บทที่ 1217 ยืนยันการคาดเดา
“ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ถ้าง่วงก็นอนต่ออีกนิด”
แน่นอนว่าเสี่ยวเหยียนง่วงมาก เธอง่วงจนแทบไม่มีกะจิตกะใจจะไปคิดเรื่องอื่นได้ ดังนั้นหลังจากได้ยินที่เขาพูดก็พยักหน้า จากนั้นก็นอนลงไปต่อ ก่อนจะล้มตัวนอนปากก็ยังบ่นพึมพำ
“น่าแปลก……ได้ยินเสียงคนเคาะประตูชัดๆ หรือว่าฉันกำลังฝันอยู่”
หานชิง:“……”
เขาหันกลับไปมองหญิงสาวแวบหนึ่ง ผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็เงียบเสียงลงแล้ว
ก่อนหน้านี้ยังได้ยินเสียงบ่นพึมพำ วินาทีต่อมากลับนอนหลับหายใจสม่ำเสมอ
ผู้หญิงคนนี้นี่จริงๆเลย……
หานชิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ยื่นมือมาดึงผ้าห่มให้เธอ ท่าทางในตอนนี้ไม่เหมือนกับท่าทางเย็นชาโหดร้ายที่เผชิญหน้ากับหลินชิ่นเอ๋อเมื่อครู่นี้เลย
หานชิงรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรั้น หัวดื้อ คิดไม่ถึงว่าเธอจะไร้เดียงสาขนาดนี้ ผู้หญิงคนนั้น ……
เพราะเมื่อวานเกือบเที่ยงคืนเพิ่งจะได้นอนหลับ ดังนั้นเมื่อเสี่ยวเหยียนหลับตาก็หลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นพอนอนก็หลับไปถึงใกล้เที่ยง ในระหว่างนั้นพนักงานของบริษัททัวร์ก็มาเคาะประตูห้อง หานชิงแจ้งว่าขอเลื่อนไปก่อนจากนั้นพวกเขาก็จากไป
รอจนเสี่ยวเหยียนนอนเต็มอิ่ม ตอนที่เธอลุกขึ้นมานั่ง จู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอนอนเตียงเดียวกับหานชิงแล้ว
ตอนนี้ในห้องเงียบกริบ มีเพียงเธอคนเดียว
เสี่ยวเหยียนยื่นมือมาขยี้ตา คลำโทรศัพท์มือถือของตนด้วยความพร่ามัวเล็กน้อย
หรือว่าหานชิงจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน อาศัยจังหวะตอนที่เธอหลับอยู่ แอบไปเปิดห้องใหม่อีกห้องหนึ่ง
ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูว่าหานชิงส่งข้อความมาให้เธอหรือเปล่า ผลก็คือไม่มีข้อความอะไรในวีแชทเลย ข้อความสักข้อความก็ไม่มี
คนไม่อยู่ แล้วก็ไม่ได้ทิ้งข้อความเอาไว้ ไปไหนกันนะ
ทันใดนั้นก็นึกอะไรได้ เสี่ยวเหยียนรีบพลิกตัวอย่างรวดเร็ว ลงจากเตียง แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังเปลี่ยนไม่ทัน รีบวิ่งไปที่ห้องข้างๆ
เธอเคาะประตูอย่างร้อนใจ ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู ตอนที่หลินชิ่นเอ๋อเปิดประตูเห็นเสี่ยวเหยียนนั้น ก็มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย:“น้องสาว คุณตื่นแล้วเหรอ”
เสี่ยวเหยียน:“……”
เธอหอบหายใจมองหล่อนโดยไม่พูดอะไร
หลินชิ่นเอ๋อยิ้มหวาน:“ทำไมรีบร้อนขนาดนี้ล่ะ”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนก็ชะงักเล็กน้อย ใช้แล้ว ทำไมเธอต้องรีบร้อนขนาดนี้ เห็นชัดว่ายังไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย แต่ว่าหานชิงไม่ได้อยู่ในห้อง และก็ไม่ได้ทิ้งข้อความไว้ ในหัวของเสี่ยวเหยียนไม่รู้ทำไมก็มีภาพเมื่อคืนนั้นผุดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เธอเองก็ไม่รู้ว่าหลินชิ่นเอ๋อนั้นจงใจหรือเปล่า น่าจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เธอก็นึกขึ้นมาได้อย่างประหลาด
เสี่ยวเหยียนคิดว่า ตัวเองช่างขี้หึงเสียจริงๆเลย
ดังนั้นเธอจึงส่ายหน้า หอบหายใจพลางเอ่ยว่า :“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันเพิ่งตื่นนอน จากนั้นก็นึกถึงพี่หลิน พี่หลินทานอาหารเช้าหรือยังคะ”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็ก้าวขาเดินไปด้านใน หลินชิ่นเอ๋อเห็นท่าทางของเธอเช่นนี้กลับแกล้งทำเป็นขวางเธอเอาไว้
“พี่หลิน” เสี่ยวเหยียนเงยหน้ามองเธออย่างสงสัย
หลินชิ่นเอ๋อริมฝีปากสีแดง มองเธอด้วยสีหน้าสดใส:“คุณไม่ใช่เพิ่งตื่นเหรอ รีบกลับไปล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ อีกเดี๋ยวพวกคุณจะออกไปเที่ยวกันไม่ใช่เหรอ”
เสี่ยวเหยียนยิ่งเพิ่มความสงสัย“คุณรู้ได้ยังไง……”
หลินชิ่นเอ๋อยิ้มอย่างเขินอาย บนใบหน้าเหมือนมีความรู้สึกกระดากอายปรากฏให้เห็น“คุณหานบอกฉัน”
“……”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาชนที่ศีรษะตนเองอย่างแรง เธอมองไปด้านหลังของหลินชิ่นเอ๋อ หลินชิ่นเอ๋อก็ขยับไปด้านข้างเล็กน้อย จากนั้นก็บดบังสายตาของเธอจนหมด กดไหล่ของเธอแล้วดันเธอออกไป
“เอาละ คุณกำลังคิดอะไรอยู่ รีบกลับล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเถอะ”
พูดจบ ไม่รอให้เธอได้ตั้งตัว หลินชิ่นเอ๋อก็ปิดประตูลงแล้ว
หลังจากปิดประตู หลินชิ่นเอ๋อก็ยิ้มเยาะพิงอยู่ด้านหลังประตู ช่างโง่จริงๆ ตนเองรนหาที่เองก็พอทน กลับถูกเธอท่าทางเล็กๆน้อยๆกับคำพูดไม่กี่คำของเธอหลอกเอาได้อีก
เชอะ เด็กน้อยไร้เดียงสาที่ไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้ ตกลงว่ามีอะไรดีกัน อาจจะเป็นเพราะแรกๆผู้ชายอาจจะชอบแบบนี้ พอนานไปก็ค่อยๆเริ่มรู้สึกเบื่อ รอให้หานชิงตาสว่างเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอก่อน ย่อมต้องทิ้งเธอเหมือนของที่ไร้ค่า
แต่ช่วงก่อนหน้านี้ เธอยังต้องสร้างความเข้าใจผิดให้มากขึ้นเรื่อยๆ
คิดมาถึงตรงนี้ รอยยิ้มของหลินชิ่นเอ๋อก็ขยายกว้างขึ้นเล็กน้อย สะใจอย่างที่สุด ลืมไปหมดสิ้นว่าตอนที่เธอถูกสามีตบตีนั้นใครเป็นคนช่วยเธอ แล้วใครเป็นคนพาเธอไปส่งโรงพยาบาล
เธอเนรคุณคนด้วยความเคยชินมาตลอด ดังนั้นจึงไม่เคยคิดเลยว่าที่ตัวเองทำแบบนี้นั้นมีปัญหาอะไร ตรรกะพังพินาศอย่างที่สุด
ส่วนเสี่ยวเหยียนที่ถูกปิดประตูใส่อยู่ที่ด้านนอกนั้นตื่นตะลึง
ตอนแรกนั้นเธอไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าหลินชิ่นเอ๋อทำท่ามีลับลมคมในก็ยิ่งทำให้เกิดความสงสัย ไม่รู้ว่าเธอนั้นคิดผิดไปเองหรือเปล่าที่มักจะรู้สึกว่าท่าทางที่หลินชิ่นเอ๋อแสดงออกมานั้น เหมือนกับหานชิงอยู่ในห้องของเธออย่างนั้น แล้วเธอยังพูดอีกว่า……หานชิงบอกกับเธอว่าจะออกไปกับตน
นี่เป็นความจริงหรือ
เธอไม่กล้าคิดมาก ไม่กล้าฟันธงอะไร เพราะเธอไม่อยากโทษคนผิด
ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงต้องรออยู่ก่อนเพื่อพิสูจน์เรื่องบางอย่าง
เธอไม่ได้จากไปไหน แต่กอดโทรศัพท์มือถือแล้วนั่งยองๆลงมาข้างๆประตู จากนั้นก็ส่งข้อความให้หานชิง
“ฉันตื่นแล้ว คุณไปไหน”
หลังจากพิมพ์ข้อความเสร็จส่งออกไปแล้ว เสี่ยวเหยียนก็เฝ้ารอด้วยความอดทน
หนึ่งนาที สองนาที สามนาที……
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ความจริงแล้วครึ่งชั่วโมงก็ไม่ได้ถือยาวนานจริงๆ แต่สำหรับเสี่ยวเหยียนที่กำลังเฝ้ารออยู่นั้น ครึ่งชั่วโมงนี้เหมือนกับผ่านไปนานสิบปี
แต่เสี่ยวเหยียนไปรีบร้อน ยังคงนั่งยองๆรออย่างเงียบๆตรงนั้น
เธอไม่ได้รับข้อความ และก็ยังไม่เห็นหานชิงปรากฏตัว นั่งยองอยู่นาน ขาก็เริ่มเป็นเหน็บ ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงเตรียมจะขยับเปลี่ยนท่า
ในขณะนั้นเอง ที่ระเบียงทางเดินก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆสม่ำเสมอดังมา
ได้ยินเสียงฝีเท้า เสี่ยวเหยียนก็รีบเดินไปทางต้นเสียง พอหันไปมอง เธอก็เห็นคนที่เธอกำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ
ในมือหานชิงถือถุงอยู่ ตอนที่เขาเดินมาเห็นเงาคนนั่งยองนั้น ก็รู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง หลังจากเดินเข้าไปใกล้ๆจึงเห็นชัดเจน
เมื่อเห็นหานชิง เสี่ยวเหยียนดวงตาเปล่งประกาย ไม่สนว่าขาจะเป็นเหน็บชาหรือไม่ วิ่งตรงไปที่ด้านหน้าหานชิงทันที
“คุณ คุณไปไหนมา”
ถามพลาง เสี่ยวเหยียนก็มองไปทางด้านหลังของหานชิงพลาง“คุณกลับมาทางไหน”
ท่าทางของหญิงสาวกระวนกระวายมาก และคำถามที่ถามก็แปลกมากด้วย หานชิงมองไปยังตำแหน่งที่เธอนั่งยองๆอยู่เมื่อครู่ บวกกับคำถามที่เธอถามเมื่อครู่ ไม่นานก็จับต้นชนปลายได้
“ไปซื้อของข้างล่างมา ตอนกลับมาก็ขึ้นลิฟต์มาทำไมเหรอ หรือว่าผมจะต้องเดินขึ้นบันได”
น้ำเสียงเขาแฝงด้วยการประชดเสียดสี ริมฝีปากมีรอยยิ้มบางๆ
เสี่ยวเหยียนส่ายหน้าอย่างเขินๆเล็กน้อย:“เปล่า ฉันก็แค่……เป็นห่วงคุณนิดหน่อยเท่านั้น ฉันส่งข้อความหาคุณก็ไม่ตอบฉัน”
ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ!
เธอนั่งยองๆอยู่ข้างนอกนี่ครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ว่าตอนนี้เสี่ยวเหยียนไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยสักนิด กลับดีใจมากด้วยซ้ำ!
เพราะได้ยืนยันสิ่งที่ตนเองคาดคิดไว้!