บทที่ 1214 ชนเข้าที่หน้าแล้ว
ถูกเสี่ยวเหยียนเรียกเช่นนั้น หลินชิ่นเอ๋อได้แต่ยืนนิ่ง ขอบตาแดงก่ำ ร้องไห้พลางพูดว่า:“ขอโทษจริงๆ หากรู้แต่แรกว่าจะสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้พวกคุณขนาดนี้ ฉันก็ควรจะอยู่ในโรงพยาบาล แต่ว่า……กลางคืนฉันอยู่คนเดียวในโรงพยาบาลก็รู้สึกกลัวมาก ฮือๆๆๆ……”
พูดไปพูดมา หลินชิ่นเอ๋อก็ร้องไห้อย่างเสียใจ
เสี่ยวเหยียนขมวดคิ้ว ไปดึงมือข้างหนึ่งของหานชิงเอาไว้ขยับปากถามเขาว่าทำไมโดยไม่ออกเสียง
หานชิงมองสาวน้อยตรงหน้า บนศีรษะยังห่อด้วยหมวกคลุมผมอาบน้ำ ใบหน้าเล็กๆขาวผ่องไร้เครื่องสำอาง แววตาไร้เดียงสาและสดใส ช่างเหมือนกับเด็กซื่อบื้อที่ไม่ประสีประสาต่อโลกใบนี้เลย
ไม่รู้จะทำอย่างไร หานชิงได้แต่จูงมือของเธอ“ห้องนี้มีแค่เตียงเดียว คุณย้ายไปนอนห้องข้างๆกับผมดีกว่า”
ได้ยินอย่างนั้น เสี่ยวเหยียนก็อึ้งอยู่กับที่ รู้สึกเหมือนตัวเองถูกทุบ ไม่เช่นนั้นทำไมหัวของเธอถึงได้มีดาวขึ้นมากมายขนาดนี้
แต่ว่า……จู่ๆทำไมหานชิงถึงให้เธอย้ายไปพักอยู่ห้องเดียวกับเขา หรือว่าหานชิงได้ยินสิ่งที่พวกเธอพูดคุยกันเมื่อครู่นี้ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ อย่างนั้นเพราะอะไร
น่าเสียดายเสี่ยวเหยียนคิดจนหัวจะระเบิดก็ยังคิดเหตุผลไม่ออก
หานชิงกลับมองไปยังหลินชิ่นเอ๋อ น้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน
“คุณหลินโปรดวางใจ ในเมื่อพวกเรายื่นมือเข้าไปช่วยจัดการเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ช่วงสองสามวันนี้คุณก็พักอยู่ที่นี่ให้สบายใจเถอะ ต้องการอะไรก็โทรไปที่รูมเซอร์วิสได้เลยครับ”
พูดจบ หานชิงมือข้างหนึ่งคว้ากระเป๋าเดินทาง มืออีกข้างกุมมือของสาวน้อยเดินออกจากห้องไป
ปัง!
ตอนที่ประตูห้องปิดลงหลินชิ่นเอ๋อที่ยืนอยู่ที่เดิมโกรธจนกำหมัดแน่น หน้าดำหน้าแดง !
ไอ้ผู้ชายบ้า!กล้าไม่ไว้หน้าเธอขนาดนี้!และยังพาเสี่ยวเหยียนไปด้วยอีก ราวกับว่าเธอเป็นปิศาจที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น!
หลินชิ่นเอ๋อโกรธจนมือไม้สั่น อยากทุบทำลายของในห้อง แต่คิดแล้วก็ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้ ไม่ได้ เธอต้องใจเย็นลง ผู้ชายเย่อหยิ่งทะเยอทะยานอย่างนั้น ไม่ได้จะยั่วให้ติดกับได้ง่ายๆ คิดจะจับเขาให้ได้คงต้องออกแรงหน่อย เธอต้องใจเย็นลงเพื่อคิดหาวิธี
เธอไม่อาจกลับไปอยู่กับผู้ชายที่น่ากลัวคนนั้นอีก ไม่เช่นนั้นสิ่งที่รอคอยเธออยู่ก็คือความโหดร้ายที่ไม่มีวันสิ้นสุด และครั้งนี้หานชิงก็คือเป้าหมายของเธอ
สำหรับจางเสี่ยวเหยียน เชอะ ก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่งที่คำพูดไม่กี่คำก็ทำให้เธอฟุ้งซ่านไม่มีสติ มีสิทธิ์อะไรมายื้อแย่งกับเธอ
คิดมาถึงตรงนี้ ริมฝีปากของหลินชิ่นเอ๋อก็เกิดรอยยิ้มเยาะ
อีกด้าน
เสี่ยวเหยียนถูกหานชิงจูงมืออย่างงุนงง ไม่นานก็มาถึงห้องข้างๆ ตอนที่เข้าไปในห้องหานชิงยังหยิบรองเท้าให้เธอเปลี่ยนเป็นพิเศษ จากนั้นก็โยนกระเป๋าเดินทางเข้าไป
เสี่ยวเหยียนก้มหน้ามองรองเท้าแตะที่อยู่บนเท้า เป็นรองเท้าคู่ที่ไม่พอดีกับเท้าอีกแล้ว……
แต่เธอก็ยังเร่งฝีเท้าตามมาด้านหลังของหานชิง มองเห็นเขาเอากระเป๋าเดินทางของตัวเองเก็บเรียบร้อย ก็อดไม่ได้ที่จะดึงชายเสื้อของเขา
หานชิงเพิ่งจะวางกระเป๋าเดินทางเก็บเรียบร้อย หันไปก็เห็นสาวน้อยที่ยืนอยู่ด้านหลังตน มือหนึ่งดึงชายเสื้อตนเองเอาไว้ เงยหน้ามองเขาตาปริบๆ ภายในดวงตาสว่างสดใสเต็มไปด้วยความสงสัย
เขายกมือขึ้นมาเขกที่หัวเธอ:“ทำไมเหรอ”
เสี่ยวเหยียนเม้มปาก กระพริบตา:“คุณก็รู้อยู่แล้วนี่”
“ผมยังเปียกอยู่เลย ไม่คิดจะเป่าให้แห้งเหรอ”
เห็นชัดว่าเสี่ยวเหยียนไม่ได้สนใจคำถามนี้ ตอนนี้เธอสนใจอีกเรื่องมากกว่า ดังนั้นเธอจึงยืนนิ่งไม่ขยับ ใครจะไปรู้ว่าวินาทีต่อมาหานชิงจะรวบข้อมือของเธอเอาไว้“ไปเป่าผมก่อน อย่าปล่อยให้ไม่สบาย”
ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงถูกหานชิงลากไปเป่าผม เดิมเธอคิดจะเป่าผมเอง คิดไม่ถึงว่าหานชิงจะเป่าผมให้เธอด้วยตัวของเขาเอง
เสี่ยวเหยียนจึงนั่งนิ่งๆบนเก้าอี้ปล่อยให้หานชิงเป่าผมให้เธอ ท่าทีประหม่าเล็กน้อย ดังนั้นขาสองข้างของเสี่ยวเหยียนแนบติดกันมือเล็กๆก็วางอยู่บนขาตัวเองอย่างเก้ๆกังๆ
“ตกลงว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน ทำไมฉันรู้สึกว่า……คุณดูไม่ค่อยชอบหลินชิ่นเอ๋อคนนั้นเลย”
อดทนอยู่นาน เสี่ยวเหยียนจึงเอ่ยถามคำถามนี้ออกมาอย่างลังเล
คนที่อยู่ด้านหลังไม่ได้ปฏิกิริยาตอบโต้อะไรเป็นพิเศษ ได้แต่เอ่ยเรียบๆว่า:“ในเมื่อเป็นคนแปลกหน้า คุณพักอยู่กับเธอ ไม่ปลอดภัย”
พูดเช่นนี้ก็ฟังดูมีเหตุผล แต่ว่าเสี่ยวเหยียนกลับรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
“แค่เท่านี้เหรอ”เธอถามพลางกระพริบตาปริบๆ
เสียงไดร์เป่าผมหยุดลง หานชิงจัดผมเธอให้เรียบร้อย พูดด้วยเสียงต่ำว่า:“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น คุณคิดว่าเป็นแบบไหน”
“เอ่อ……”
เสี่ยวเหยียนยังไม่ทันได้ตั้งตัว หานชิงก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ เอาคางมาเชยบนบ่าเธอ ลมหายใจร้อนผ่าวรดบนคอของเธอ“ก็คิดซะว่าผมอยากพาคุณมา อย่างนี้ได้มั้ย”
“……”
ตอนนี้เวลานี้เสี่ยวเหยียนใกล้จะเป็นลมแล้ว
เพราะหานชิงมาพูดประโยคนี้ข้างๆหูเธอ และเขาจงใจกดเสียงให้ต่ำลง ดังนั้นจึงแหบพร่าเป็นพิเศษ ก็เหมือนกับเหล้าขาวอย่างแรงอึกหนึ่ง ที่ไหลผ่านลำคอ
ขนตาของเสี่ยวเหยียนกระพริบเบาๆ ร่างของเธอภายใต้การควบคุมของหานชิงล้มมาด้านหลัง พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของหานชิง ภาพตรงหน้ามืดมิดอย่างรวดเร็ว จูบที่มีกลิ่นอายเข้มข้นเฉพาะตัวของหานชิงก็ประกบลงมา
มืดฟ้ามัวดินล้วนตกเป็นของลมหายใจหานชิง
เพราะด้วยปัญหาเรื่องของท่าทาง ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงถูกจับแหงนหน้า หนุนอยู่บนตักของหานชิง ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหานชิงโน้มตัวลงมาจูบเธอ
ขนตาเธอกระพริบปริบๆ เวลานี้เองอยากจะตะโกนออกมาประโยคหนึ่งว่าช่วงเอวแรงดีจริงๆ
ทันใดนั้นก็เจ็บบนริมฝีปาก เสี่ยวเหยียนดึงสติกลับมาได้
หานชิงใช้นิ้วดีดเบาๆบนหน้าผากเธอ นัยน์ตาฉ่ำวาวของเขามีความจำใจ “ตอนนี้ยังเหม่อลอยคิดถึงเรื่องอื่นได้อีกเหรอ”
“เอ่อ……”เสี่ยวเหยียนทำปากจู๋ บ่นว่า:“ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะใจลอยนะ”
ใครใช้ให้เอวคุณมีแรงดึงดูดมากมายขนาดนี้เล่า
“ไม่ได้ตั้งใจ”หานชิงได้ยินก็ค่อยๆหรี่ตามอง บีบคางเธอเบาๆเข้าประชิดตัวเธอ:“อย่างนั้นความหมายของคุณก็คือ……ผมยังพยายามไม่มากพอสินะ จึงทำให้คุณคิดไปถึงเรื่องอื่นได้”
ได้ยินอย่างนั้น เสี่ยวเหยียนเบิกตาโต“ไม่ใช่สักหน่อย!ฉันไม่ได้คิดแบบนี้!”
พูดจบ เธอก็ทำเหมือนต้องการจะพิสูจน์ตัวเอง ออกจากอ้อมกอดเขาแล้วรีบลุกขึ้นยืนพรวดพราด เพราะออกแรงเยอะเกิน จึงกระแทกเข้ากับคางของหานชิง เธอตกใจมากกลับลงไปนั่งอีกครั้ง แต่ว่าตั้งหลักไม่ได้ที่จึงล้มลงไปข้างๆ หานชิงคว้ามือเธอดึงกลับมา จากนั้นทั้งสองคนก็หงายหลังล้มลงบนเตียงใหญ่
ปึงๆ!
หลังของหานชิงกระแทกเข้ากับเตียงอันอ่อนนุ่ม แต่เสี่ยวเหยียนล้มลงกระแทกเข้ากับหน้าอกแข็งปักของหานชิง เมื่อเทียบกันแล้ว เสี่ยวเหยียนกลับถูกกระแทกเจ็บกว่า
เพราะกระแทกจนเจ็บ ตอนที่เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมานั้นใบหน้าบอกบุญไม่รับ บรรยากาศดีจึงถูกเธอทำลายไปหมดสิ้นแล้ว
“เจ็บมาก……”เสี่ยวเหยียนมองหานชิงพลางเอ่ยอย่างน้อยใจ
หานชิง:“……”
ยัยบ๊องนี่
อยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น รอบๆก็มีแค่เพียงพวกเขาสองคน บรรยากาศดีๆเป็นใจอย่างนี้ เธอกลับบอกตนว่าโดนกระแทกจนเจ็บ หานชิงยังจะทำอะไรได้อีก ได้แต่ยื่นมือลูบศีรษะของเธอเบาๆ เอ่ยถามเบาๆว่า:“โดนกระแทกตรงไหน”
ไม่ถามก็ยังดี พอถามเสี่ยวเหยียนก็หน้าแดง ใบหน้าเธอชนเข้ากับเขา ยังจะไปชนกับอะไรได้อีก สุดท้ายหน้าก็แดงก่ำพูดได้แค่ประโยคเดียวว่า:“กระแทกเข้าที่หน้าเลย!”