บทที่120 จุดมุ่งหมายแอบแฝง
น้ำเสียงแข็งทื่อที่เหมือนกับแสงไฟ และเหมือนกับเหล้าหวานที่ไหลลื่นลงลำคอเข้าไปในกระเพาะ นาทีนั้นมันค่อย ๆ แผดเผา
เสิ่นเฉียวดึงมือของเธอออกเหมือนไฟฟ้าช็อต
มุมปากของเย่โม่เซินยกขึ้นเล็กน้อย ภายใต้แสงไฟอันอบอุ่นรอยยิ้มดูเหมือนจะส่งผ่านความสดใสไปอีกชั้น
ตึก ๆ!
เสิ่นเฉียวได้ยินการเต้นของหัวใจของเธอรุนแรงขึ้นหลายครั้ง
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงคุณเสียหน่อย!”
หลังจากเธอดึงมือกลับก็เริ่มพูดจาเพ้อเจ้อ
แต่การที่เป็นแบบนี้ มันเหมือนกับการอุดหูขโมยกระดิ่งชัด ๆ (หลอกตัวเอง)
เย่โม่เซินจ้องที่เธออย่างสนใจ: “ใช่เหรอ? ไม่เป็นห่วงฉัน แล้วเธอจะดูข้อมูลของฉันไปทำไม? หรือจะบอกว่า หาข้อมูลตระกูลเย่เหรอ?”
เขาค่อย ๆ ยื่นมือกลับไป เสิ่นเฉียวก็ไม่กล้ายื่นมือไปกดเมาส์ ทำได้เพียงเปลี่ยนเรื่องคุย: “คุณไม่ได้อยู่ในห้องทำงานเหรอคะ? ทำไมจู่ ๆ ตอนนี้ก็มาอยู่ตรงนี้? หรือว่าคุณเปลี่ยนความคิดอยากจะร่วมมือกับบริษัทตระกูลฟาง แล้วคะ?”
เปลี่ยนเรื่องกลับมา แววตาของเย่โม่เซินก็เย็นชาอีกครั้ง
“อยากจะร่วมงานกับบริษัทตระกูลเย่ บริษัทตระกูลฟาง ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ”
“แต่เท่าที่ฉันรู้ ที่สามารถแทนที่บริษัทตระกูลลู่ได้ก็มีแต่บริษัทตระกูลฟาง เท่านั้น คุณไม่คิดจะร่วมงานกันจริงเหรอคะ?” เสิ่นเฉียวขมวดคิ้ว: “เป็นเพราะต้องการจะทำอะไรสวนทางกับนายท่าน ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ?”
“เชอะ” เย่โม่เซินแสยะยิ้มแล้วพูดขึ้น “ใครบอกว่าฉันทำเพื่อให้มันสวนทางกับตาแก่นั่น? ยายผู้หญิงที่แต่งงานครั้งที่สอง เธอชักจะคิดเองเออเองเก่งไปแล้วนะ”
เสิ่นเฉียว: “…”
ปัง!
ทันใดนั้นเย่โม่เซินก็โยนถุงเอกสารชุดหนึ่งให้เธอ: “ดูให้ดี ๆ”
เสิ่นเฉียวยังคงคิดไม่ออก เธอทำได้เพียงยื่นมือออกไปรับกองเอกสาร เธอพลิกดู รู้สึกว่าแปลก แต่เมื่ออยากจะถามเขา เย่โม่เซินกลับหมุนล้อวีลแชร์และออกไปแล้ว
แปลกคน!
เสิ่นเฉียวสบถออกมาในใจ จากนั้นก็เปิดข้อมูลออกมาดู
ที่เขาให้เธอ เป็นข้อมูลของบริษัทตระกูลหาน
บริษัทตระกูลหาน เสิ่นเฉียวจะไม่คุ้นเคยได้อย่างไร?
หลังจากที่ตระกูลหานยอมรับหานเส่โยวแล้ว เธอก็ได้ข่าวของตระกูลหาน เพียงแต่ว่าหานเส่โยวไม่ได้เปิดเผยให้เธอฟังมากนัก ทำเหมือนมันเป็นความลับแบบนั้น แต่เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้อยากรู้อะไร ดังนั้นจึงไม่ได้ติดตาม
ในเมื่อตอนนี้เย่โม่เซินเอาเอกสารเกี่ยวกับบริษัทตระกูลหานมาให้เธอ เพื่อจะเตรียม…ร่วมทุนกับตระกูลหานเหรอ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเสิ่นเฉียวก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
ต่อให้เธอจะนอนกับเย่โม่เซินแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ลืมสิ่งที่เย่โม่เซินพูดกับเธอในคืนนั้นได้
เขาไม่มีทางปฏิเสธผู้หญิงที่ส่งมาได้
ก่อนหน้านั้นเส่โยวมาหาเธอบ่อย ๆ เย่โม่เซินดูเหมือนจะพอใจในตัวเธอมาก
ทันใดนั้นก็คิดถึงบางสิ่งบางอย่างเสิ่นเฉียวก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอหยิบเอกสารแล้วเข้าไปในห้องทำงาน เธอไม่แม้แต่จะเคาะประตู
เย่โม่เซินขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ: “ก่อนหน้านี้ฉันบอกอะไรเธอลืมแล้วเหรอ?”
เสิ่นเฉียวรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอกำลังโกรธอยู่ในใจ เธอก้าวเข้าไปแล้ววางเอกสารลงตรงหน้า แล้วเรียกชื่อเขา: “เย่โม่เซิน คุณเอาข้อมูลของตระกูลหานมาให้ฉันหมายความว่ายังไง?”
ได้ยินอย่างนั้น เย่โม่เซินก็พูดขึ้นพร้อมสายตาเย็นชา: “ร่วมทุน”
“คุณไม่ได้อยากจะออกแรงอยู่ตลอดเหรอ? ตอนนี้คุณเอาข้อมูลตระกูลหานให้ฉัน ไม่อยากจะทำแล้วรึไง?”
“มีบริษัทตั้งมากมาย กับบริษัทตระกูลลู่คุณก็ไม่เอา บริษัทตระกูลฟาง คุณก็ปฏิเสธ ทำไมจะต้องยืนกรานให้เป็นตระกูลหานด้วย?”
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว จ้องมองเธออย่างรวดเร็ว
เสิ่นเฉียวสูดหายใจลึก แล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างตรงไปตรงมา “คุณอยากจะร่วมงานกับบริษัทตระกูลหานจริง ๆ หรือว่ามีจุดประสงค์อื่นกันแน่คะ?”
เขายังคงไม่พูดอะไร มีเพียงแววตาที่ยิ่งเย็นชาหนักกว่าเดิม
เสิ่นเฉียวยังคงดึงดัน: “ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าเส่โยว…”
“หึ” เย่โม่เซินหัวเราะหยัน ด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร “ในสายตาเธอ ฉันร่วมงานกับบริษัทตระกูลหานก็เพื่อสิ่งนี้น่ะเหรอ?”
“ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมคุณถึงเอาแต่เลือกบริษัทตระกูลหาน!”
บรรยากาศเงียบลง ผ่านไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นมุมปากของเย่โม่เซินก็ยกเป็นรอยยิ้มล้อเลียน สายตาที่น่ากลัวยิงตรงมาที่เธอ
“ยายผู้หญิงแต่งงานครั้งที่สอง เธอหาว่าฉันมีเจตนาแอบแฝง แล้วตัวเธอไม่มีความเห็นแก่ตัวรึไง? เธอกลัวว่าฉันกับเพื่อนสนิทเธอจะมีอะไรกัน แล้วเธอจะกลายเป็นผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งอีกครั้ง ใช่ไหม?”
เมื่อเรื่องในอดีตถูกหยิบขึ้นมาพูดซ้ำไปซ้ำมา สีหน้าของเสิ่นเฉียวก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นซีดขาว
“คุณมั่นใจในตัวเองมาก ฉันไม่ต้องการให้คนอย่างคุณเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเพื่อนสนิทของฉัน!”
“เข้ามายุ่งเกี่ยว? เธอแน่ใจนะว่าไม่ใช่เพื่อนเธออยากยุ่งเกี่ยวกับฉัน?”
เสิ่นเฉียวโกรธจนปากสั่น: “เส่โยวไม่ใช่คนแบบนั้น!”
“งั้นเรามาพนันกันไหม?”
เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไร
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว คลื่นใต้น้ำไหลลึกในดวงตาสีเข้ม “ถ้าหากว่าเธอแพ้ เธอจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปเป็นภรรยาของเย่โม่เซินไปตลอดชีวิต”
ได้ยินอย่างนั้น เสิ่นเฉียวเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“ถ้าหากเธอชนะ ฉันจะเป็นเตียงอุ่นๆให้กับเธอ”
เสิ่นเฉียว: “…”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็ออกไปได้แล้ว ฉันมีประชุมทางออนไลน์”
ไม่รอเธอตอบกลับ เย่โม่เซินก็ไล่แขกทันที เสิ่นเฉียวยังไม่ทันเข้าใจชัดเจนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาหันกลับและเดินออกไปอย่างกับมีกลไก เมื่อเธอกลับออกมาถึงที่นั่งของเธอ คำพูดเหล่านั้นของเย่โม่เซินยังคงดังก้องอยู่ในใจของเธอ
“ถ้าหากว่าเธอแพ้ เธอจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปเป็นภรรยาของเย่โม่เซินไปตลอดชีวิต ถ้าหากเธอชนะ ฉันจะเป็นเตียงอุ่นๆให้กับเธอ”
นี่เธอรู้สึกผิดไปเองรึเปล่า?
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าสองประโยคนี้มัน…ไม่ค่อยจะต่างกันยังไงก็ไม่รู้
ดูแล้วมันก็หมายความว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกัน แต่ทำไมเย่โม่เซินจะต้องพูดเรื่องพวกนี้กับเธอด้วยนะ?
ในหัวของเสิ่นเฉียวมันสับสนปนเปไปหมด ในใจของเธอมีแต่คำพูดของเย่โม่เซิน
ผ่านไปนาน เธอยังคงนั่งเหม่อลอยพลิกเอกสารในมือไปมา
ใช้เวลาสิบห้านาทีในการเปิดดูข้อมูลอย่างรวดเร็ว ข้อมูลที่เย่โม่เซินมอบให้เธอเป็นฉบับสำคัญมันรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทุกประเภทดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นาน
เมื่อดูการแนะนำบริษัทตระกูลหานเสร็จแล้ว เสิ่นเฉียวก็นึกขึ้นได้ เย่โม่เซินไม่ใช่พวกก๋ากั่นเหมือนกับรูปลักษณ์ภายนอกขนาดนั้น
ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนแล้วแต่มีวิธีคิดเป็นของตัวเอง ดูแล้วเหมือนจะหุนหันพลันแล่น แต่เมื่อคุณตอบสนองการตัดสินใจนี้ดูเหมือนจะชัดเจนที่สุด
เสิ่นเฉียวบีบมุมของเอกสารและกะพริบตาสองสามครั้ง
ที่แท้เขาก็คำนวณไว้หมดแล้วเหรอ? เริ่มต้องด้วยตระกูลลู่เหมือนตัวล่อ แต่จริง ๆ แล้วต้องการจะร่วมทุนกับตระกูลหาน
เสิ่นเฉียวรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบของบริษัทตระกูลหาน เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเธอรายงานเรื่องจากทางฝั่งเธอแล้ว ไม่ได้ยินดียินร้าย ดูเรียบเฉยมากและบอกว่าจะรับเรื่องของเธอไว้เพื่อไปรายงาน เธอรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ทางนั้นจึงได้ติดต่อกลับมา บอกว่าอยากจะคุยกับเธอ
เสิ่นเฉียวพยักหน้า: “เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วค่ะ อย่างนั้นรบกวณคุณช่วยดูว่าเวลาไหนเหมาะสมด้วยได้ไหมคะ?”
“คืออย่างนี้นะคะคุณเสิ่น ทางพวกเราบริษัทตระกูลหานอยากจะร่วมงานกับบริษัทตระกูลเย่มาตลอด เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสเหมาะ เมื่อครู่เราได้แจ้งเจตจำนงของคุณให้กับ ประธานหานแล้ว แต่ว่าตอนนี้ ประธานหานอยู่ต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถพบกับคุณได้ชั่วคราว”
ได้ยินเช่นนั้น เสิ่นเฉียวนิ่งไปชั่วครู่ ใช่แล้ว หานเส่โยวเพิ่งบอกเธอว่าพี่ชายเธอเดินทางไปต่างประเทศ ก็เพื่อไปหาคนให้เสิ่นเฉียว
คิดได้ถึงตรงนี้ หน้าของเสิ่นเฉียวก็ร้อนขึ้นมา เธอรู้สึกลำบากใจแล้วพูด “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าอย่างนั้นรอจนเขามีเวลาก็ได้ค่ะ”
“ต้องขอขอบคุณมาก ๆ ที่ทางคุณเข้าใจ วันมะรืน ประธานหานของเราจะบินกลับมาแล้ว คิดว่าน่าจะมีเวลาว่างในช่วงบ่ายประมาณครึ่งชั่วโมง คุณเสิ่นคิดว่าได้ไหมคะ?”
“ไม่มีปัญหาค่ะ!” เสิ่นเฉียวรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว