ช่วงที่ผ่านมาเย่โม่เซินก็แทบจะมัดเธอตัวติดเขาแล้ว หลังจากคลอดเสร็จ จะไม่รักเธอกับลูกเหมือนแก้วตาดวงใจหรือ? เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้เธอไม่จำเป็นที่จะทำมัน
ถึงแม้หานมู่จื่อจะคิดแบบนี้ แต่ความเจ็บที่แล่นเข้ามาในทันทีทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เลยกัดลงไปในมือของเย่โม่เซิน
ทันใดนั้น เย่โม่เซินที่รู้สึกเจ็บมือ เพราะเขายังไม่ทันตั้งตัว เขาเลยเกือบจะร้องโอ้ยออกมา แต่เขาก็ควบคุมมันไว้ได้เสียก่อน
พยาบาลกับหมอที่อยู่ด้านข้างที่เห็นภาพตรงหน้า ก็มองไปทางเย่โม่เซินอย่างอัตโนมัติ
ที่ผ่านมาผู้ชายที่เข้ามาทำคลอดด้วยใช่ว่าจะไม่มี และมีคนแบบเย่โม่เซินที่ยื่นมือตัวเองให้ภรรยากัด ถึงแม้เขาจะยื่นมือออกมา แต่ตอนโดนกัดเข้าแล้วก็อดไม่ได้ที่ร้องคราง หรือขมวดคิ้วเพราะความเจ็บ
แต่ในวันนี้ พวกเขามองดูเย่โม่เซิน สีหน้าของเขาที่ไม่แสดงอะไรออกมา แม้แต่คิ้วที่ยังไม่ขมวดเข้าหากัน
ความเจ็บยังคงต่อเนื่อง หมอยังคงนำคลอด หานมู่จื่อทำตามคำที่หมอสั่ง
นอกห้องทำคลอดที่มีคนรออยู่เป็นแถวพากันเงียบไม่มีการพูดคุย อีกอย่างในเวลาแบบนี้ใครก็ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรดี ถ้าคุยเรื่องหานมู่จื่อ ก็จะคิดมากได้ง่าย จะคุยเรื่องอื่นก็ไม่เหมาะสม
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เสี่ยวหมี่โต้วที่เริ่มจะนอนตักเสี่ยวเหยียน คุณท่านยู่ฉือที่อยู่ด้านข้างเห็นภาพตรงหน้าก็รู้สึกหุงขึ้นมา
แม้ว่าความสัมพันธ์ของเสี่ยวเหยียนและหานมู่จื่อค่อนข้างดี แต่ยังไงแล้วก็ไม่ใช่คนใกล้ชิด ทำไมเจ้าเด็กเสี่ยวหมี่โต้วถึงไปนอนตักคนอื่น? พอนึกถึงตรงนี้ คุณท่านยู่ฉือยื่นมือไปดึงเสื้อของเสี่ยวหมี่โต้ว พูดเสียงเข้ม : “เสี่ยวหมี่โต้ว นั่งดีๆ”
“หืม?” เสี่ยวหมี่โต้วขยี้ตาที่ง่วงของตัวเอง มองคุณท่านยู่ฉืออย่างขุ่นมัว : “คุณทวดครับ มีอะไรขึ้นครับ?”
ท่าทางกึ่งหลับกึ่งตื่นนี้ทำไมถึงทำให้อดทนไม่ไหวกันนะ คุณท่านยู่ฉือยื่นมือไปลูบหัวเขา ลูบเสร็จจึงพูดว่า : “นั่งเองดีๆ ไปนอนตักคนอื่นให้เขาลำบากทำไม? ไม่งั้นก็มาหาทวดมา”
เสี่ยวเหยียนเพิ่งจะรู้ความหมายที่คุณท่านยู่ฉือจะสื่อ เขารู้สึกเสี่ยวหมี่โต้วทำให้ตัวเองลำบาก?
เธอจึงโบกมืออย่างรวดเร็ว : “ไม่เป็นไรค่ะคุณท่านยู่ฉือ ให้เสี่ยวหมี่โต้วนอนตักไว้เถอะค่ะ แกยังเด็ก แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย น่าจะเหนื่อยแล้วหน่ะค่ะ”
ยู่ฉือจิน:“……”
เขาแอบเคืองเล็กน้อย เธอจะไปรู้อะไร? ฉันก็แค่อยากให้เหลนของฉันใกล้ชิดกับฉัน ดันไม่เข้าใจที่ฉันจะสื่อเสียงั้น
เสี่ยวหมี่โต้วได้ยินก็พยักหน้า นอนลงบนตักเสี่ยวเหยียนอย่างเตรียมใจก่อนจะหาท่านอนใหม่ หลับตาลง พร้อมพูดว่า : “น้าเสี่ยวเหยียน ถ้าหม่ามี๊ออกมาต้องเรียกผมนะครับ”
“ครับผม” เสี่ยวเหยียนพยักหน้า พลางดึงแขนเสื้อที่เลิกขึ้นของเสี่ยวหมี่โต้วลงมา จากนั้นก็ถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองห่มไว้บนตัวเสี่ยวหมี่โต้ว ห่มให้เขาอย่างมิดชิด พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : “ถ้าเสี่ยวหมี่โต้วง่วงก็นอนก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวน้าเสี่ยวเหยียนปลุกครับ”
คุณท่านยู่ฉือที่อยู่ด้านข้างพอเห็นภาพตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึงขึ้นมา แต่ในใจก็แอบรู้สึกว่าเสี่ยวเหยียนก็ดีกับเหลนตัวเองเหมือนกัน แล้วดูหานชิงที่นั่งข้างเธอแล้ว ทั้งสองนั่งใกล้กันมาก ระยะห่างหรอ? บอกเลยว่าไม่มีสักนิดเดียว
ระหว่างชายหญิงถึงแม้ความสัมพันธ์จะดีแค่ไหนก็ไม่ถึงกับต้องนั่งใกล้กันขนาดนี้ก็ได้มั้ง?
คิดไปคิดมา คุณท่านยู่ฉือก็มีความคิดหนึ่งที่แวบเข้ามาในสมอง
หรอว่าทั้งสองคบกันแล้ว?
ส่วนทางด้านนี้เหมือนอยากจะพิสูจน์การคาดเดาของเขา หานชิงที่เห็นเสี่ยวเหยียนถอดเสื้อหน้าแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่พูดอะไรมากแต่ถอดเสื้อสูทตัวเองออกมายื่นให้เสี่ยวเหยียนสวมไว้
เสี่ยวเหยียน:“……”
ที่ตรงนั้นยังมีผู้ใหญ่อีกสองคน เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า ถ้ารู้ว่าหานชิงจะทำแบบนี้ เธอคงให้หานชิงถอดเสื้อเขามาห่มให้เสี่ยวหมี่โต้วแล้ว แบบนี้ก็จะได้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไม่ใช่หรือไง?
คิดไปคิดมา เสี่ยวเหยียนรู้สึกอึดอัด แต่ส้งอานที่อยู่อีกด้านเหมือนจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ตัวเองเห็น เพียงแค่ยิ้มอ่อนๆก่อนจะมองไปทางอื่น
กลับกันกับคุณท่านยู่ฉือ ที่จ้องมองแต่พวกเขาตลอด เหมือนสายตาของเขาตกลงมาอยู่บนหน้าของเธอ
เดิมทีเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกอึดอัดใจ แต่ภายหลังก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเรื่องแบบนี้ยังไงสักวันก็ต้องรู้ เธอหนักแน่นแล้วปล่อยให้มันผ่านไปก็แล้วกัน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ น่าจะเป็นเวลารอที่ยาวนาน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นกลางดึก แต่ทุกคนก็ไม่ได้รู้สึกง่วง แม้แต่เสี่ยวหมี่โต้วที่นอนอยู่บนตักที่ถึงจะหลับตา แต่หัวใจทั้งหมดผูกติดอยู่กับหม่ามี๊ที่อยู่ในห้องคลอด
ในที่สุด……
ประตูห้องคลอดถูกเปิดออก พอได้ยินเสียง คนที่รออยู่หลังประตูต่างพากันลุกขึ้นยืน ยกเว้นเสี่ยวเหยียน เพราะบนตักเขายังมีอีกคนหลับอยู่
แต่ครั้งนี้เสี่ยวหมี่โต้วก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเหมือนกัน เสี่ยวเหยียนก็เดินก้าวตามไป
เดินไปได้สองก้าว เธอถึงเพิ่งจะรู้สึกว่าน่องของเธอนั้นเหมือนจะเหน็บชาเล็กน้อย เดินค่อนข้างลำบาก
และในเวลานี้ ก็ได้ยินเสียงยินดีจากหมอ
“ยินดีด้วยค่ะ คุณนายเย่ได้ลูกสาวค่ะ”