บทที่1196 นายอกหักหรือ
อะไรนะ ?
นี่เธอมองผิดไปหรือ
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูชายหนุ่มที่กำลังดื่มเหล้าปรับทุกข์อยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ รูปร่างสูงแต่กลับผอม ท่อนบนสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีเทาตัวหนึ่ง พับแขนขึ้นเผยให้เห็นท่อนแขนที่ผอมเพรียว แสงไฟของเคาน์เตอร์บาร์ทำให้ผิวของเขาดูขาวซีด
เห็นเพียงผู้ชายคนนั้นเอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากไม่หยุด เหมือนพยายามใช้เหล้าเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายบางอย่าง แต่น่าเสียดาย ที่สายตาและสภาพของเขายังอยู่ในขั้นมีสติดีอยู่
ตอนแรกเจียงเสี่ยวไป๋เพียงแค่รู้สึกคุ้นหน้าเท่านั้น แต่หลังจากมองสำรวจคนๆนี้จนละเอียดแล้ว คนที่เคยเรียกให้เธอหยิบปากกาขึ้นมาเขียนต้นฉบับ สำหรับเธอแล้วเขาไม่มีคำว่าเหมือน
เพราะเขาเป็นคนที่ดึงผมที่แสนสำคัญของตัวเธอออกมากระจุกหนึ่ง
แต่ว่าหลังจากนั้นเขาก็รับผิดชอบเต็มที่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะลืมเรื่องนี้
เพราะมันทำให้หัวเธอโล้นไปกระจุกหนึ่ง ยังดีที่เธอไม่ได้ออกจากบ้านทุกวัน ไม่อย่างนั้นเธอคงเอาเรื่องกับเขาจนถึงที่สุดแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ส่ายหัว ถอนสายตากลับมาแล้วดื่มเครื่องดื่มในมือต่อ แต่ฉากในหัวกลับแล่นไม่หยุด
ผู้ชายจะดื่มหนัก ปกติแล้วจะมีแค่สองเหตุผล
หนึ่ง อกหักรักคุด
สอง แพ้พนันยับเยิน
ดูจากแววตาของเขา และความหดหู่ที่แผ่ซ่านออกมาจากทั่วทั้งร่าง ความกดอากาศที่ต่ำเป็นพิเศษ แต่กลับไม่มีแววอันตรายใดๆ น่าจะไม่ใช่ข้อที่สอง
ในเมื่อไม่ใช่แพ้พนันยับเยิน ก็ต้องเป็นอกหักรักคุดแน่นอน
สมน้ำหน้า! เจียงเสี่ยวไป๋แอบพูดคำนี้ออกมาในใจ แล้วมุมปากก็ยกขึ้น
สำหรับเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว ถึงแม้จะรู้จักอีกฝ่าย แต่ทั้งสองคนก็แค่เคยเจอกัน อย่าว่าแต่เพื่อนเลย ขนาดคนรู้จักก็ไม่นับ ดังนั้นถึงเธอจะรู้ว่าคนๆนี้เป็นใคร ก็ไม่คิดที่จะเดินเข้าไปทักทายอีกฝ่าย เธอเพียงอยากดื่มเครื่องดื่มแก้วนี้ให้หมด จากนั้นก็กลับไปพร้อมกับฟางถังถัง
แต่ว่าไม่นาน เจียงเสี่ยวไป๋ก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย แล้วมือกีตาร์บนเวทีก็ยังคงร้องเพลงต่อไป ฟางถังถังเองก็ไม่รู้ว่าหลบไปอยู่ที่มุมไหนแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋เอามือเท้าหัวแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจู่ๆก็ยกแก้วเครี่องดื่มขึ้นมาแล้วเดินไปทางเซียวซู่
เซียวซู่คอแข็งไม่เลว
ในเวลาปกติเขารู้สึกว่าที่ตัวเองคอแข็งนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะตอนที่ออกไปดื่มกับเสี่ยวเหยียนหลายครั้ง ดื่มเป็นเพื่อนเธอจนจบเขาก็ยังสามารถประคองสติตัวเองได้ จากนั้นก็พาเธอกลับไปส่งที่บ้าน
แต่พอมาตอนนี้ เขาก็รู้สึกว่าการที่คอแข็งไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย เขาคิด ถ้าเกิดเขาคออ่อน ก็คงสามารถใช้เหล้ามามอมเมาตัวเองได้
ถึงแม้จะรู้ว่าทำแบบนี้ไม่ถูก เขาไม่ได้หลับตานอนมาตั้งนาน สิ่งที่ควรทำในตอนนี้ก็คือขับรถกลับบ้าน ไปอาบน้ำอุ่น จากนั้นก็นอนให้ครบแปดชั่วโมง เพื่อปรับเวลาร่างกาย จากนั้นก็กลับไปใช้ชีวิตการทำงานต่อไป
แต่ว่า……ตอนนี้รู้สึกจุกอกมาก จำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการระบายอารมณ์เหล่านี้
จู่ๆก็มีคนๆหนึ่งนั่งลงข้างๆเขา ไม่ต้องดูเซียวซู่ก็รู้ว่าเป็นผู้หญิง เพราะว่าร่างกายเล็กบาง อีกอย่างตอนที่มายังมีกลิ่นหอมอ่อนๆออกมาด้วย
แต่น่าแปลก ทั้งๆที่กลิ่นนั้นเบาบางมาก แต่กลับกลบกลิ่นเหล้าที่อยู่ตรงหน้าไปทันที
เซียวซู่ก็เลยหันไปมองผู้มาเยือนทีหนึ่ง
เจียงเสี่ยวไป๋นั่งอยู่ข้างตัวเขา ดวงตาคู่โตกำลังจ้องมองเขา ตอนที่ทั้งสองคนสบตากัน เธอยังกะพริบตาปริบๆด้วย
จากนั้นพอเซียวซู่เห็นเธอเข้าก็เผยรอยยิ้มออกมา “บังเอิญจังเลยนะ”
บังเอิญ ?
เซียวซู่จำอีกฝ่ายได้ในทันที เพราะหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าพูดได้ว่าเป็นคนที่เขามีความทรงจำฝังลึกมาก ก่อนหน้านี้เพื่อเขียนเรื่องราวในอดีตให้กับคุณชายเย่ เขาทวงเช้าทวงค่ำ แถมยังไปถึงบ้านของอีกฝ่ายเพื่อเฝ้าให้เธอเขียน
แล้วผู้หญิงคนนี้ ก็นั่งหลับอยู่หน้าคอมพิวเตอร์……
แถมยังนั่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จากนั้นเซียวซู่ยังเผลอดึงผมเธอกระจุกหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ ดังนั้นก็เลยจำได้แม่น
แต่ว่า เซียวซู่ไม่คิดที่จะเสวนากับเธอต่อ ดังนั้นก็เลยแค่มองเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็ถอนสายตากลับมานั่งดื่มต่อ
เห็นได้ชัดว่า เขาไม่คิดจะคุยกับเจียงเสี่ยวไป๋เลย
เจียงเสี่ยวไป๋ที่ถูกเมินใส่ “……”
ให้ตายเถอะ ผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนี้ น่าโมโหจริงๆ เธอมาชวนคุยถึงที่แล้วแท้ๆ ทั้งๆที่เขาเห็นเธอแล้ว แล้วก็จำเธอได้แล้วด้วย แต่กลับไม่คุยกับเธอสักคำ
ขนาดทักทายยังไม่ทักเลย หรือว่าเขาจะกลับว่าเธอจะถือโอกาสแอบแบล็กเมล์เขา เดี๋ยวนะ เธอไม่ได้จะมาแบล็กเมล์เสียหน่อย เดิมทีที่เขาดึงผมอันล้ำค่าของเธอไปหนึ่งกระจุก ไม่ได้ขอให้เขาชดใช้เป็นสิบเท่าก็บุญเท่าไหนแล้ว
ไม่สนใจเธอหรือ ดีมาก
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นมือออกไป ฝ่ามือขาวนวลโบกไปมาอยู่ตรงหน้าเขา เซียวซู่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ เจียงเสี่ยวไป๋เลยโบกต่อ แต่เขาก็ยังไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เลยโบกต่อไปอย่างนั้น
ฉันจะโบก โบกจนนายจิตใจไม่สงบ ฉันจะดูสิว่านายจะเมินฉันต่อไปได้ไหม
แต่เธอประเมินความอดทนของเซียวซู่ต่ำไป
เพราะคนที่อยู่ข้างกายคุณชายเย่ได้ จะเป็นคนที่ทนกับเรื่องแค่นี้ไม่ได้ได้อย่างไร มือของเจียงเสี่ยวไป๋โบกอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็เมินมันจนถึงที่สุด
โบกถึงสุดท้าย เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกเมื่อยมือแล้ว เลยทำได้แค่เก็บมือกลับมา แล้วพูดด้วยสีหน้ายอมแพ้
“นายนี่มันช่างเป็นคนที่เย็นชาแล้งน้ำใจจริงๆ ฉันเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มาทักทายนายก่อน นายยังไม่แลเลยสักนิด ถึงจะไม่แลก็ได้ แต่ก็ตอบรับสักคำก็ได้นี่นา”
เธอเสียแรงโบกมืออยู่ตั้งนาน แต่อีกฝ่ายกลับทำเหมือนมองไม่เห็น
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหันมาสบตากับเธอครั้งหนึ่ง เจียงเสี่ยวไป๋ก็คงคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์ล่องหนไปแล้ว
แต่แล้ว เซียวซู่ก็ยังคงไม่สนใจเธอ
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็ไม่ได้โกรธ กลับลากเก้าอีกเข้ามาใกล้ จากนั้นก็พิงตัวกับเคาน์เตอร์บาร์ “ช่างเถอะ ฉันไม่ถือสาผู้ชายที่กำลังอกหักอย่างนายหรอก แค่เห็นว่าเมื่อก่อนนายก็เคยร่วมงานกับฉันมาก่อน ฉันจะให้โอกาสนายได้เล่าออกมานะ จะฝืนเป็นผู้ฟังที่ดีให้นายสักครั้งก็ได้”
อย่างไรฟางถังถังก็ยังไม่กลับมา เธอว่างอยู่ก็คือว่างอยู่ อีกอย่างในฐานะนักเขียนก็ถือว่าเป็นการเก็บข้อมูล ไม่แน่ว่าเรื่องราวของเซียวซู่อาจจะโชกเลือดและแปลกประหลาดมากก็ได้ ถึงตอนนั้นเธอก็แค่รวบรวมแล้วเรียบเรียงออกมาอีกครั้งไม่แน่ว่าอาจจะดังก็ได้
จากนั้นเธอก็จะได้นับเงินจนนิ้วอ่อน แล้วนอนหลับบนกองเงินทุกค่ำคืน
เซียวซู่หันไปด้านข้าง แล้วก็เห็นสีหน้าที่กำลังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ของเจียงเสี่ยวไป๋เข้าพอดี
“……”
ช่างเหมือนหนุ่มน้อยคนหนึ่งจริงๆ
เขาเก็บสายตากลับมา แล้วในที่สุดก็ยอมเปิดปาก “ไม่จำเป็น”
ในที่สุดก็ยอมพูด เจียงเสี่ยวไป๋เจอโอกาสแล้ว ก็เลยเริ่มพูดอย่างกระตือรือร้นทันที
“ว่าแต่ นี่นายอกหักจริงๆเหรอ ทั้งๆที่ก็ห่างจากตอนที่พวกเราเจอกันครั้งล่าสุดได้ไม่นานเลยนะ ฉันว่านายก็ดูไม่เหมือนคนที่จะมีแฟนเลย ทำไมจู่ๆถึงอกหักได้ล่ะ นายไปหลงรักคนที่เป็นนางเอกเจ้าหญิงในนิยายที่ให้ฉันเขียนคราวก่อนหรือไงกัน”
พอเซียวซู่ได้ยินอย่างนั้น มุมปากก็เผลอกระตุกทีหนึ่ง
ชอบคุณนายน้อยหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร นอกเสียจากว่าเขาไม่อยากมีชีวิตแล้ว
มองดูจากที่มุมปากเขากระตุกแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้ทันทีว่าตัวเองเดาผิด แต่ว่านั่นก็ไม่สำคัญ เธอใช้มือข้างเดียวเท้าคาง “ไม่ใช่นางเอกเจ้าหญิง งั้นก็เป็นเพื่อนของนางเอกเจ้าหญิงสินะ”
เซียวซู่ “……”
คนๆนี้เป็นร่างทรงหรืออย่างไร ถูกเธอเดาถูกเสียได้