บทที่13 เขาทำอะไรน่ะ
ขณะที่เย่โม่เซินเงยหน้าขึ้นอย่างหงุดหงิดคิดอยากจะดุว่าเธอสักหลายคำ เขากลับพบว่าเธอกังวลจนเหงื่อออกเต็มหน้าผาก แม้แต่ตาก็แดงก่ำแล้ว
ดังนั้นเมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปากก็ได้แต่หยุดอยู่แค่นั้น เย่โม่เซินได้แต่ขมวดคิ้ว
เขาเป็นอะไรไปเนี่ย
สำหรับวิธีการไร้ยางอายเช่นนี้ ผู้หญิงที่แต่งงานเข้าตระกูลเย่แทนน้องสาวของเธอแถมยังตั้งท้องอีก เขาควรที่จะโยนเธอออกไปซะถึงจะถูก จะยังให้โอกาสเธอพักอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไปอีกจริงๆหรือ
อยู่ๆเย่โม่เซินก็ได้สติขึ้นมา เขากำข้อมือของเสิ่นเฉียวเอาไว้ พร้อมกับผลักเธอออกไป
เสิ่นเฉียวคาดการณ์ไม่ถึง ไหล่อันบอบบางของเธอปะทะเข้ากับกำแพงอันแข็งแกร่ง เธอเงยหน้าขึ้นจ้องเย่โม่เซินนัยน์ตาอันเย็นเยือกของเย่โม่เซิน
“ไสหัวออกไปซะ”
เธอเอามือโอบไหล่ที่เจ็บของตนเองเอาไว้ และมองเขาอย่างประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง แล้วจะอยู่ที่นี่ทำไมกัน หาเรื่องให้ผมอารมณ์เสียเปล่าๆ ออกไปซะ!”
“คุณ!” เสิ่นเฉียวกำกำปั้นแน่น เธอรู้สึกว่าเย่โม่เซินพูดมากเกินไป แต่เมื่อคิดดูแล้ว มันก็จริงที่สองนานแล้วเธอก็ยังไม่ได้ช่วยทำอะไรเลยสักอย่าง ความโกรธในดวงตาเธอจึงได้มลายหายไป จากนั้นจึงได้เดินกุมไหล่ตัวเองออกจากห้องอาบน้ำไป
“เซียวซู่!” เสียงอันเย็นเยือกดังตามติดมาราวกับไม้ไผ่ที่กำลังจะกะเทาะแตกออกมา เซียวซู่ซึ่งคอยพิงกำแพงแอบฟังอยู่ที่ด้านนอก วินาทีถัดมาเธอก็ตัวแข็งทื่อ
“ยังไม่รีบเสนอหน้าเข้ามาอีก”
เซียวซู่รีบปีนป่ายกระเสือกกระสนเข้าไปในห้องอาบน้ำ
“คุณชายเย่ นายรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่ข้างนอกครับ”
คิดไม่ถึงเลย ว่าเย่โม่เซินจะรู้ว่าเขาไม่ได้ไปไหน ตอนที่เซียวซู่เข้ามาเห็นเสิ่นเฉียวจ้องมองตนเอง เขาก็รู้สึกเขินอาย
พอเย่โม่เซินเรียกปุ๊บ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นในทันที นั่นก็แสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่าเขาแอบฟังอยู่ที่ด้านนอก นั่นก็แปลว่าเขารู้ความเคลื่อนไหวข้างในทั้งหมดเลยใช่รึเปล่า
เย่โม่เซินจ้องจนเขาตกใจสะดุ้ง เซียวซู่ได้แต่ปิดหลับตาลงในทันที
…
หลังจากที่เสิ่นเฉียวออกมาแล้ว เธอก็ตรงไปยังที่นอนของตนเอง และเอาออกโทรศัพท์ออกมาดูเล่น
เธอเลื่อนดูในกลุ่มเพื่อน จึงได้เห็นว่าหลินเจียงสามีเก่าโพสต์รูปอันหวานซึ้ง มือเขากำลังโอบหญิงสาวอันทรงเสน่ห์คนหนึ่งอยู่ ทั้งคู่ดูใกล้ชิดสนิทสนมกัน ข้อความเขียนกำกับว่ารักเธอจนวันตาย ไม่มีวันเปลี่ยนใจไปตลอดกาล
เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ เสิ่นเฉียวรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
แต่งงานมาสองปี เขาได้แต่อ้างว่างานยุ่งไม่แตะต้องเธอเลยแม้แต่น้อย แรกๆเสิ่นเฉียวก็คิดว่าแต่งงานกับเขาแล้ว ยังไงก็ต้องอยู่ให้ได้ จึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่ชั่วพริบตาก็ผ่านไปแล้วสองปี
อยู่ๆสามีของเธอหลินเจียงก็ถูกลอตเตอรี่รางวัลห้าล้าน แต่ผลปรากฏว่าเธอไม่ได้มีความสุขตามไปด้วย เพราะว่าเขาได้ยื่นขอหย่ากับเธอในทันที ส่วนเหตุผลนั้นก็คือเพราะว่าเธอไม่สามารถทำหน้าที่ภรรยาให้สมบูรณ์ได้
เธอไม่สามารถทำหน้าที่ภรรยาให้สมบูรณ์ได้มันคืออะไร ทุกวันเธอแหกตาตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำอาหารให้เขา งานบ้านทุกอย่างก็ล้วนเป็นเธอที่ทำ เงินทั้งหมดก็ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ต้องเปลี่ยนจากลูกคุณหนูมาเป็นภรรยาที่แต่งกายสุภาพเรียบร้อย
ทั้งหมดนี่ก็เพื่อใคร
ที่จริงแล้วเสิ่นเฉียวก็รู้ว่านี่มันเป็นแค่เพียงข้ออ้างเท่านั้น
เพราะว่าเธอเคยเจอผู้หญิงในรูปภาพนั้นมาก่อนแล้ว
วันนั้นหลินเจียงไม่อยู่บ้าน มีผู้หญิงท้องโตคนหนึ่งมาหาเธอ
“ในท้องของฉันเป็นลูกของหลินเจียง เสิ่นเฉียวถ้าหากว่าเธอฉลาดก็รีบออกไปซะ อย่าให้ฉันต้องลงมือด้วยตัวเอง”
ตอนนั้นเสิ่นเฉียวยังมึนๆงงๆ ไม่รู้ว่าจะตอบโต้ด้วยวิธีไหนอย่างไร ที่สำคัญก็คือเธอยังไม่เชื่อ
“เป็นไปไม่ได้ สองปีมานี้หลินเจียงไม่เคยไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ไหน คุณคิดจะมาหลอกฉันใช่มั๊ย”
“ถ้าอย่างนั้นแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยได้แตะเนื้อต้องตัวคุณเลยใช่ไหมล่ะ เมื่อสองปีก่อนตอนที่พวกคุณแต่งงานกันฉันก็บอกเขาแล้วว่า ไม่ให้เขามีอะไรกับคุณ เพราะอย่างนั้นตอนนี้ท้องคุณก็เลยยังไม่โตสักทียังไงล่ะ ตอนนี้ฉันทนมามากพอแล้ว ฉันต้องการอยู่กับเขาอย่างเป็นกิจจะลักษณะ คุณไสหัวไปซะ”
เสิ่นเฉียวตกใจสะท้าน หล่อนรู้จริงที่ว่าหลินเจียงแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเธอ
ผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าเธอไม่เชื่อ หล่อนจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโชว์เสิ่นเฉียวถึงคลิปที่หล่อนและหลินเจียงอยู่ด้วยกัน
ในวิดีโอนั้นเป็นภาพที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ส่วนที่ว่าเป็นภาพอะไรนั้น คงไม่จำเป็นต้องพูดถึง ดังนั้นที่สุดแล้วเสิ่นเฉียวยังไม่ทันได้ดูจบเธอก็ผละถอยหลัง ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นจากไป
ผู้หญิงคนนั้นแสยะยิ้มอย่างได้ใจ เมื่อหล่อนบรรลุวัตถุประสงค์แล้วก็อุ้มท้องเดินจากไป
หลายวันผ่านไป หลินเจียงก็ถูกลอตเตอรี่ และเอ่ยปากขอหย่ากับเธอ
เมื่อหวนคิดถึงเรื่องพวกนี้ เสิ่นเฉียวก็รู้สึกวิงเวียน กระเพาะปั่นป่วนเหมือนจะคลื่นไส้ รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง
เธอทนนั่งไม่ไหวอีกต่อไป เสิ่นเฉียวปิดปากพร้อมพุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ แต่เย่โม่เซินก็อยู่ข้างใน เธอได้แต่รีบออกมาที่ห้องนอนอย่างรวดเร็ว ไปตรงไปที่ห้องน้ำชั้นสอง
เธออ้วกเอากรดเปรี้ยวออกมา ก่อนที่เสิ่นเฉียวจะกลับไปยังห้องนอน
เย่โม่เซินยังคงอาบน้ำอยู่ไม่ออกมา เธอขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่ม อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อครู่อาเจียนจนเหนื่อยเพลีย พอได้สัมผัสกับผ้าห่มนุ่มๆ ก็ผล็อยหลับไปในทันใด
พอเย่โม่เซินอาบน้ำเสร็จแล้วออกมา เห็นร่างน้อยๆขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่ม เธอเอาผ้าห่มคลุมทั้งศีรษะของตัวเองไว้ โผล่มาให้เห็นเพียงเส้นผมสีดำเล็กน้อยเท่านั้น
แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เย่โม่เซินก็ละสายตาไป
“ผ้าขนหนู”
เซียวซู่ยื่นส่งผ้าขนหนูให้เขา เย่โม่เซินเช็ดน้ำบนผม จากนั้นริมฝีปากบางๆก็ขยับ “คุณกลับไปได้แล้ว”
พอพูดจบ เสิ่นเฉียวซึ่งกำลังหลับอยู่ถูกผ้าคลุมทั้งตัวคงจะรู้สึกร้อน จู่ๆเธอก็เตะผ้าห่มออก เผยให้เห็นขาเนียนขาวราวหิมะ
ผิวเสิ่นเฉียวขาวมาก ขาก็นวลเนียน ฉากนี้ทำเอาคนตกตะลึงไปกันใหญ่โต เซียวซู่ได้ยินเสียงก็เลยพลอยหันไปมองตามด้วย แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้หันไปเห็น เสียงเย่โม่เซินก็ดังขึ้นมา
“ยังไม่ไปอีก”
เมื่อได้ยิน เซียวซู่ก็รีบหันกลับไปในทันที พร้อมกับเอามือลูบหัวตัวเอง
ทำไมถึงรู้สึกว่าลมหายใจของคุณชายเย่อยู่ๆก็แข็งกร้าวขึ้นขนาดนี้ แต่ว่าเซียวซู่ไม่กล้าคิดไปมากไปเป็นอื่น เขาได้แต่พยักหน้าและรีบออกไปจากห้อง
หลังจากที่เขาออกไปแล้ว สายตาของเย่โม่เซินถึงได้กลับไปตกลงบนร่างของเสิ่นเฉียวอีกครั้ง
ผู้หญิงคนนี้สมควรตายนัก
แล้วยังจะมาแกล้งทำเป็นบริสุทธิ์อีก ไม่มีสงวนท่าทีอะไรเลยสักนิด
ขนาดตอนนี้หลับแล้ว แต่กลับยังจะอ่อยผู้ชายอยู่อีก
เย่โม่เซินพ่นลมออกเสียงหนึ่ง ก่อนที่จะละสายตาไปเช็ดผมตัวเองต่อไป
วันรุ่งขึ้น
นอนหลับไปทั้งคืน พอเสิ่นเฉียวตื่นขึ้นมาวันรุ่งขึ้น เย่โม่เซินก็ออกไปจากห้องแล้ว
เธอลุกขึ้นอย่างสะลึมสะลือ เธอหลับไปลึกขนาดนี้เลยหรือนี่ ขนาดเขาตื่นเธอยังไม่รู้ตัว
เมื่อเสิ่นเฉียวคิดที่จะลุกไปล้างหน้าล้างตา พอลุกขึ้นก็ปรากฏว่าข้างหน้าของเธอมืดสนิท เธอตกใจจนรีบกลับไปนั่งที่เดิม ผ่านไปสักครู่หนึ่งถึงจะค่อยๆเห็นภาพชัดเจนขึ้น
นอนหลับไปทั้งคืน ดูเหมือนว่าอาการหวัดจะยิ่งแย่ลง
นั่งไปสักพัก เสิ่นเฉียวก็ลุกขึ้นยืนใหม่
เมื่อเธอทำความสะอาดชั้นล่างเสร็จ เธอก็บังเอิญพบกับนายท่านเย่
“เสิ่นโย่วรึ”
“นายท่าน…” เมื่อมองเห็นเธอ เสิ่นเฉียวก็ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
รู้สึกมาตลอดว่าสายตาของชายชราคนนี้คมคายร้ายกาจมาก ราวกับว่าเขาสามารถอ่านใจคนได้ เธอกลัวว่าตัวตนของเธอจะเป็นที่จดจำได้อย่างง่ายดายต่อหน้าเขา
“สองวันนี้ เธอยังไม่ได้เข้าไปบริษัทไปกับโม่เซินเลยใช่มั๊ย”
ถึงแม้ว่าคำพูดจะเรียบง่าย แต่ว่าเสิ่นเฉียวฟังแล้วรับรู้ได้ถึงคำตำหนิติเตียน เธอเหลือบมองชายชราอย่างหวาดกลัว ก่อนที่จะตอบเสียงเล็กเสียงน้อย “ขอโทษค่ะนายท่าน สองวันนี้หนูรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย ดังนั้นก็เลย…”
“ไม่สบายอย่างนั้นรึ” นายท่านเย่หรี่นัยน์ตาอันคมชัด “ฉันจะโทรตามหมอให้มาตรวจดูเธอสักหน่อย”
เสิ่นเฉียวหน้าถอดสีทันที
ตามหมอให้มาตรวจอย่างนั้นหรอ ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เธอตั้งครรภ์ก็จะถูกเปิดโปงน่ะสิ
ไม่ ไม่ได้!