บทที่1195 คนมีเงินที่ชั่วร้าย
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จักระวังในการคบเพื่อนเอาเสียเลย
ดังนั้นถึงได้เจอเพื่อนรักขยะแบบนี้ ปักมีดลงกลางใจของคนอื่นหลายต่อหลายแผล จนอาจจะถึงขั้นแทงยับ360รูปแบบเลยก็ได้
“โธ่เสี่ยวไป๋ เธอเข้าไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ พวกเราเป็นเพื่อนรักกันนะ ต้องมีเธอคอยอยู่ข้างๆฉัน ฉันถึงจะรู้สึกวางใจ ผู้ชายที่ฉันชอบหล่อขนาดนั้น ถ้าฉันเรียกคนอื่นมาด้วย แล้วเกิดเขาถูกใจคนอื่นเข้าจะทำยังไง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะออกมา แล้วยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น “แล้วเธอไม่กลัวผู้ชายคนนั้นถูกใจฉันเข้าเหรอ”
พอได้ยินแบบนั้น ฟางถังถังก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เธอ จากนั้นก็เริ่มโยนมีดบินใส่เธออีกครั้ง
“พอเถอะเธอน่ะ ใช้กางเกงตัวหลวมที่เธอสวมอยู่นี่เหรอ แล้วยังหุ่นที่ด้านหน้ากับด้านหลังก็ไม่ได้ต่างกันนี่อีก เธอคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนถูกใจเธอด้วยเหรอ”
เจียงเสี่ยวไป๋ “หึๆ ฉันก็แค่ไม่แต่งเนื้อแต่งตัว อีกอย่างใครบอกกันว่าด้านหน้ากับด้านหลังของฉันเหมือนกัน“ พอพูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยืดอก
“เอาเถอะ ไม่ต้องยืดแล้ว มองไม่เห็นอะไรหรอก” ฟางถังถังโยนมีดบินมาอีกครั้ง
พรวด…
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าตัวเองแทบจะถูกมีดบินปักจนเลือดอาบหมดแล้ว รู้สึกจุกอกมาก เธอกุมอกแล้วพูดว่า “เธอจะแทงใจดำกันเกินไปแล้วนะ ดูท่าว่าคงไม่ต้องการให้ฉันช่วยแล้ว เธอเข้าไปเองแล้วกัน”
พอพูดจบก็โบกมือแล้วเตรียมจะเดินจากไป ฟางถังถังรีบตามไปดึงแขนเธอไว้ แล้วเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เสี่ยยไป๋จ๋า ไป๋ไป๋จ๋า เธอช่วยฉันหน่อยสิ ในที่สุดฉันก็ได้โอกาสนี้มา ถ้าเธอช่วยฉันครั้งหนึ่ง เดี๋ยวฉันช่วยเธอเขียนต้นฉบับก็ได้นะ โอเคไหม”
เจียงเสี่ยวไป๋มองเธอด้วยสายตารังเกียจทีหนึ่ง “เธอช่วยฉันเขียน ฉันจำได้นะว่าเรียงความของเธอไม่เคยได้คะแนนเลยสักครั้ง”
ฟางถังถัง “แค่กๆ เรื่องสมัยก่อนเราอย่าไปพูดถึงมันเลย ถ้ายังไงให้ฉันไปพูดอ้อนวอนต่อหน้าบรรณาธิการของเธอสักหน่อยก็ได้ ให้พวกเขายอมยืดเวลาที่กำหนดออกไปอีกสักหนึ่งสัปดาห์
“เธอคิดว่าเว็บไซต์เป็นของที่บ้านเธอเปิดเองเหรอ ที่เธอจะบอกว่ายืดก็ยืดได้เลยน่ะ”
พอฟางถังถังได้ยินเข้า จู่ๆก็หัวเราะขึ้นเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “ถึงแม้จะไม่ใช่ของที่บ้านฉันเปิด แต่จะเปลี่ยนให้เว็บไซต์เป็นของบ้านฉันก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้นะ ขอแค่เธอช่วยฉัน ฉันก็จะโทรไปบอกให้คุณพ่อซื้อเว็บไซต์นี้เลยดีไหมล่ะ”
“……”
บ้าจริง เป็นคนรวยที่ชั่วร้ายจริงๆ
ถูกแล้ว บ้านของฟางถังถังนั้นรวยมาก แค่จะซื้อเว็บไซต์อันหนึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ในขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋กำลังเหม่อนั้น ฟางถังถังก็ลากเธอเข้าไปในบาร์เสียแล้ว
น้อยมากที่เจียงเสี่ยวไป๋จะมาในที่แบบนี้ ไม่ใช่ว่าเธอมีความเห็นอะไรกับบาร์หรอก แต่เป็นเพราะที่นี่ดนตรีเสียงดังมากจนทำเธอแสบแก้วหู และแสงไฟพวกนั้นก็แสบตาจนทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตา
ปกติเธอนั่งจ้องจอความพิวเตอร์อยู่ที่บ้านยังพอว่า มาที่บาร์ยังต้องถูกแสงไฟพวกนี้ส่องตาอีก
พอฟางถังถังเข้ามาก็พุ่งไปทางเคาน์เตอร์บาร์เหมือนลิงป่าตัวหนึ่ง
“เห็นหรือยังเห็นหรือยัง เทพบุตรของฉัน มือกีตาร์ของวงแล้วยังเป็นนักร้องนำด้วย หล่อที่สุดเลย!”
มองดูสภาพของเพื่อนสนิทตัวเองแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เบ้ปาก ทำท่าทางเหยียดหยามออกมา
“เธอรู้ไหมว่าตอนนี้เธอเหมือนตัวละครแบบไหนในนิยายกัน”
ตอนนี้ใจของฟางถังถังไปอยู่บนตัวของเทพบุตรของตัวเองแล้ว ดังนั้นเลยไม่ได้คิดอะไรมาก เปิดปากถามโดยไม่คิด “นางเอกสินะ อิอิ ฉันรู้อยู่แล้วว่าฉันมีเสน่ห์มาก”
“หึ” เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว “น่าเสียดายที่เธอทายผิดแล้ว”
พอได้ยินแบบนั้น ฟางถังถังก็เผลอเบิกตาโต “เธอคงคิดอยากจะพูดว่าฉันเป็นตัวประกอบสินะ”
“ก็ยังตอบผิดอยู่ดี ท่าทางของเธอตอนนี้เหมือนยัยโง่ที่เป็นพวกขี้แพ้ในนิยายของฉันไม่มีผิดเลย เธอรู้หรือเปล่า”
“……” ฟางถังถังถลึงตาใส่เธอ ก่อนจะพูดว่า “พวกขี้แพ้แล้วยังไง เธอไม่รู้เหรอว่าสมัยนี้พวกขี้แพ้ก็ผันตัวไปเป็นนางเอกได้”
“งั้นเหรอ” เจียงเสี่ยวไป๋กอดอกมองเธอพร้อมกับพูดขำๆ “งั้นเธอก็ลองผันตัวดูสิ ฉันจะคอยดูเอง”
“เธอคอยดูแล้วกัน ฉันจะต้องทำให้เทพบุตรหันมามองฉันให้ได้”
“กรี๊ด!!!”
ตอนที่ฟางถังถังพูดคำนั้นจบนั่นเอง คนที่สวมแจ็คเก็ตสีดำที่เป็นมือกีตาร์และนักร้องนำอยู่บนเวที หรือก็คือเทพบุตรของฟางถังถังก็ร้องจบไปเพลงหนึ่งพอดี จากนั้นพวกหญิงสาวที่อยู่ล่างเวทีก็กรีดร้องตะโกนเสียงแหลมออกมา เสียงแหลมสูงนั้นแทบจะเทียบได้กับเสียงลำโพงของบาร์เลยทีเดียว
เจียงเสี่ยวไป๋ยกมือขึ้นขยี้หูตัวเองอย่างเบื่อหน่าย ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะแล “กรีดร้องเสียงดังขนาดนั้นไม่กลัวลำคอฉีกหรือไงกัน จริงๆเลย อีกอย่างคนยังเยอะขนาดนี้ บนเวทีจะไปรู้ได้ไงว่าใครเป็นคนกรี๊ดกัน เห็นหรือยังฟางถังถัง สำหรับเขาแล้วเธอก็เป็นแค่หนึ่งในแฟนคลับตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้นแหละ เธอแน่ใจว่าเธอจะผันตัวได้เหรอ”
“พอได้แล้ว เธอยังเป็นเพื่อนรักของฉันอยู่หรือเปล่า เวลาแบบนี้เธอควรต้องให้กำลังใจฉันสิ ฉันเรียกเธอมาไม่ใช่เพื่อมาพูดทำลายกำลังใจฉันนะ”
พอพูดจบ ฟางถังถังก็มองไปข้างหน้าทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดอีกว่า “ฉันจะเข้าไปให้กำลังใจเทพบุตรของฉันแล้ว เธอรอฉันอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันกลับมา จำไว้นะ ถ้าตอนที่ฉันกลับมาแล้วไม่เห็นเธอ คืนนี้ฉันจะไปทำให้ประตูบ้านเธอเป็นรูเลยคอยดู”
หลังจากข่มขู่เสร็จแล้ว ฟางถังถังก็รีบพุ่งไปข้างหน้าทันที แล้วก็เข้าไปรวมกลุ่มกับฝูงแฟนคลับทันที
พอได้เห็นฉากนี้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เบ้ปาก เธอไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่ฟางถังถังพูดตอนที่พาเธอมาสักเท่าไหร่ บอกว่าเธอไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ทำให้ไม่ดึงดูดความสนใจของคนอื่น แต่ดูแฟนคลับคนอื่นๆสิ สาวน้อยที่อยู่ในกลุ่มแฟนคลับต่างก็แต่งตัวมาประชันกันน่าดู ถึงแม้เธอจะไม่ดึงดูดความสนใจ แต่ก็ยังมีคนอื่นอีกตั้งมากมายนี่นา……
ด้วยเหตุนี้เอง ที่เจียงเสี่ยวไป๋มาในครั้งนี้ก็ถือว่าเสียเปล่าอยู่ดี เป็นแค่ข้ออ้างทั้งนั้น เพียงแค่ฟางถังถังต้องการคนมาช่วยเพิ่มความกล้าเท่านั้น
เฮ้อ เจียงเสี่ยวไป๋ทอดถอนใจ แล้วหาที่นั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์เพื่อนั่งลง แล้วก็มีหนุ่มหล่อเข้ามาถามทันทีว่าเธอจะดื่มอะไร เจียงเสี่ยวไป๋ไม่เคยมาในที่แบบนี้มาก่อน ก็เลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอะไรที่ดื่มได้บ้าง เพราะพูดอะไรไม่ออกก็เลยไม่กล้าพูดไปเรื่อย กลัวว่าคนอื่นจะหาว่าเธอเชย ดังนั้นดูไปดูมา จู่ๆเจียงเสี่ยวไป๋ก็เหลือบไปเห็นที่ไม่ไกลนักมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยกแก้วที่มีสีสันสะดุดตา กำลังยกขึ้นดื่มอยู่
“ขอแบบนั้นให้ฉันแก้วหนึ่งค่ะ” เจียงเสี่ยวไป๋ชี้นิ้วไปทางแก้วที่อยู่ในมือของผู้หญิงคนนั้น
หนุ่มหล่อหันไปทางที่เธอชี้นิ้ว พอเห็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นดื่มอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็ยกยิ้มที่มุมปากแล้วมองมาทางเจียงเสี่ยวไป๋ “คุณมาเป็นครั้งแรกใช่ไหมครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋ลูบจมูกตัวเองด้วยความประหลาดใจ เธอพยายามไม่แสดงออกถึงความเชยแล้วนะ ทำไมถึงถูกมองออกได้นะ
พอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ตอบ แถมยังลูบจมูกอย่างเกรงใจแล้ว บริกรก็ยิ้มออกมา “คุณผู้หญิงคนสวยโปรดรอสักครู่ครับ”
คุณผู้หญิงคนสวย ? หึ พอจ่ายเงินก็ได้รับคำชมสินะ ชมเธอที่อยู่ในเสื้อยืดตัวใหญ่กางเกงตัวหลวมแบบนี้ว่าสวยได้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วหัวแม่มือให้บริกรคนนี้อย่างชมเชย
มีความเป็นมืออาชีพมาก !
ไม่นาน เหล้าสีสวยหนึ่งแก้วพร้อมแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ลองชิมดูจิบเล็กๆ แล้วก็รู้สึกว่าอร่อยอยู่เหมือนกัน เธอก็เลยจิบอีกครั้ง ก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วจู่ๆก็เห็นเงาที่คุ้นเคยอยู่ด้านข้างตรงที่ไม่ไกลจากเธอนัก