บทที่1218 ไม่ต้องให้ผมอยู่ด้วยเหรอ
“ห๊ะ ข้อความเหรอ”
หานชิงเม้มปาก ยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือออกมา กดลงไปก็พบว่า:“แบตหมดแล้ว”
โทรศัพท์มือถือในมือของเขานั้นปิดอยู่จริงๆ เสี่ยวเหยียนหยิบมา“อย่างนั้นฉันช่วยคุณเอาไปชาร์จ คุณนี่ก็ช่าง ออกไปข้างนอกก็ไม่ยอมชาร์จแบตให้เรียบร้อย ความเคยชินแบบนี้ไม่ดีเลย แล้วคุณพกแบตสำรองมาหรือเปล่า ถ้าไม่มี ฉันเอามาสองอัน เดี๋ยวฉันแบ่งให้คุณอันหนึ่ง!”
ความจริงของพวกนี้หานชิงมีหมดแล้ว คนมีระเบียบวินัยอย่างเขา กลางคืนก็จะต้องชาร์จแบต เพื่อให้พอใช้หนึ่งวัน แต่ว่า……เมื่อวานหญิงสาวคนนี้อยู่ในห้องเดียวกับเขา ทำให้หานชิง……ลืมเรื่องนี้ไปเลย
เมื่ออยู่ตรงหน้าเธอ สิ่งที่ทำให้ภูมิใจเหล่านี้ก็ค่อยๆควบคุมไม่ได้ทีละเรื่องๆ
ช่างแย่เสียจริงๆ
หานชิงยื่นมือมาบีบแก้มขาวอมชมพูของหญิงสาว“ได้สิ อย่างนั้นต่อไปโทรศัพท์มือถือยกให้คุณจัดการเลยนะ”
“อืม!”เสี่ยวเหยียนไม่ถือสาเลยสักนิด รับโทรศัพท์มือถือใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงตัวเอง จากนั้นก็คิดจะเผ่นกลับห้อง ตอนที่เดินผ่านเขา คอเสื้อก็ถูกเขายึดเอาไว้
“ในเมื่อปัญหาเรื่องโทรศัพท์ก็จัดการแล้ว อย่างนั้นพวกเราก็ควรจะมาถกอีกปัญหาหนึ่ง”
เสี่ยวเหยียนที่ถูกดึงคอเสื้อเอาไว้:“อีกปัญหาเหรอ”
ปัญหาอะไรอีก
เสี่ยวเหยียนถลึงตาโต“คุณมีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ”
หานชิงมองเธอพลางอมยิ้ม
“เมื่อกี้คุณนั่งยองอยู่ที่ไหน”
เสี่ยวเหยียน:“……”
พอถามคำถามนี้ออกมา เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรผิดปกติ เธอหลบเลี่ยงสายตาของหานชิงอย่างรู้สึกผิด กระแอมเบาๆหนึ่งครั้ง:“ก็ นั่งยองๆไปอย่างนั้นเอง……”
“นั่งยองไปอย่างนั้นเอง”
“ใช่!”เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างแรง“ฉันเห็นคุณไม่อยู่ ก็เลยออกมารอคุณ ข้างๆนี่ก็ไม่มีอะไร ฉันก็เลยหาที่นั่งยองๆ ดูงี่เง่าใช่มั้ย ฮ่าๆๆๆ อย่างนั้นคราวหน้าฉันจะไม่นั่งยองๆแบบนี้อีกแล้ว~”
เสี่ยวเหยียนทำเป็นหัวเราะ เพื่อจะกลบเกลื่อนเรื่องนี้ไป
หานชิงก็ไม่ได้เลอะเลือน ตอนที่เสี่ยวเหยียนหัวเราะกลบเกลื่อน สายตาของหานชิงอมยิ้มจ้องมองเธออยู่ มองจนเธอรู้สึกประหม่า รอยยิ้มของเธออ่อนลง กัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างเขินๆ
นี่คือสงครามทางจิตวิทยา เสี่ยวเหยียนเดิมนั้นคิดจะแกล้งโง่ต่อไปให้ถึงที่สุด แต่ตอนนี้ถูกหานชิงใช้สายตาแบบนี้จ้องมองอยู่ เธอรู้สึกว่าภายในใจของตนเองนั้นก็ไม่มีความมั่นใจเหลืออยู่แล้ว ได้แต่มองเขาอย่างน่าสงสาร
“เอาละ ฉันยอมรับว่าฉันตั้งใจนั่งยองอยู่ที่นั่น พอใจหรือยัง”ในที่สุดเธอก็ยอมรับ จากนั้นก็ก้มหน้า พลางอธิบายว่า:“ตอนฉันตื่นมาไม่เจอคุณ คุณก็ไม่ได้ทิ้งข้อความไว้ให้ฉัน ฉันก็เลยอยากจะไปดูว่าคุณอยู่ห้องข้างๆหรือเปล่า จากนั้น……”
เล่ามาถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็ชะงักเล็กน้อย ราวกับลังเล ตอนนี้เธอนึกย้อนกลับไปก็รู้สึกว่าหลินชิ่นเอ๋อมีอะไรบางอย่างผิดปกติ
เห็นชัดว่าหานชิงกลับมาจากข้างนอก ทำไมหลินชิ่นเอ๋อกลับทำท่าราวกับว่าในห้องมีคนอื่นอยู่อีก หรือว่าเธอจงใจให้ตัวเองเข้าใจผิด หรือว่า……
ไม่กล้าคิดให้ลึกลงไปกว่านี้ จู่ๆเสี่ยวเหยียนก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังหานชิง:“ฉันอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง คุณกลับไปรอฉันในห้องก่อนได้มั้ย”
เวลานี้หญิงสาวดวงตาสดใส ราวกับได้ตัดสินใจและวางแผนอะไรแล้ว หานชิงเห็นท่าทางอย่างนี้ของเธอ ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ได้แต่ถามว่า:“ไม่ต้องการให้ผมอยู่ด้วยเหรอ”
ไดยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนส่ายหน้า:“ไม่ต้อง เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉันสามารถจัดการเองได้”
“ได้ อย่างนั้นผมกลับไปรอคุณนะ”
เรื่องที่สาวน้อยของเขาจะทำ เขาเห็นด้วย เขาก็ย่อมเชื่อว่าเธอสามารถจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยตนเองได้ แม้ว่าสาวน้อยของเขาจะบริสุทธิ์ไร้เดียงสามาก แต่ก็ไม่ได้โง่ บางเรื่องก็ต้องให้เธอไปสำรวจด้วยตัวเอง
ไม่นานหานชิงก็จากไป รอจนเขากลับไปแล้ว เสี่ยวเหยียนก็สูดหายเข้าลึกๆ ตอนที่ปัดผมไปไว้ที่หลังใบหูเธอจึงจำได้ว่าตนเองในแบบนี้ถึงจะเป็นตัวของตัวเอง……
หรือว่าเธอ จะกลับไปจัดการก่อนแล้วค่อยมา
ช่างเถอะ กลับไปกระต่ายก็อาจจะหนีไปแล้ว เธอจะไปตอนนี้เลย!
คิดมาถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็หมุนตัวกลับไปเคาะประตูอีก
หลินชิ่นเอ๋อมาเปิดประตูเห็นเสี่ยวเหยียนยังคงแต่งตัวแบบเดิม ก็แปลกใจเล็กน้อย:“น้องเสี่ยวเหยียน ฉันไม่ได้บอกให้คุณกลับไปล้างหน้าล้างตาเหรอ ทำไมตอนนี้คุณก็ยังอยู่ในสภาพนี้อีกล่ะ แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยน……”
พูดจบ หลินชิ่นเอ๋อก็ทำท่าทีตื่นตกใจ:“ไม่ใช่ว่าคุณไม่ได้กลับไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องหรอกนะ”
เสี่ยวเหยียนกลับจ้องไปที่ด้านหลังของเธอหลินชิ่นเอ๋อเห็นท่าทีของเธอตื่นตระหนก ผู้หญิงคนนี้ตอนนี้ยังอยู่ในสภาพนี้ หรือว่าเธอคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด ตอนนี้ยังระแวงจึงมาเคาะประตูอีก
หรือว่า เธอคิดจะเข้าไปค้นหาดูสักครั้ง
ไม่ได้ จะให้เธอเข้าไปไม่ได้ เธออุตส่าห์สร้างภาพแกล้งหลอกตามน้ำไปถ้าหากถูกจับได้ ครั้งหน้าอาจจะไม่มีโอกาสที่ดีแบบนี้อีกแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ หลินชิ่นเอ๋อจงใจเดินออกมา“คุณไปไหนมา ทำไมไม่กลับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า จะให้ฉันกลับไปเป็นเพื่อนเธอมั้ย”
มองหลินชิ่นเอ๋อที่เข้ามาควงแขนเธออย่างสนิทสนม เสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้ปฏิเสธ เอ่ยอย่างสนิทสนม:“ฉันไม่ใช่ว่าไม่ได้กลับไปล้างหน้าแปรงฟันหรอกนะคะพี่หลิน แต่ตอนที่ฉันกลับไปเมื่อกี้นี้ฉันก็พบว่าเมื่อวานฉันลืมเอาแปรงสีฟันไป แล้วยังโฟมล้างหน้าด้วย คาดว่าเมื่อวานคงจะลืมเอาไปด้วย ดังนั้นฉันก็เลยมาเอา”
ได้ยินอย่างนั้น หลินชิ่นเอ๋อเกร็งไปทั้งตัว คิดไม่ถึงว่าจู่ๆเธอจะมาไม้นี้
“แปรงสีฟันเหรอ โฟมล้างหน้าเหรอ”
“ใช่ค่ะ”เสี่ยวเหยียนพยักหน้า:“ไม่มีแปรงสีฟันฉันจะแปรงฟันได้ยังไง และฉันเป็นคนที่ผิวค่อนข้างมัน ฉันต้องใช้โฟมล้างหน้าถึงล้างได้สะอาด พี่หลิน ไปค่ะ คุณเข้าไปดูเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนเกาะแขนเธอเตรียมจะก้าวเข้าไปข้างใน
วินาทีนี้เองหลินชิ่นเอ๋อถึงจะรู้สึกตัวได้ว่าเธอต้องการจะทำอะไร รีบมาขวางเอาไว้:“รอเดี๋ยวก่อน”
เสี่ยวเหยียนกระพริบตา มองเธอด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก:“ทำไมเหรอพี่หลิน?”
“เธอ……ลืมแปรงสีฟันเอาไว้จริงเหรอ แต่ว่า เมื่อกี้เธอ หายไปตั้งนานนี่ ทำไมเพิ่งจะมาอยากล้างหน้าแปรงฟันตอนนี้”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย:“ใช่ไงคะ เมื่อตอนนั้นหลังจากที่ฉันกลับไปก็รู้สึกว่าตัวเองยังง่วงนอนอยู่ ก็เลยนอนหลับต่ออีกหน่อย เมื่อกี้เพิ่งลุกขึ้นเตรียมจะไปล้างหน้าแปรงฟัน ก็พบว่าแปรงสีฟันกับโฟมล้างหน้าของตนเองไม่อยู่แล้ว”
หลินชิ่นเอ๋อจ้องมองเธอ ราวกับว่าไม่เชื่อว่าเรื่องที่เธอพูดเป็นความจริง แต่แววตาของเสี่ยวเหยียนใสสะอาด สีหน้าก็ดูจริงจัง มองไม่ออกว่ากำลังโกหกเลย
หรือว่าเธอจะพูดจริง เธอกลับไปนอนจริงๆ แต่ตอนที่จะล้างหน้าแรงฟันก็พบว่าแปรงสีฟันกับโฟมล้างหน้าไม่มีก็เลยมาหา
ไม่ว่าหลินชิ่นเอ๋อเชื่อเธอมากแค่ไหน แล้วนั่นจะทำไม เพราะเธอก็ยังไม่อยากให้เสี่ยวเหยียนเข้า ทำลายแผนที่ตนเองวางเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงพูดเบาๆว่า:“ไม่อย่างนั้นเธอกลับไปก่อน ฉันเข้าไปช่วยเธอหา แล้วอีกเดี๋ยวจะเอาไปให้คุณเอง”
เสี่ยวเหยียนกระพริบตาปริบๆ มองหลินชิ่นเอ๋อ:“พี่หลินจะเอามาให้ฉันจริงๆเหรอ”