บทที่ 1211 จะช่วยให้ถึงที่สุด
หญิงสาวได้ฟังแล้ว ก็นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง จึงเริ่มเอ่ยปากกับเสี่ยวเหยียนอีกครั้งว่า
“ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณคุณ ฉันชื่อหลินชิ่นเอ๋อแล้วคุณล่ะ”
เสี่ยวเหยียนเผยให้เห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มอันใส่ซื่อไร้เดียงสา:“ฉันชื่อจางเสี่ยวเหยียน!”
“เสี่ยวเหยียน……”หลินชิ่นเอ๋อเรียกชื่อของเธอ แววตาเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่“คนที่อยู่กับคุณคนนั้น เป็นสามีคุณเหรอ”
สามีสรรพนามนี้ทำให้เสี่ยวเหยียนหน้าแดงเรื่อ เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อยยื่นมือโบกไปมา ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ใช่เหรอ”หลินชิ่นเอ๋อเธอมองอย่างสงสัยเล็กน้อย:“พวกคุณไม่ได้ออกมาเที่ยวด้วยกันเหรอ”
“อืม”เสี่ยวเหยียนพยักหน้า อธิบายเบาๆว่า:“ฉันกับเขาออกมาเที่ยวด้วยกัน แต่พวกเราไม่ใช่สามีภรรยากัน แค่เป็นแฟนกันเท่านั้นเอง”
ได้ยินเช่นนั้น หลินชิ่นเอ๋อก็คลี่ยิ้มอ่อนๆ:“ที่แท้อย่างนี้นี่เอง คุณดูสิเขาดีกับคุณมากเลยนะ”
ใช่เหรอ เสี่ยวเหยียนกระพริบตาปริบๆ ในใจรู้สึกดีใจเล็กน้อย
คนนอกต่างก็ดูออกว่าหานชิงดีกับเธอมาก ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ
ในขณะที่กำลังคิดทบทวนอยู่นั้น หลินชิ่นเอ๋อก็พูดขึ้นมาอีกว่า“แต่ดูเหมือนเขาจะเย็นชาเล็กน้อย นิสัยเขาเป็นอย่างนี้ตลอดเลยเหรอ”
เมื่อเอ่ยถึงหานชิง เสี่ยวเหยียนก็แทบจะไม่ต้องคิดอะไรมาก พยักหน้าทันที
“อืม นิสัยเขาค่อนข้างเย็นชา เป็นอย่างนี้มาตลอด”
แต่สำหรับเสี่ยวเหยียน ถ้าจะบอกว่าหานชิงเย็นชา สู้บอกว่าเขาขรึมดีกว่า เขากับเย่โม่เซินไม่เหมือนกันเลย อย่างเย่โม่เซินนั้นถึงจะเรียกว่าเย็นชาจริงๆ และยังเย่อหยิ่งอวดดี ไม่พูดคุยกับคนแปลกหน้า
แต่หานชิงไม่เหมือนกัน เขายังพูดคุยกับคนอื่นได้ ด้วยการรักษามารยาทขั้นพื้นฐานของสุภาพบุรุษ แต่จะทำให้เกิดความรู้สึกห่างเหิน
หานชิงที่เป็นแบบนี้ เสี่ยวเหยียนชอบมากๆ
เห็นใบหน้าของเสี่ยวเหยียนเผยให้เห็นความเป็นหญิงสาวเจ้าบทเจ้ากลอนอย่างนั้น แววตาของหลินชิ่นเอ๋อก็ส่องประกายความผิดปกติออกมา เธอเริ่มชวนเสี่ยวเหยียนคุยมากขึ้นทีละประโยคๆ
ตอนแรกเสี่ยวเหยียนยังไม่ทันรู้ตัว ต่อมาเธอก็เริ่มเอะใจ ทำไมหลินชิ่นเอ๋อถึงได้เอาแต่ถามถึงเรื่องของหานชิงอยู่ตลอดเวลา เธอจะอยากรู้เยอะแยะขนาดนี้ไปเพื่ออะไร
นิสัยเสี่ยวเหยียนเป็นคนตรงๆ ไม่มีเสแสร้งแกล้งทำ จึงถามเธอตรงๆว่า
“คุณจะถามอะไรเยอะแยะไปทำไมคะ”
ถูกเธอถามอย่างนี้ สีหน้าของหลินชิ่นเอ๋อก็เผยให้เห็นความกระดากอาย:“ขอโทษนะคะ ฉันเห็นคุณพูดถึงเขาอย่างสนใจ ดูท่าทางมีความสุขมาก ดูท่าคุณคงจะชอบเขามากสินะคะ คุณช่วยฉัน ฉันกลับไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณยังไง ดังนั้น…ก็เลยได้แต่ชวนคุณคุยเรื่องคนที่คุณชอบ”
ได้ยินเธออธิบายเช่นนี้ ก็พอจะฟังขึ้นได้บ้างในตอนนั้น และเพราะคำอธิบายของเธอ ทำให้เสี่ยวเหยียนหน้าแดงเรื่อขึ้นมาอีก รีบปฏิเสธด้วยเสียงแผ่วเบาว่า:“ตอนฉันพูดถึงเขาไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นดีใจสักหน่อย……”
แม้ว่าปากจะปฏิเสธ แต่ในใจกลับคิดว่า เธอแสดงท่าทีชัดเจนมากขนาดนั้นเลยเชียวหรือ ดูท่า……เธอคงจะชอบเขามากกว่าที่ตัวเองคิดไว้เสียแล้ว
หลังจากนั้นเมื่อหลินชิ่นเอ๋อเอ่ยเกี่ยวกับเรื่องของหานชิงอีก เสี่ยวเหยียนนอกจากเขินอายแล้ว ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรอื่น ทั้งยังคิดว่าที่หลินชิ่นเอ๋อจงใจเอ่ยขึ้นมานั้น เพราะตั้งใจอยากเห็นตัวเองเขินอาย
จนกระทั่ง……มีเสียงเคาะประตูห้องผู้ป่วยดังขึ้น
เสี่ยวเหยียนตั้งสติได้ ก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปเปิดประตู เห็นหานชิงผู้มีใบหน้าหล่อเหลายืนอยู่ด้านนอก เพราะเมื่อครู่ตอนที่พูดคุยอยู่กับหลินชิ่นเอ๋อก็เขินอายอยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ดังนั้นใบหน้าก็ยังคงแดงเรื่อขึ้นอีก
“คุณกลับมาแล้วเหรอคะ”
หานชิงชะงักเล็กน้อย มองหญิงสาวที่หน้าแดงเรื่อตรงหน้า ดวงตาคู่ที่เปล่งประกายแสงสว่าง ระยิบระยับแพรวพราวมองมาที่เขา
แม้จะเป็นที่โรงพยาบาล แต่การกระทำแบบนี้ของเธอกลับทำให้หานชิงมีความรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน
เหมือนกับว่า……พวกเขาเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง และเธอก็เป็นภรรยาที่กำลังเฝ้ารอเขากลับมาอยู่ที่บ้าน
หานชิงรู้สึกว่ามีความอบอุ่น ไหลเวียนอยู่ในใจ เขายกมือขึ้นเอาฝ่ามือแนบลงบนศีรษะเล็กๆ ขยี้เบาๆ“อืม”
เสียงเบามาก และก็อ่อนโยนมาก
หลินชิ่นเอ๋อมองภาพนี้ หวนคิดถึงตอนที่ตนเองอยู่กับสามี แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยมองตนเองด้วยสายตาที่อ่อนโยนมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่าทางเหมือนตอนนี้
“ใช่แล้ว หลังจากที่คุณไปสถานีตำรวจมาแล้ว เป็นยังไงบ้างคะ ผู้ชายคนนั้น……”เสี่ยวเหยียนรีบกลบเกลื่อนสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงรีบเอ่ยถามเขา
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แววตาของหานชิงก็ขรึมลงเล็กน้อย“อืม ถูกขังไว้ข้างในเป็นการสั่งสอนชั่วคราว”
ชั่วคราวเหรอ เสี่ยวเหยียนเดาได้ทันทีเลยว่าชั่วคราวนี้จะต้องเป็นระยะเวลาที่สั้นมากเป็นพิเศษ ในเมื่อสามีคู่นี้ทะเลาะกัน ก็ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงใหญ่โตอะไร ตำรวจก็ทำได้แค่ตักเตือนก่อนเท่านั้น
“แล้วเธอจะทำยังไง ทั่วตัวเธอมีแต่บาดแผล……”เสี่ยวเหยียนตั้งใจกดเสียงตนเองที่พูดกับหานชิงให้ต่ำลง“สองวันนี้พวกเราต้องคอยดูแลเธอเหรอ”
เสี่ยวเหยียนเพิ่งจะพูดจบหลินชิ่นเอ๋อก็ถกผ้าห่มบนเตียงคนไข้ลงมาจากเตียง ร้องไห้พลางเอ่ยว่า:“คุณหาน ขอบคุณพวกคุณมากที่ช่วยฉัน แต่ว่า……หลังจากที่เขาออกมาจะต้องฆ่าฉันตายแน่……แน่นอนเลย”
ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเหยียนก็ขมวดคิ้วแน่น สถานการณ์แบบนี้ต่อไปไม่มีทางทนดูโดยไม่ทำอะไรเลยได้
“คุณอย่างกังวลเลย พวกเราจะช่วยคุณเอง”เสี่ยวเหยียนวิ่งไปประคองเธอขึ้นมา หลินชิ่นเอ๋อซบที่หัวไหล่เธอ น้ำตาไหลมองไปทางหานชิง ท่าทางน่าสงสารอย่างมาก
สำหรับคนปกติทั่วไปแล้ว ผู้ชายมักจะชอบผู้หญิงที่อ่อนแอบอบบาง ยิ่งเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งก็ยิ่งชอบปกป้องสาวสวยผู้บอบบาง แม้ว่าใบหน้าเธอจะมีบาดแผล แต่หลินชิ่นเอ๋อก็มีความมั่นใจในรูปลักษณ์หน้าตาของตัวเองมาก ดังนั้นจึงจงใจซบที่ไหล่ของเสี่ยวเหยียนเผยให้หานชิงเห็นใบหน้าที่อ่อนแอบอบบาง
ความจริงหานชิงแทบจะไม่ได้สนใจการกระทำของเธอเลย เพราะสายตาของเขามองแค่เสี่ยวเหยียนอยู่คนเดียว ต่อให้เสี่ยวเหยียนหันหลังให้เขา แต่สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องอยู่ด้านหลังศีรษะเธอ ไม่มองไปที่อื่น
หลินชิ่นเอ๋อร้องไห้ฟูมฟายอยู่นาน พบว่าหานชิงกลับไม่ได้มองตนเองเลย ก็โกรธจนสั่นไปทั้งตัว
เสี่ยวเหยียนที่คอยประคองอยู่นั้นสัมผัสได้ คิดว่าเธอหวาดกลัว จึงตบเบาๆที่หลังเธอ:“เอาละ คุณวางใจเถอะ เรื่องนี้ในเมื่อพวกเรามาเกี่ยวข้องด้วยแล้วก็จะช่วยคุณให้ถึงที่สุด คุณรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลก่อน พวกเราจะช่วยติดต่อครอบครัวของคุณ ดีมั้ยคะ”
แต่ใครจะไปคิดว่าตอนนี้หลินชิ่นเอ๋อกลับพูดอย่างน่าสงสารว่า:“ฉัน……ความจริงแล้วครอบครัวฉันไม่เหลือใครแล้ว พ่อแม่ฉันตายไปตั้งแต่ยังเด็ก ญาติสนิท……พวกเขากลัวจะถูกตามไปชำระแค้น จึงไม่มีใครช่วยฉัน”
ได้ยินอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เดิมเธอคิดจะส่งหล่อนให้ไปหาพ่อแม่อย่างปลอดภัย คิดไม่ถึงว่า……ในครอบครัวเธอไม่เหลือใครที่จะสนใจเธอแล้ว
งั้น……เรื่องนี้จะทำอย่างไร เสี่ยวเหยียนรู้ตัวแล้วว่าตนเองรนหาที่ แต่ว่าหากให้เธอมีโอกาสได้เลือกตัดสินใจใหม่อีกครั้ง ให้เธอมองดูผู้หญิงเหมือนกันกับเธอถูกตบตีอยู่เฉยๆ เธอก็คงทำไม่ได้ มาตอนนี้เสี่ยวเหยียนถึงรู้ตัวว่าตนเองหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวแล้ว
ดังนั้นคิดไปคิดมาสุดท้าย เสี่ยวเหยียนจึงได้แต่ส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือไปยังหานชิง
เห็นสายตาสาวน้อยขอความช่วยเหลือจากตน แววตาหานชิงก็อ่อนโยนลงบ้าง เอ่ยถามเธอว่า“คุณคิดจะทำยังไง”
ความจริงในใจเสี่ยวเหยียนก็ไม่ค่อยแน่ใจหลินชิ่นเอ๋อร้องไห้พลางเอ่ยว่า:“ถ้าอย่างนั้น……พวกคุณอย่ามายุ่งกับฉันเลย ในเมื่อรอจนเขาออกมา ฉันก็ถูกเขาตบตีอยู่ดี พวกคุณอย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย หากทำให้พวกคุณเดือดร้อน ฉันคงรู้สึกผิดมาก”