บทที่1187 มีคนคอยอยู่เคียงข้าง
ทุกคนรายล้อมเสี่ยวโต้วหยาไว้อย่างร่าเริง
เสี่ยวเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อเห็นเสี่ยวโต้วหยาตัวสีชมพู ท่าทางน่ารักแบบนี้ เธอก็รู้สึกชอบมาก เธอยื่นมือออกไปเขี่ยกำปั้นเล็กของทารกน้อยบ่อยๆ แค่ได้จับก็รู้สึกมีความสุขแล้ว เธอทำแบบนั้นเรื่อยๆอย่างมีความสุข
และหานชิงที่อยู่ข้างๆก็สังเกตเห็นการกระทำของเสี่ยวเหยียน รูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์และน่ารักแบบนี้ ทำให้แววตาที่เย็นชาของเขาค่อยๆมีรอยยิ้มออกมา
หานมู่จื่อที่นอนอยู่บนเตียงในตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป จู่ๆก็มีความคิดร้ายๆขึ้นมา มองดูเสี่ยวเหยียนแล้วถามขึ้นว่า “ลูกสาวของฉันน่ารักใช่ไหมล่ะ?”
เสี่ยวเหยียนไม่รู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ แค่ดีใจที่เธอคลอดลูกสาวออกมา จึงพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “แน่นอนสิ เสี่ยวโต้วหยาน่ารักมากเลย เธอดูมือน้อยๆ และหน้ากลมๆนี้สิ โอ้ย นุ่มนิ่มเกินไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้หลานเจ็บ ฉันอยากอุ้มหลานมากจริงๆ”
ทว่าทารกแรกเกิดนั้นตัวเล็กและนุ่มนิ่มมากจริงๆ เสี่ยวเหยียนไม่เคยเป็นแม่คนมาก่อน จึงไม่กล้าที่จะอุ้มเสี่ยวโต้วหยาไปเรื่อย กลัวจะทำให้เด็กเจ็บ
“ไม่เป็นไร เธอลองอุ้มดูได้”
เสี่ยวเหยียนส่ายหน้าไปมา “ไม่เอาๆ ตอนนี้ยังไม่รีบ ให้หลานโตขึ้นอีกหน่อยฉันค่อยอุ้ม ใช่ว่าในอนาคตจะไม่มีโอกาสอุ้มเสียหน่อย”
“ถ้าชอบขนาดนี้ เธอก็รีบๆมีของตัวเองสิ”
พูดจบ หานมู่จื่อก็ตั้งใจหันไปมองที่พี่ชายของตัวเอง
เมื่อสักครู่เสี่ยวเหยียนยังมีความสุขอยู่เลย พอตอนนี้ก็ตัวแข็งทื่อ เธอเบิกตาโตแล้วจ้องไปยังหานมู่จื่อ ทำไมเธอถึงตั้งใจพูดถึงเรื่องนี้? ตอนนี้มีคนมากมายอยู่ด้วยนะ?
เสี่ยวเหยียนไม่รู้ว่าหานชิงคิดอย่างไร ทว่าในตอนนี้มีคนมากมายขนาดนี้ แก้มของเธอนั้นแดงก่ำ เธอไม่กล้าแม้แต่หันไปมองหานชิง
ทว่าหานชิงนั้นกำลังปกป้องเธอ เขามองค้อนใส่หานมู่จื่อเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นเสียงเบาว่า “เพิ่งคลอดเสร็จก็มีแรงมาแซวคนอื่นแล้ว? ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เหนื่อยเลยนะ”
หานมู่จื่อกะพริบตา แล้วจับมือของเย่โม่เซินแน่น “มีคนคอยอยู่เคียงข้างฉัน ฉันจะไปเหนื่อยอะไร?”
ในตอนที่จับมือเย่โม่เซินแน่น หานมู่จื่อเหมือนรู้สึกอะไรได้ เธอจึงหันไปมอง ถึงเห็นว่าตรงที่ตัวเองจับนั้นเป็นแผลของเย่โม่เซินพอดี
ที่จริงก็ไม่ได้เป็นแผลที่ใหญ่อะไร เพียงแค่รอยฟันที่หานมู่จื่อทิ้งไว้เมื่อสักครู่ ดูแล้วรอยเหมือนจะลึกมาก แถมเลือดยังไหลอีกด้วย
ก่อนหน้านี้หานมู่จื่อได้ยินคุณหมอถามเย่โม่เซินว่าจะให้ทำแผลให้เขาไหม ทว่าเย่โม่เซินนั้นกลับไม่สนใจและข้ามผ่านมันไป ตอนนี้…….หานมู่จื่อรีบชักมือออกมาด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก มองดูรอยฟันที่ลึกนั้นแล้ว ก็รู้สึกเป็นห่วง
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ มันไม่เจ็บเลยสักนิด”
จะไม่เจ็บได้อย่างไร? หานมู่จื่อคงจะเชื่อเขาอยู่หรอก รอยลึกขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เจ็บ ยังจะมาโกหกเธออีก?
“นายเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง?”
ทุกคนเห็น จู่ๆสองสามีภรรยาก็คุยกันขึ้นมา ส้งอานจึงส่งสายตาให้คนรอบๆ ทุกคนจึงถอยออกไปอย่างเงียบๆ
“ใครเห็นเธอเป็นเด็กสามขวบกัน?”เย่โม่เซินยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเอามือข้างที่บาดเจ็บห้อยไว้ข้างหลัง “เป็นผู้ชายต้องไม่โอดครวญว่าเจ็บ แผลเล็กแค่นี้ฉันยังทนได้ ทว่าที่รักน่ะสิ วันนี้เหนื่อยมากแล้ว”
ถ้าบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็คงจะเป็นการโกหก
ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน วัยสาวแรกแย้ม หรือเธอในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่มีผมหงอกเต็มหัวแล้ว เธอก็รับไม่ไหวกับการกระทำที่อบอุ่นและนุ่มนวลแบบนี้ของคนที่ตนรัก
เหมือนกับตอนนี้ แม้ว่าหานมู่จื่อจะเจ็บมากในตอนคลอดลูก แต่ว่าตอนนี้ในใจนั้นมีความพึงพอใจอย่างมาก
ความรู้สึกแตกต่างจากตอนที่คลอดเสี่ยวหมี่โต้วอย่างสิ้นเชิง
ตอนที่เธอคลอดเสี่ยวหมี่โต้วนั้นแย่ที่สุดเลย เพราะตอนนั้นเธอแยกกับเย่โม่เซินแล้ว และไม่รู้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วนั้นเป็นลูกของใคร แบกไว้เพียงความหวังหนึ่งเดียว และเธอไม่สามารถละทิ้งลูกของตัวเองได้ เธอจึงคลอดเด็กออกมาตามลำพัง
ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่มีคนคอยอยู่เคียงข้างมากมาย แถมยังมีเสียงที่นุ่มนวลและอบอวลไปด้วยความรัก
ในตอนที่กำลังคิด หน้าของเย่โม่เซินก็เหมือนค่อยๆขยายใหม่ขึ้น เขาค่อยๆโน้มตัวเข้ามา แล้วบรรจงจูบลงบนหน้าผากของเธอเบาๆ หานมู่จื่อมีปฏิกิริยาผลักเขาออกทันที “มีคนอยู่นะ……..”
“ไม่มี”เย่โม่เซินจับมือของเธอแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย “ออกไปกันหมดแล้ว”
ตอนนี้หานมู่จื่อเพิ่งสังเกตได้ว่า ห้องพักผู้ป่วยที่คึกคักในเมื่อสักครู่นั้น บัดนี้เหลือเพียงพวกเขาสองสามีภรรยาแล้ว และแน่นอนว่ายังมีเสี่ยวโต้วหยาที่กำลังหลับอยู่บนเตียง
ออกไปกันเร็วมาก พวกเขามีปีกงอกออกมา แล้วบินออกไปหรือไง? ประเด็นคือตัวเธอเองนั้นไม่รู้เลยว่าพวกเขาออกไปกันตอนไหน
เย่โม่เซินขยับเข้ามาอีกครั้ง แล้วบรรจงจูบลงไปยังมุมปากของเธอ
ความใกล้ชิดแบบนี้หานมู่จื่อนั้นอยากจะดำเนินต่อไป ทว่าเมื่อนึกถึงแผลบนมือของเขาแล้ว เธอก็หยุดเขาทันที “นายอย่าทำแบบนี้ มือของนายกำลังบาดเจ็บ ไปให้หมอทำแผลก่อน”
การกระทำของใครบางคนยิ่งอยู่เยอะขึ้น “รีบไปทำไม? อีกเดี๋ยวค่อยไปก็มีค่าเท่ากัน”
ที่จริงเย่โม่เซินไม่ได้อยากทำอะไรหานมู่จื่อเลย เพราะเธอเพิ่งคลอดลูกมาหมาดๆ แค่อยากจะจูบเธอแค่นั้นเอง ถึงจะคิดแค่นี้ แต่หานมู่จื่อ ก็ยังคงต่อต้านเขา
“ไม่ได้ นายต้องไปเดี๋ยวนี้เลย”
เธอทำให้เขาได้รับบาดเจ็บแบบนี้ ถ้ายังรั้งให้เธอไม่ไปทำแผลอีก แผลเกิดติดเชื้อขึ้นมาจะทำอย่างไร?
เพราะการยืนยันคำเดิมของหานมู่จื่อ เย่โม่เซินจึงทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงไปให้หมอทำแผลแต่โดยดี
วุ่นวายกันมาทั้งคืน ทุกคนก็ล้วนเหนื่อยกันทั้งนั้น
ส้งอานเอ่ยปากพูดขึ้น “ให้ฉันอยู่เฝ้าคนเดียวก็พอ พวกเธอกลับไปพักผ่อนกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานกันอีก”
พูดจบ ส้งอานก็หันไปมองหานชิงแล้วพูดขึ้นว่า “รบกวนลูกไปส่งคุณตากับหลานหน่อยได้ไหม?”
หานชิงพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์
เรื่องนี้ถึงส้งอานจะไม่พูดเขาก็ทำอยู่แล้ว เสี่ยวหมี่โต้วเป็นลูกของน้องสาวของเขา คุณท่านยู่ฉือนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เป็นผู้อาวุโสกว่าก็ต้องไปส่งอยู่แล้ว
“งั้นพวกเธอกลับกันได้แล้ว”
พอพูดคำนี้จบ ก็พบกับเย่โม่เซินที่ออกมาจากข้างในพอดี เขามองไปยังทุกคนด้วยสีหน้าที่เย็นชา ไม่หลงเหลือความอบอุ่นเหมือนตอนที่หานมู่จื่อกำลังคลอดเลย น้ำเสียงนั้นฟังแล้วรู้สึกเย็นชาเล็กน้อย
“ทุกคนกลับไปเถอะครับ ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง”
ส้งอานได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้น “นายเฝ้าไปหลายคืนแล้ว แน่ใจเหรอว่าจะเฝ้าคนเดียวไหว?”
เย่โม่เซินพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เย็นชา
หลังจากที่คิดทบทวนเสร็จส้งอานก็ไม่ได้ปฏิเสธ “เอางั้นก็ได้ ถ้านายอยากเฝ้าขนาดนี้พวกเราก็จะตามใจ งั้นพวกเราจะกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่แล้วกัน”
“ครับ”เย่โม่เซินขานตอบ
เพราะส้งอานไม่ได้อยู่เฝ้าแล้ว เธอจึงต้องรับผิดชอบเสี่ยวหมี่โต้วและคุณท่านยู่ฉือสองคน เธอพาทั้งสองคนกลับไปยังวิลล่าไห่เจียง หลังจากเธอจัดการเก็บของตรงนั้นเสร็จก็ไปพักผ่อน ส่วนหานชิงก็พาเสี่ยวเหยียนกลับบ้าน ที่จริงเสี่ยวเหยียนยังอยากจะอยู่เป็นเพื่อนมู่จื่อนานกว่านี้
เพราะทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน
ทว่านึกถึงเย่โม่เซินที่อยากอยู่กับมู่จื่อมากกว่าตัวเธอเองเสียอีก เธอจึงล้มเลิกความคิดนั้น แล้วกลับมาพร้อมกับหานชิง