บทที่ 1205 อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน
ดังนั้นในวันนี้นายท่านยู่ฉือ ทันทีที่ได้กอบกู้ศักดิ์ศรีกลับมา ก็ต้องเอาคืนแน่นอน
คนที่มาในครั้งนี้ นอกจากคนที่จงใจเชิญมา เพื่อดูนายท่านยู่ฉือโอ้อวด ยังมีอีกหลายตระกูลที่มีความสัมพันธ์ไมตรีก็ได้มาด้วย
หนึ่งในนั้นก็คือ ตระกูลตวนมู่
ตระกูลตวนมู่มากันสองคน ก็คือนายท่านตวนมู่และตวนมู่เจ๋อ
หานมู่จื่อได้เจอกับพวกเขา ในขณะที่เย่โม่เซินอุ้มเสี่ยวโต้วหยาไปเปลี่ยนผ้าอ้อม
เมื่อทั้งสองพบกัน ต่างรู้สึกตะลึงเล็กน้อย
เพราะในเมื่อก่อน หานมู่จื่อได้เห็นกับตา ว่าตวนมู่เสว่น้องสาวของตวนมู่เจ๋อคนนี้ บ้าคลั่งมากแค่ไหน ช่างเหมือนกับโรคจิตจริงๆ แต่พี่ชายของเธอ……ยังถือว่ามีเหตุผล
แต่หานมู่จื่อก็ไม่ได้ถือว่ามีความประทับใจกับเขาเป็นพิเศษ ดังนั้นเพียงแค่ยิ้มให้เขาอ่อนๆเท่านั้น
แต่กลับเป็นตวนมู่เจ๋อ ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องบาดหมางในเมื่อก่อน ไม่นานก็ถือแก้วไวน์ไว้ เดินตรงมาหาเธอ จากนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“คุณนายเย่”
หานมู่จื่อชะงักไปชั่วขณะ พยักหน้าให้เขา “คุณตวนมู่”
“ยินดีด้วยครับ”
“ขอบคุณ”
บทสนทนาระหว่างทั้งสองแข่งกระด้างและอึดอัดใจ และในตอนที่หานมู่จื่อกำลังคิดจะหาข้ออ้างที่จะออกไป ตวนมู่เจ๋อก็พูดขึ้นกะทันหัน “สิ่งต่างๆที่น้องสาวของฉันทำในเมื่อก่อน ช่างเหลวไหลเหลือเกิน ฉันตวนมู่เจ๋อ วันนี้มาที่นี่ เพื่อขออภัยคุณนายเย่แทนเธอด้วย”
ท่าทีของตวนมู่เจ๋อนั้น จริงใจและจริงจังมาก ท่าทางแบบนี้กลับทำให้หานมู่จื่อรู้สึกอายเล็กน้อย เมื่ออีกฝ่ายได้อ่อนน้อมถ่อมตนวางท่าทีลงแล้ว ถ้าเธอยังถือสาอีก นั้นก็แสดงว่าเธอใจแคบมากเกินไปแล้ว
อีกอย่างเรื่องเหล่านั้นก็ได้ผ่านไปหมดแล้ว
เมื่อนึกถึงเช่นนี้ เธอจึงพูดขึ้นว่า “ที่จริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับความผิดของเธอเลย”
ตวนมู่เจ๋อจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ส่ายหัว
“เธอเป็นน้องสาวของฉัน กลายเป็นแบบนี้ ฉันในฐานะพี่ชาย ก็ต้องมีความรับผิดชอบแน่นอน ดังนั้นฉันจึงขออภัยอย่างสูง หวังว่าคุณจะเห็นแก่เธออายุน้อย ไม่รู้อะไรควรไม่ควร ให้อภัยสิ่งที่เธอเคยทำในเมื่อก่อน”
อายุน้อย ไม่รู้อะไรควรไม่ควร?
ในแววตาของหานมู่จื่อ พาดผ่านความสงสัย จากนั้นเธอก็ยิ้มจางๆ “ถ้าจำไม่ผิด น้องสาวของคุณ ตวนมู่ อายุก็ไล่เลี่ยกับฉันนะ อย่างมากก็แค่ห่างกันปีสองปีเท่านั้น ฉันไม่ใช่ผู้อาวุโสอะไรของเธอ เห็นแก่เธออายุน้อย ไม่รู้อะไรควรไม่ควร แล้วให้อภัยเธอ ในเรื่องนี้ ทำไม่ได้จริงๆ”
เมื่อได้ยิน ตวนมู่เจ๋อก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่หมายความว่าจะไม่ให้อภัยเธอเหรอ?
แต่ในไม่ช้า ตวนมู่เจ๋อก็ตระหนักได้ว่า เขาพูดอะไรผิดไป เพราะเมื่อกี้เขาสัมผัสได้ว่า กลิ่นอายบนตัวของหานมู่จื่อ กลายเป็นเยือกเย็นในทันที
“ขออภัย ฉันอยู่ในมุมมองของพี่ชาย ถึงได้พูดผิดไป แต่คิดว่าเสี่ยวเสว่ก็ไม่อยากทำแบบนี้ เธอมีปัญหาทางจิต ทุกวันนี้ไม่สามารถออกจากบ้านได้เลย และต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์ทุกวัน”
หานมู่จื่อยิ่งฟังยิ่งขมวดคิ้ว กลิ่นอายบนตัว ก็ไม่สบอารมณ์มากขึ้น
ดังนั้นสายตาของเธอที่จ้องมองตวนมู่เจ๋อ ก็มีความเย้ยหยันเพิ่งขึ้น
จากนั้นตวนมู่เจ๋อก็ไม่สามารถพูดต่อได้ ภายใต้สายตาแบบนี้ของเธอ สีหน้าอึดอัดเล็กน้อย “คุณนายเย่ คุณคือ……”
“คุณตวนมู่คิดว่า เพราะเธอมีปัญหาทางจิต ฉันก็ต้องอภัยให้เธอหรือ?” เธอยิ้มจางๆ น้ำเสียงก็ได้เย็นชาลงอีก “เดิมทีเรื่องนี้ฉันก็ไม่ได้จำใส่ใจ เพราะยังไงสำหรับฉันในตอนนี้แล้ว เธอเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ไม่มีนัยสำคัญ แต่คำพูดของคุณตวนมู่ในวันนี้ ได้อ้างหลักศีลธรรมมาบังคับผู้อื่นมากเกินไปหรือเปล่า? ไม่ว่าเธอจะอายุน้อย ไม่รู้อะไรควรไม่ควรก็ดี มีปัญหาทางจิตก็ดี ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของ ตระกูลตวนมู่ของพวกคุณ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเลยสักนิด
ในเรื่องนี้ ฉันเป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเย่โม่เซินด้วย สุดท้ายแล้ว คำว่าอายุน้อย ไม่รู้อะไรควรไม่ควร มีปัญหาทางจิต ฉันก็ต้องให้อภัยเธอหรือ?
ความตั้งใจเดิมของตวนมู่เจ๋อคือการผูกมิตร แต่ไม่คาดคิดว่า จะทำให้เธอโกรธ เขาขมวดคิ้วมุ่น “คุณนายเย่ ฉันไม่ได้มีความหมายอื่น ฉันแค่……”
“คุณมีความหมายอะไร ฉันไม่ได้สนใจเลย วันนี้ในเมื่อคุณตวนมู่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองครบเดือนของลูกสาวฉัน งั้นก็ถือว่าเป็นแขก แต่ในตอนนี้ ฉันไม่มีเวลาที่จะดูแล คุณเชิญตามสะดวก”
หลังจากพูดจบ หานมู่จื่อก็หันหลังจากไปเลย
เฉียวจื้อที่อยู่ด้านข้างได้เห็นฉากนี้ ถึงกับตะลึงนิ่งค้าง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งใส่หลังของหานมู่จื่อ จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าของตวนมู่เจ๋ออย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย ฉันว่าคุณ ตวนมู่เจ๋อ เพื่อน้องสาวคุณแล้ว คุณก็ช่างหน้าด้านมากจริงๆ หน้าด้านหน้าทนมาร่วมงานเลี้ยงฉลองครบเดือนของคนอื่นก็ช่างเถอะ แต่ยังมีหน้ามาขอให้คนอื่นยกโทษให้ ฉันว่านะ เรื่องราวต่างๆที่ตวนมู่เสว่เคยทำไว้ในเมื่อก่อน ยังทำให้ฉันซึ่งเป็นคนในอดีต ชังน้ำหน้าเธอเลย”
เมื่อเห็นเฉียวจื้อที่เหมือนวิญญาณเร่ร่อนอยู่ทุกที่ กลิ่นอายของตวนมู่เจ๋อ ก็กลายเป็นเยือกเย็นในทันที จ้องมองเขาอย่างเย็นชา “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับคุณ?”
ความหมายที่พูดก็คือ เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณ คุณไสหัวไปข้างๆ อย่ามาเสนอหน้า ยุ่งเรื่องชาวบ้านที่นี่
“เฮ้ย ทำไมถึงไม่เกี่ยวข้องกับฉัน? ยู่ฉือเป็นถึงเพื่อนรักของฉัน มู่จื่อเป็นพี่สะใภ้ของฉัน เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันมากนัก เฮ้อ ฉันว่านะตวนมู่เจ๋อ น้องสาวคนนี้ของคุณ นิสัยสันดานธรรมดามากจริงๆ ทำไมตระกูลตวนมู่ของพวกคุณ ถึงได้สั่งสอนตัวแบบนี้ออกมาได้?”
“……เฉียวจื้อ ฉันเห็นแก่ทั้งสองตระกูล เมื่อก่อนเคยมีมิตรภาพ เลยไม่ถือสากับคุณ แต่คุณโปรดพูดด้วยความเคารพด้วย”
“ฮิๆๆ ฉันไม่เคารพ แล้วคุณจะทำอะไรกับฉันได้บ้าง? อีกอย่างฉันไม่คิดว่าสิ่งที่ฉันพูดไม่เคารพตรงไหน? น้องสาวของคุณคนนั้น นิสัยสันดานเดิมทีก็ชั่วร้ายมาก คุณในฐานะพี่ชาย ควรจะรู้สึกละอายถึงจะถูก แต่ยังมีหน้ามาขอให้คนอื่นยกโทษให้!”
ตวนมู่เจ๋อ “……”
เขามาขอให้หานมู่จื่ออภัยให้จริงๆ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงสถานการณ์ของน้องสาว โดยหวังว่าหานมู่จื่อจะเห็นแก่สิ่งนี้ ให้อภัยกับเธอ
แน่นอนว่า ต่อให้น้องสาวจะทำมากเกินไปแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงเป็นน้องสาวของเขาเอง แต่เขาไม่คาดคิดว่า การเอ่ยถึงเช่นนี้ จะทำให้เกิดความไม่พอใจได้
แม้ว่าตวนมู่เจ๋อจะเป็นคนที่รู้จักความพอดี แต่ก็ยังกระตือรือร้นที่จะปกป้องน้องสาวมากเกินไป ในเรื่องนี้ สำหรับตระกูลตวนมู่ของพวกเขาแล้ว ย่อมไม่ใช่ปัญหาอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนยังต้องยกนิ้วโป้งให้เขา ชื่นชมว่าเขาเป็นพี่ชายที่แสนดี
แต่สำหรับหานมู่จื่อแล้ว มันไม่ใช่ภาพลักษณ์เช่นนี้
หลังจากที่หานมู่จื่อจากไป กำลังจะตรงไปที่ด้านหลัง เพื่อดูว่าเย่โม่เซินเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เสี่ยวโต้วหยา เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ใครจะรู้ว่า ได้เห็นคู่หานชิงกับเสี่ยวเหยียน
งานเลี้ยงฉลองครบเดือนของเสี่ยวโต้วหยา สองคนนี้ก็ต้องมาแน่นอน
แต่ในเวลานี้ เสี่ยวเหยียนกำลังกินเค้กอยู่ที่นั่น ส่วนหานชิงก็ยืนอยู่ข้างๆเธอ มองเธออย่างจนปัญญา ลูบหัวของเธอเบาๆ พูดเสียงต่ำ “เค้กเป็นของหวาน ถ้าฉันจำไม่ผิด ช่วงนี้คุณกินของหวานไปไม่น้อย?”
เมื่อได้ยินเข้า เสี่ยวเหยียนก็กะพริบตาถี่ๆ “ดูเหมือนว่า……ก็ไม่ได้กินมากเท่าไหร่นะ?”
“วางลง ห้ามกินอีกแล้ว”
กินของหวานมากเกินไป นอกจากจะอ้วนขึ้นแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรต่อร่างกายเลย กินน้อยย่อมจะดีกว่า
แต่สาวน้อยข้างกาย ถือเค้กชิ้นเล็กไว้ ท่าทางไม่อยากที่จะวางลงเลย หานชิงเลยยกมือหยิบเค้กออกไปเสียเลย
ทันใดนั้น สาวน้อยก็เงยหน้าขึ้น มองเขาอย่างน่าสงสาร
“นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองครบเดือนของเสี่ยวโต้วหยานะ
วันนี้ให้ฉันจะกินหลายชิ้นนะ…… ฉันสัญญาว่าหลังจากวันนี้แล้ว จะไม่กินเค้กอีกเลย”