บทที่1198 ย้ายเขาออกไป
“อ๋อ” เจียงเสี่ยวไป๋กวาดตาไปมองเซียวซู่ทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ฉันไม่รู้จักเขาหรอกค่ะ มีปัญหาอะไรเหรอคะ”
พี่ชายคนนั้นทำหน้ามึนงง “ไม่รู้จัก แต่เมื่อครู่ผมยังเห็นพวกคุณคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่เลยนะครับ อีกอย่างดูท่าทางสนิทสนมกันมากด้วย……”
เจียงเสี่ยวไป๋ “……”
เธอไปคุยอย่างสนุกสนานกับคนๆนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วสนิทสนมกับผีอะไร ภายในพล็อตนิยายเองก็ยังไม่กล้าใช้คำๆนี้สุ่มสี่สุ่มห้าเลยนะ ส่วนฟางถังถังที่อยู่ข้างๆก็ทำท่าทางเหมือนได้กลิ่นเรื่องซุบซิบ ก็เลยเขยิบเข้ามาใกล้ทันที
“เอ๋ ผู้ชายคนนี้ดูจากแผ่นหลังแล้วไม่เลวเลยนะ เธอตกได้เหรอ”
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูฟางถังถังอย่างหมดคำพูด “เธอเห็นว่าฉันเหมือนคนแบบนั้นเหรอ”
“ถึงแม้ปกติเธอจะทำท่าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก แต่ไม่แน่ว่าภายในใจของเธออาจจะโลดแล่นอย่างเร่าร้อนก็ได้นะ”
อะไรคือภายนอกสงบนิ่ง ในใจโลดแล่นกัน
เจียงเสี่ยวไป๋ถลึงตาใส่พี่ชายคนนั้นทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างดุร้ายว่า “ใครบอกว่าพวกเราสนิทกัน ถ้าคุณยังพูดไปเรื่อยอีกฉันจะฟ้องหมิ่นประมาทคุณ ถ้าฉันรู้จักเขา เขาเมาขนาดนั้นฉันจะทำเป็นไม่สนใจเขาเหรอ เห็นได้ชัดเลยว่าไม่รู้จักกัน!”
พี่ชายคนนั้นถูกพ่นใส่หน้าเป็นชุด เลยลูบจมูกตัวเองด้วยความโกรธ
พูดจาดูมีเหตุผลดีนะ
ถ้ารู้จักกัน จะทิ้งเขาไว้แบบนั้นได้อย่างไร
“เสี่ยวไป๋ ปกติเธอไม่ใช่คนที่คุยกับคนอื่นแบบนั้นได้นี่นา ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกเธอไม่รู้จักกัน รีบบอกมาว่าเขาเป็นใครกันแน่”
เจียงเสี่ยวไป๋ “……ไม่รู้จัก อย่าถามอีกนะขอบคุณ พวกเราไปกันเถอะ”
พอพูดจบเจียงเสี่ยวไป๋ก็ลากฟางถังถังออกไปข้างนอก แต่ฟางถังถังกลับไม่ยอมเชื่อ เอาแต่ตื๊อถามเธอไม่หยุด
พอมาถึงด้านนอกบาร์ เจียงเสี่ยวไป๋มองดูท้องถนนที่โล่งไปหมดแล้ว จู่ๆก็เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา เธอคิดถึงเซียวซู่ที่อยู่ด้านใน เขาดื่มจนเมาแล้ว อีกอย่างหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ทางบาร์จะต้องไม่ยอมให้เขานอนอยู่ในนั้นเป็นเวลานานแน่ ดังนั้นพอถึงเวลาปิดร้านคงจะโยนเขาออกมาข้างนอกแน่
ถนนเส้นนี้ถึงเวลานั้นคงไร้ผู้คนสัญจรแล้ว แล้วเขาจะเจอเรื่องอันตรายอะไรหรือเปล่านะ ข้อเสียที่ใหญ่หลวงที่สุดของเจียงเสี่ยวไป๋ก็คือใจอ่อน ถ้าเป็นคนไม่รู้จักจริงๆเจียงเสี่ยวไป๋อาจจะทำเป็นไม่สนใจได้ แต่อีกฝ่ายเป็นคนที่เธอรู้จัก แถมยังเคยให้เงินเธอด้วย
พอคิดถึงตรงนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็หยุดเท้าลง สีหน้าท่าทางครุ่นคิด
ฟางถังถังเห็นเธอหยุดลง ก็เริ่มได้กลิ่นเรื่องซุบซิบขึ้นมาอีกครั้ง “เป็นไงเป็นไง เธอรู้สึกผิดแล้วใช่ไหม อยากกลับไปเหรอ”
เห็นท่าทางแบบนี้ของเพื่อนรัก เจียงเสี่ยวไป๋อยากจะปฏิเสธ แต่ถ้าปฏิเสธแล้วเธอก็ต้องกลับไป ให้เธอกลับไปก่อนแล้วค่อยออกมาอีกรอบหรือ
เธอไม่ได้มีน้ำใจขนาดนั้น และถึงจะมีน้ำใจ เธอก็ไม่มีแรงเหลือแล้ว
พอครุ่นคิดอยู่สามตลบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดออกมา “เธอกลับไปก่อนเถอะ”
ฟางถังถังจับข้อมือเธอไว้แน่น “ว้าว ฉันว่าแล้วว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง เธอบอกมาสิว่าเธอจะกลับไปหาผู้ชายที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์เมื่อกี้ใช่ไหม ยังจะมาหลอกฉันว่าไม่รู้จักอีก ถ้าเธอไม่รู้จักจริง เธอจะกลับไปทำไม เสี่ยวไป๋ไป๋ เขาเป็นใครเหรอ เกี่ยวข้องอะไรกับเธอกันแน่ พวกเธอสองคนเป็นเพื่อนกันเหรอ”
เจียงเสี่ยวไป๋ “……เธอสอบปากคำผู้ร้ายหรือไง คำถามมากมายพวกนี้ฉันไม่อยากตอบเลยสักข้อ ก่อนอื่นเธอกลับไปก่อนเถอะ”
พอเห็นว่าฟางถังถังยังจะพูดอะไรอีก เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดคำหนึ่งออกมาปิดปากเธอก่อน “ไม่อย่างนั้นต่อไปถ้ามีกิจกรรมอะไรแบบนี้อีก ต่อไปฉันจะไม่มาเป็นเพื่อนเธออีกแล้ว”
สีหน้าตื่นเต้นกับเรื่องซุบซิบของฟางถังถังเมื่อครู่นั้นพอได้ยินคำนี้เข้าก็หุบลงทันที “หึ ฉันเข้าไปกับเธอแล้วจะเป็นไรไป เดี๋ยวถ้าผู้ชายคนนั้นเมาไม่ได้สติ เธอคนเดียวจะแบกเขาไหวเหรอ ถ้าฉันอยู่ข้างในก็ยังช่วยเธอได้บ้าง”
พอเจียงเสี่ยวไป๋ได้ฟังเธอพูดแบบนี้แล้ว ก็ครุ่นคิดดูว่าก็ถูกของหล่อน ถ้าหากเซียวซู่ไม่ยอมตื่น เธอคนเดียวคงไม่มีแรงแบกเขาออกมาแน่ ให้ฟางถังถังเข้าไปใช้แรงงานพร้อมกับเธอไม่ดีตรงไหน
“ได้ งั้นอีกเดี๋ยวเธอเข้าไปช่วย แต่ว่าห้ามปากมากนะ”
ฟางถังถังพยักหน้า “อืมอืม เธอวางใจเถอะ ฉันไม่มีทางปากมากแน่”
พี่ชายหน้าเคาน์เตอร์บาร์กำลังมองเซียวซู่อย่างกังวล แต่พอคิดอีกทีก็รู้สึกว่าช่างมันเถอะ ยังไงเสียลูกค้าที่มาดื่มจนเมาทุกวันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี รอดูว่าดึกกว่านี้เขาจะตื่นหรือไม่ก็แล้วกัน
ขณะกำลังครุ่นคิด พี่ชายหน้าเคาน์เตอร์บาร์ก็เห็นเด็กสาวสองคนเมื่อครู่เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง ตาเขาเป็นประกายทันที รอจนเจียงเสี่ยวไป๋เดินไปถึงตรงหน้าเขา กำลังเตรียมจะพูด
ใครจะรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะตัดบทเขาอย่างโหดร้าย
“ฉันรู้ว่าคุณอยากจะพูดอะไร แต่ขอให้คุณปิดปากไว้ดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันจะทิ้งเขาไว้ตรงนี้”
ตอนที่พูดประโยคนี้ เธอก็จงใจถลึงตาใส่ ดูแล้วดุร้ายมาก
พี่ชายหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่ถูกดุทำหน้ามึนงงมองดูเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงเสี่ยวไป๋เดินเข้าไปดันตัวเซียวซู่ “ตื่นได้แล้ว นี่ ตื่นสิยะ!”
แต่เซียวซู่ดื่มจนเมามากแล้ว เลยฟุบอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน เจียงเสี่ยวไป๋จิ้มเขาอย่างไม่ยอมแพ้ จิ้มแล้วจิ้มอีก แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาเหมือนเดิม
แล้วฟางถังถังที่อยู่ด้านหลังเธอก็ทนไม่ไหวจนต้องพูดว่า “หยุดจิ้มได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเมาไม่ได้สติแล้ว เธอจะจิ้มจนเป็นรูเขาก็ไม่ตื่นหรอก”
“ช่างเถอะ ย้ายเขาออกไปแล้วกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋เคลื่อนไหวตามประโยคที่พูด จากนั้นก็คว้าแขนข้างหนึ่งของเซียวซู่ขึ้นมาพาดไหล่ตัวเอง ให้เขาทิ้งน้ำหนักตัวลงบนตัวเธอ จากนั้นก็ดันให้เขาลุกขึ้นยืน
เพราะทีแรกเซียวซู่นั่งอยู่ ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็เลยไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดัน แต่พอถอยจากเก้าอี้แล้ว น้ำหนักทั้งหมดของผู้ชายคนนั้นก็กดลงบนตัวเธอ ทำให้วินาทีนั้นเจียงเสี่ยวไป๋เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าแบกภูเขาไท่ซานนั้นหมายความว่าอย่างไร
ให้ตายเถอะ!
เจียงเสี่ยวไป๋เกือบจะหายใจไม่ทัน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอตั้งเท้าได้มั่นคง คาดว่าตอนนี้คงล้มหน้าคะมำไปหลายรอบแล้ว
เห็นสภาพของเจียงเสี่ยวไป๋แบบนี้แล้ว ฟางถังถังก็รีบเข้ามาช่วยทันที ทั้งสองคนพยุงเซียวซู่ออกไป สุดท้ายพี่ชายหน้าเคาน์เตอร์บาร์ก็อดพูดออกมาไม่ได้ “คือว่า……”
“หุบปาก!”
พี่ชายหน้าเคาน์เตอร์บาร์ “……QAQ”
วันนี้เขาไปทำผิดต่อใครเข้าหรืออย่างไร ทำไมแค่พูดอะไรบ้างก็ยังไม่ได้เลยเล่า ทำไมเด็กผู้หญิงคนนี้ถึงได้ดุขนาดนี้
เห็นพอเห็นว่าผู้ชายคนนั้นดื่มเหล้าไปมากมายขนาดนั้น พี่ชายหน้าเคาน์เตอร์บาร์ก็รู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่พูดอะไรอีกคงไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาก็เลยกลั้นหายใจคำหนึ่งแล้วพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “คุณผู้หญิงครับ ค่าเหล้าของคุณผู้ชายท่านนั้นเขายังไม่ได้จ่ายเลยครับ
เอ๋ ?
เท้าของเจียงเสี่ยวไป๋หยุดชะงัก จนเกือบจะล้มพับ
ที่แท้ก็ยังไม่ได้จ่ายค่าเหล้านี่เอง เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดกับฟางถังถังว่า “เธอพยุงไว้ก่อนนะ ฉันขอดูก่อนว่าเขาพกกระเป๋าเงินมาด้วยหรือเปล่า”
“อืม อืม”
แล้วเจียงเสี่ยวไป๋ก็เริ่มทำการค้นตัวเซียวซู่ สุดท้ายก็ลูบเจอกระเป๋าเงินที่อยู่ในกระเป๋าของเขา เธอเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา จากนั้นก็ล้วงกระเป๋าเงินออกมาแล้วเดินไปทางเคาน์เตอร์บาร์ แต่พอเปิดออกดูกลับพบว่าในกระเป๋าเงินมีเงินอยู่แค่สองร้อยหยวน กับบัตรประชาชนและบัตรเอทีเอ็ม
“……” วินาทีนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกอยากด่ามารดาขึ้นมา แววตาของเธอมองไปทางพี่ชายหน้าเคาน์เตอร์ช้าๆ “ทำไมพวกคุณถึงไม่เก็บเงินก่อนสั่งของกัน”
ถ้าเก็บเงินก่อนสั่งก็จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวแบบนี้ ดังนั้นค่าเหล้าก็ต้องเป็นเธอจ่ายใช่ไหม
หลังจากจ่ายเงินแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋กับฟางถังถังพยุงเซียวซู่ออกมาถึงด้านนอกอย่างยากลำบาก จากนั้นก็เรียกรถ แต่หลังจากพาเขาขึ้นรถแล้ว ฟางถังถังก็ได้รับสายโทรศัพท์จากบ้านของเธอ สีหน้าเธอเปลี่ยนทันที “เสี่ยวไป๋ ที่บ้านฉันอาจจะรู้เรื่องที่ฉันแอบออกมาข้างนอกแล้ว ฉันคงต้องกลับไปก่อน คงอยู่เป็นเพื่อนเธอไม่ได้แล้ว