บทที่ 1213 ไปเก็บข้าวของ
แต่สำหรับเธอแล้วถือเป็นเรื่องดีหลินชิ่นเอ๋อมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองมาก ขอเพียงให้ผู้ชายคนนั้นได้มีโอกาสลิ้มลองสักครั้ง เขาจะรู้ได้โดยทันทีว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีเสน่ห์อะไรเลย
คิดมาถึงตรงนี้ หลินชิ่นเอ๋อก็พูดอีกว่า:“เอาละ รู้แล้วว่าเธอเขิน อย่างนั้นฉันก็จะไม่พูดแล้ว แต่ว่า……”
“ห๊ะ”เสี่ยวเหยียนมองเธออย่างสงสัย ราวกับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากว่าต่อไปเธอจะพูดว่าอะไร
หลินชิ่นเอ๋อสีหน้าไม่สู้ดีนัก“ฉันคิดว่าไม่บอกเธอจะดีกว่า ในเมื่อ……เรื่องนี้ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง”
ประโยคเดียวก็ดึงดูดความสนใจใคร่รู้ของเสี่ยวเหยียนได้ ถ้าหากเธอไม่พูดเสี่ยวเหยียนก็อาจจะไม่อยากรู้ ตอนนี้ถูกเธอทำให้ติดกับแล้ว เสี่ยวเหยียนอยากรู้มาก ว่าเธออยากจะพูดอะไร ทำไมถึงบอกตัวเองไม่ได้
“พี่หลิน คุณบอกมาเถอะ”
“คุณอยากฟังจริงๆเหรอ”หลินชิ่นเอ๋อมองเธออย่างไม่แน่ใจ
เสี่ยวเหยียนส่งเสียงอืม พร้อมกับรีบพยักหน้า
“ก็ได้ ในเมื่อเธออยากฟังจริงๆ อย่างนั้นฉันก็ต้องทนฝืนบอกเธอ ตอนแรกฉันก็ไม่อยากบอก แต่ว่า……คุณช่วยฉัน ออกมาพูดแทนฉันในช่วงเวลาที่อันตรายแบบนั้น และยังพาฉันมาที่นี่ด้วย ดังนั้นบางอย่างภายในใจฉันก็ควรจะบอกเธอ”
ประโยคนี้ทำเอาเสี่ยวเหยียนมีสีหน้ามึนงง ไม่เข้าใจเลยว่าหลินชิ่นเอ๋อแอบเก็บงำซ่อนเร้นอะไรเอาไว้
“พี่หลิน ตกลงว่าคุณจะบอกอะไรกันแน่ อย่ามัวแต่อุบเอาไว้เลยนะ~”
หลินชิ่นเอ๋อกระแอมเบาๆ สีหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก“ความจริงระหว่างชายหญิง……วิธีการอยู่ร่วมกันไม่ควรจะเป็นอย่างพวกคุณนี้ ผู้ชายถ้าเขาชอบคุณ ก็จะมีความคิดแบบนั้นกับคุณ แต่ว่า……พวกคุณเดินทางท่องเที่ยวกันไม่ได้พักห้องเดียวกันก็ถือว่าไม่เป็นไร แต่พวกคุณยัง……”
พูดมาถึงตรงนี้หลินชิ่นเอ๋อก็หยุดอีก แม้เธอจะไม่ได้พูดต่อ แต่เสี่ยวเหยียนก็ฟังความหมายของเธอออกจากน้ำเสียงนั้น
“พี่หลิน……”
“พี่หลินไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ก็แค่คิดว่าคุณเป็นคนดีขนาดนี้ ไม่ควรจะถูกทำให้เสียใจผิดหวัง ดังนั้นจึงบอกความในใจนี้กับคุณ ที่เขาไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับคุณ ไม่ใช่ไม่สนใจในตัวคุณหรือไม่ชอบคุณ แต่อาจจะเป็นเพราะเขาให้เกียรติคุณนะ”
หลินชิ่นเอ๋อรีบพลิกลิ้นอย่างรวดเร็ว ประโยคนั้นอาจจะแทงใจดำของเสี่ยวเหยียนแล้ว
หากเป็นตอนปกติ ความจริงเสี่ยวเหยียนก็แค่คิดไตร่ตรองอย่างละเอียด ก็จะเดาได้ไม่ยากว่าจุดประสงค์ที่ผู้หญิงตรงหน้าพูดนี้คืออะไร แต่เวลานี้เธอกำลังติดอยู่ในวังวนของความรัก
นับตั้งแต่ที่เธอตื่นขึ้นมากพบว่าหานชิงเปิดห้องให้ตนเองอีกห้องแล้ว แม้เสี่ยวเหยียนจะพยายามไม่ให้ตัวเองคิดมาก แต่ก็ยังรู้สึกว่าหานชิงใช่หรือไม่ว่า……ไม่ได้ชอบตัวเองมากอย่างที่ตนเองคิดไว้ แม้ทั้งสองจะเคยโอบกอดกัน จูบกัน แต่ว่า……
“เอาละ คุณอย่าคิดมากเลย เมื่อครู่ที่ฉันพูดฉันก็พูดเพ้อเจ้อไป คุณอย่าเก็บเอามาใส่ใจเลยนะ”
เสี่ยวเหยียนฝืนยิ้ม เอ่ยเบาๆว่า:“วางใจเถอะค่ะพี่หลิน ฉันไม่เก็บเอามาใส่ใจหรอกค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณพักผ่อนก่อนเถอะ”
“อืม”
หลินชิ่นเอ๋อไปนอนแล้ว เสี่ยวเหยียนหยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำเตรียมอาบน้ำ หลังจากปิดประตูแล้ว เธอก็เอาหลังพิงประตูยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ประโยคที่หลินชิ่นเอ๋อเพิ่งจะพูดนั้นยังดังก้องอยู่ในหู
หลายนาทีผ่านไป เสี่ยวเหยียนสะบัดหัวตัวเองอย่างแรง
ไม่ได้!เธอจะมาคิดฟุ้งซ่านในเวลานี้ได้อย่างไร ทั้งสองคนไม่ได้มาอยู่ด้วยกันง่ายๆ เดิมหานชิงก็มีนิสัยเย็นชาเล็กน้อยอยู่แล้ว หลังจากที่อยู่กับเธอก็เปลี่ยนไปมากตอนแรกเขายังเคยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตต่อหน้าเธอ จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ตกใจจนเอามือไปยึดมือของเขาไว้ เขายังบอกว่ารอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก่อนค่อยดู ตอนนี้เขายังไม่ได้นอนห้องเดียวกับเธอ อย่างนั้นก็แสดงว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม!
ใช่!ในเมื่อทั้งสองคนยังอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน เธอก็ไม่ควรจะคิดฟุ้งซ่านอีกแล้ว!
ไม่นาน เสี่ยวเหยียนก็สลัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัวไปได้ จากนั้นก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
หลังจากอาบน้ำเสร็จออกมา ผมของเสี่ยวเหยียนยังเปียกอยู่ เธอเช็ดผมพลางเดินออกมาจากห้องน้ำ ผลก็คือฝีเท้าของเธอชะงักลง
เพราะภายในห้องมีคนเพิ่มมาหนึ่งคน หานชิง
เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะตัวนั้น ขาเรียวยาววางอยู่บนพื้น สีหน้าสุขุมเยือกเย็น หลินชิ่นเอ๋อยกแก้วไวน์แก้วหนึ่งเดินมาข้างๆเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน:“คุณหาน นี่คือไวน์ที่ฉันรินให้คุณค่ะ”
ตอนที่พูดนั้น เธอก็โน้มตัวลงวางแก้วไวน์ไว้บนโต๊ะข้างๆมือของหานชิง ก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวเหยียนคิดผิดไปเองหรือเปล่า ตอนที่หลินชิ่นเอ๋อโน้มตัวลงไปนั้น ดูเหมือนว่าตัวของเธอถูเข้ากับหานชิง
เห็นอยู่ว่าเอวของเธอสัมผัสหานชิงแล้ว เสี่ยวเหยียนเบิกตาโต เตรียมจะอ้าปากพูด ทางหานชิงกลับหลบหลีกการสัมผัสของหลินชิ่นเอ๋ออย่างไร้ร่องรอย
เขาลุกขึ้นยืน มองหลินชิ่นเอ๋อด้วยแววตาสุขุมเยือกเย็น
สายตาหลินชิ่นเอ๋อฉายความตกตะลึง เมื่อครู่เห็นชัดว่าเธอดึงคอเสื้อให้ต่ำลงแล้ว ตอนที่เดินไปข้างๆชายหนุ่มฝีเท้าและเสียงจงใจทำให้เบามากแล้ว เขาก็ยังไม่รู้สึกอะไร ทั้งยังหลบเลี่ยง
ไม่สนใจหรือว่าอะไร
หลินชิ่นเอ๋อยังไม่ตายใจ ด้วยเสน่ห์ รูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเธอ ไม่รู้ว่าดีกว่ายัยผอมแห้งเป็นไม้กระดานนั่นมากเท่าไหร่ ขอแค่เขาเป็นผู้ชายปกติทั่วไป จะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร
ตอนที่หลินชิ่นเอ๋อเตรียมที่จะลองอีกครั้งนั้นเอง หานชิงก็สังเกตว่าเสี่ยวเหยียนออกมาแล้ว เขามองไปที่เธอ รีบหนีจากหลินชิ่นเอ๋อก่อนที่เธอจะเดินมา จากนั้นเดินไปหาเสี่ยวเหยียน
“อาบเสร็จแล้วเหรอ”
เมื่อเผชิญหน้ากับเสี่ยวเหยียน แม้หานชิงจะยังมีสีหน้าเย็นชา แต่ว่าแววตาและน้ำเสียงเห็นชัดว่าอ่อนโยนลงไม่น้อย
เสี่ยวเหยียนไม่รู้จริงๆว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม มองหานชิงเดินมาหาตัวเองอย่างงงๆ
“อืม”นึกถึงคำถามที่หานชิงเพิ่งถามขึ้นได้ เสี่ยวเหยียนก็พยักหน้าด้วยจิตใต้สำนึก จากนั้นก็มองไปที่หลินชิ่นเอ๋อ แล้วมองมาที่หานชิงอีกพร้อมถามว่า:“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
หานชิงยิ้มอ่อนๆ มือใหญ่วางบนศีรษะเธอขยี้เบาๆ“ไปเก็บข้าวของ”
“ห๊ะ”เสี่ยวเหยียนมองหานชิงอย่างสงสัย:“เก็บข้าวของเหรอ”
เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆก็ให้เธอไปเก็บข้าวเก็บของ หากตอนนี้เป็นในการ์ตูน บนหัวของเสี่ยวเหยียนต้องมีเครื่องหมายคำถามอยู่มากมายแล้ว
“เชื่อฟังผม ได้มั้ย”หานชิงไม่ได้อธิบายอะไรกับเธอ ได้แต่ให้เธอเก็บของ เสี่ยวเหยียนแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็เชื่อฟังคำพูดของหานชิง ดังนั้นจึงรีบห่อผมที่เปียกเอาไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไปเก็บข้าวของของตนเอง
ความจริงแล้วของเธอไม่ได้เยอะแยะอะไร ดังนั้นจึงเก็บอย่างรวดเร็ว รอจนเก็บเสร็จเดินมาตรงหน้าหานชิง หานชิงก็รับกระเป๋าเดินทางในมือเธอมา
“ทำไมเหรอ”เสี่ยวเหยียนเอ่ยถามอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ
หลินชิ่นเอ๋อที่อยู่ข้างๆเห็นชัดว่าไม่ได้การแล้ว แม้บนใบหน้าจะยังมีรอยยิ้มแต่รู้สึกแย่ไปทั้งตัว เธอรีบเดินมาข้างหน้าจ้องกระเป๋าเดินทางในมือหานชิง“ทำไมเหรอคะ เป็นเพราะฉันอยู่ที่นี่สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้พวกคุณใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นฉันก็จะไปเอง”
พูดจบ หลินชิ่นเอ๋อหมุนตัวเตรียมจะเดินไป
หานชิงสีหน้าเยือกเย็นไม่พูดอะไร เสี่ยวเหยียนรู้สึกไม่ดี จึงเรียกเธอเอาไว้:“พี่หลิน คุณรอก่อนนะคะ”