บทที่ 123 เพิ่มความกดดัน
เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างเงียบๆ วันต่อมา สิ่งแรกที่เสิ่นเฉียวทำตอนถึงบริษัทก็คือไปยื่นเรื่องเงินที่แผนกการเงิน
แรกเริ่ม คนในแผนกการเงินไม่ค่อยชอบเธอนัก ตอนเห็นเธอยังทำท่าทางรำคาญอีกต่างหาก
“ ไม่มีการส่งมอบใบเสร็จจะขอยื่นเรื่องได้ยังไงละ? อีกอย่าง กรณีแบบนี้ยังต้องการขั้นตอนกับเวลาที่ไปด้วยนะ ”
เสิ่นเฉียวงุนงง: “ ไหนบอกว่าไม่ต้องใช้ละ? ”
คนในแผนกการเงินกลอกตาใส่เธอ: “ ใครบอกเธอว่าไม่ต้องใช้? ตอนเข้ามาใหม่ๆไม่รู้กฎระเบียบของบริษัทรึไง? หรือคิดว่าตัวเองมีคนหนุนหลังแล้วจะกำเริบเสิบสานยังไงก็ได้? ”
ได้ฟังดังนั้น สีหน้าของเสิ่นเฉียวก็ขาวซีดขึ้นทันที เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่น
ก็เย่โม่เซินบอกอยู่ว่าเธอสามารถมารายงานต่อที่นี่ได้เลย แต่มาตอนนี้ คนในแผนกการเงินกลับพูดอีกอย่างนึง สรุปว่ามันเป็นยังไงกันแน่? คนในแผนกการเงินไม่ชอบเธอ ต้องการเล่นงานเธอหรือเป็นเย่โม่เซินที่หลอกเธอ?
คิดมาถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวคิดอยู่สักพักถึงค่อยถามขึ้นมาใหม่: “ คือว่า คุณเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า? ขอยื่นเรื่องก่อนล่วงหน้าไม่ได้จริงๆหรอ? ”
คนคนนั้นหัวเราะอย่างเย็นชา สายตาที่หล่อนใช้มองเสิ่นเฉียว เหมือนสายตาที่ใช้มองคนปัญญาอ่อนแบบนั้นเลย: “ ถามสิบรอบ คำตอบก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้! ”
เสิ่นเฉียวทำได้เพียงกลับไปบนตึกอย่างคนหงอยเหงา เธอคิดอยู่สักพักใหญ่ และคิดว่าควรกลับไปหาเย่โม่เซิน
หลังจากที่เย่โม่เซินรู้เรื่องนี้ เขาก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
แย่ละ
เดิมที เขาคิดจะให้เซียวซู่ไปแจ้งแผนกการเงินก่อนล่วงหน้า แต่เขากลับลืมเรื่องนี้ไปสนิท ทำให้ตอนนี้เธอต้องโดนปฏิเสธกลับมา
“ บริษัท……ไม่อนุญาตให้ทำการยื่นเรื่องหรอ? งั้นฉันไม่…… ”
“ ผมบอกว่าได้ก็ได้สิ คุณเชื่อหล่อนหรือเชื่อผมละ? ”
เสิ่นเฉียว: “ ……ก็ต้องเป็นนายอยู่แล้ว ”
รู้ตัวอีกที เธอก็ตอบไปแบบนั้นแล้ว เย่โม่เซินยกยิ้มมุมปาก: “ งั้นคุณก็ไปที่นั่นอีกครั้ง ”
“ หา? ยังต้องไปอีกหรอ? ” เสิ่นเฉียวบิดนิ้วเข้าหากันและจิ้มไปมาอย่างลำบากใจ หลังจากที่เธอไปที่นั่น ก็เหมือนโดนไล่ออกมา ทำให้เธอรู้สึกขายหน้ามาก เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้อีกแล้ว
“ ต้องไป ” เย่โม่เซินพูดอย่างแน่วแน่
“ ……ก็ได้ ”
ใครใช้ให้เธอขาดเงินใช้กันละ เสิ่นเฉียวทำได้เพียงออกจากห้องและเดินไปขึ้นลิฟต์ หลังจากนั้นก็ไปที่ชั้นห้า
เย่โม่เซินหยิบโทรศัพท์ออกมา และรีบกดโทรหาเซียวซู่ทันที: “ แจ้งแผนกการเงินว่ายื่นเรื่องเงินทำงานให้กับผู้ช่วยเสิ่นล่วงหน้าด้วย ”
ถึงแม้ว่าเซียวซู่จะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้กรณีพิเศษประเภทนี้ และอีกอย่าง เป้าหมายยังเป็นผู้ช่วยเสิ่น เซียวซู่ก็เห็นจนชินแล้วด้วย ถึงอย่างไรช่วงนี้ พฤติกรรมที่เย่โม่เซินปฏิบัติต่อเสิ่นเฉียว เซียวซู่ก็ได้เห็นมาหมดแล้ว
“ ทราบแล้วครับ ผมจะไปแจ้งเดี๋ยวนี้ ”
*
เสิ่นเฉียวยืนลังเลใจอยู่ด้านนอกเป็นเวลานาน ก็ยังไม่เข้าไปในแผนกการเงินสักที เธอกำลังคิดว่าหรือจะกลับไปบอกเย่โม่เซิน ว่าคนในแผนกการเงินบอกเธอว่าต้องมีใบเสร็จและต้องมีใบขั้นตอนต่างๆ คนที่วันๆอยู่แต่ในห้องผู้อำนวยการและปลีกวิเวกอย่างเขา อาจจะไม่รู้หนึ่งในสาเหตุนี้ก็ได้?
คิดไปคิดมา ตอนที่เสิ่นเฉียวตัดสินใจจะกลับ ในแผนกการเงินกลับมีชายหัวล้านวัยกลางคนเดินออกมาอย่างกะทันหัน พอเห็นเธอ เขาก็รีบเรียกเธอ: “ ผู้ช่วยเสิ่น ”
ได้ยินดังนั้น ฝีเท้าของเสิ่นเฉียวก็หยุดลง เธอมองเขาอย่างงุนงงเล็กน้อย: “ คุณเรียกฉันหรอ? ”
ชายวัยกลางคนส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย: “ ผู้ช่วยเสิ่นเป็นคุณนี่เอง? ทำไมถึงยืนอยู่ที่หน้าประตู ไม่เข้ามาละครับ? รีบเข้ามาสิครับ ”
เสิ่นเฉียวรู้สึกงุนงง แต่เขาเป็นกันเองมาก ดังนั้น เสิ่นเฉียวจึงเดินตามเขาเข้าไปข้างใน
“ เสี่ยวเหยียน บอกผมว่าเมื่อสักครู่ คุณมารายงานเรื่องเงินแล้วใช่ไหมครับ? ”
เสิ่นเฉียวพยักหน้าอย่างเก้อเขิน: “ แต่คนของพวกคุณบอกว่าต้องมีใบขั้นตอน และยังต้องมีใบเสร็จ ถึงจะสามารถยื่นเรื่องได้ ฉัน…… ”
“ ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง หล่อนจำผิดแล้วครับ! ” ชายวัยกลางคนรีบโบกมือไปมาทันที: “ ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ครับ ผู้ช่วยเสิ่นลองดูว่าจะยื่นเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ผมจะพิมพ์รายงานให้คุณเองครับ ”
เสิ่นเฉียว: “ ……ได้จริงๆหรอคะ? ”
เธอมองเข้าไปข้างใน และเห็นหญิงสาวที่ชื่อ เสี่ยวเหยียน ยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ หล่อนกำลังโมโห และจ้องเธออย่างไม่เป็นมิตร
“ ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ละ? รีบเข้ามาเถอะครับ ”
ชายวัยกลางคนเรียก เสี่ยวเหยียน เล็กน้อย: “ รีบไปพิมพ์รายงานให้ผู้ช่วยเสิ่นสิ จะยืนโง่อยู่ทำไม? ไม่อยากทำงานแล้วหรอ? ”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียน ถึงค่อยหมุนตัวไปหยิบเอกสารอย่างโมโห และส่งให้เสิ่นเฉียว: “ เธอกรอกเอกสารนี้ จะยื่นเรื่องเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ก็เขียนลงไป ”
“ ขอบคุณ ” เสิ่นเฉียวยื่นสองมือออกไปรับเอกสารอย่างมีมารยาท เธอใช้เวลาเพียงห้านาที ก็กรอกเอกสารทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย
เสี่ยวเหยียน จ้องเธออย่างคับแค้นใจ เห็นเธอกรอกเอกสารอย่างตั้งใจ จึงพึมพำอย่างโกรธแค้น: “ ไม่ใช่ว่าใช้เส้นสายหรอกหรอ ทำไมถึงให้สิทธิพิเศษกับหล่อนละ? ”
เสิ่นเฉียวได้ยินไม่ชัดเจน เธอเงยหน้าขึ้นไปมองหล่อน ไม่ต้องบอกเลยว่าสายตานั้นไร้เดียงสาขนาดไหน เสี่ยวเหยียน มองเธอเล็กน้อย อยู่ๆก็รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่นั้นเต็มไปด้วยความร้ายกาจ หล่อนจึงพูดกับเธออย่างอารมณ์ร้าย: “ มีอะไร? หรือที่ฉันพูดมันมีอะไรผิดหรอ? ”
เสิ่นเฉียวไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงนำเอกสารที่กรอกเสร็จแล้วส่งไปให้หล่อน: “ ฉันขอยื่นเรื่องเป็นจำนวนเงินห้าพันบาทก่อน ได้ไหม? ”
“ เยอะขนาดนั้น ทำไมเธอไม่ไปปล้นมาเลยละ? ” เสี่ยวเหยียน ยังคงพูดอย่างอารมณ์ร้าย
ชายวัยกลางคนตบหัวของ เสี่ยวเหยียน เล็กน้อย รอยยิ้มบนหน้าใกล้จะพังทลายลงมาอยู่แล้ว: “ พูดอะไรของหล่อน หรือว่าไม่อยากทำงานแล้วจริงๆ? ไม่อย่างนั้น ตอนนี้หล่อนก็ไปเก็บของกลับบ้านซะเลยสิ? ”
เสี่ยวเหยียน ส่งเสียงฮึออกมา หล่อนกุมหัวตัวเอง และมองชายวัยกลางคนอย่างคับแค้นใจ เสิ่นเฉียวสังเกตได้ถึงสายตาที่ชายวัยกลางคนใช้มองหล่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นสายตาที่ดุร้าย แต่กลับมีความรู้สึกรักและเอ็นดูผสมไปด้วยความจำใจ ความรู้สึกที่ทั้งสองคนมีให้เธอ เหมือนเป็น……พ่อกับลูก
“ ผู้ช่วยเสิ่นครับ ห้าพันบาทน้อยเกินไปหรือเปล่า ถึงอย่างไรคุณก็เป็นผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายของท่านประธานเย่นะครับ ห้าพันบาทอาจจะไม่พอใช้ ไม่อย่างนั้น……ผมเพิ่มให้คุณอีกสองหมื่น? ”
เสิ่นเฉียวได้ฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย: “ สอง สองหมื่น? ไม่ต้องเยอะขนาดนั้นหรอกค่ะ? ”
“ พ่อ พ่อบ้าไปแล้วหรอไง? ”
และเป็นเหมือนที่คิดไว้จริงๆ เสี่ยวเหยียน ร้องออกมาอย่างตกใจ: “ นี่คือแผนกการเงินของบริษัท ถ้าพ่อให้หล่อนไปสองหมื่น ถึงเวลา ท่านประธานเย่กล่าวโทษพวกเราจะทำยังไงละ? ”
“ ใครเป็นพ่อแก เจ้าคนชั่วรีบไสหัวไปซะ ” ชายวัยกลางคนโบกมือบอกใบ้ให้หล่อนไสหัวไป หลังจากนั้นก็หันมายิ้มและพูดกับเสิ่นเฉียว: “ งั้นเดี๋ยวผมเพิ่มจำนวนเงินให้คุณเป็นสองหมื่นบาท เสี่ยวเหยียน รีบไปจัดการเรื่องนี้เร็วเข้า อย่าให้ผู้ช่วยเสิ่นต้องรอนาน ”
เสิ่นเฉียวยืนรอพวกเขาจัดการเรื่องให้อยู่ที่เดิม ในใจกำลังคิดว่าทำไมมาครั้งนี้ ท่าทีถึงได้เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ หรือคนที่ชื่อ เสี่ยวเหยียน คนนั้นกำลังเล็งเล่นงานเธอ? กำลังคิดเพลินๆ เสียงของชายคนนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง: “ ขอโทษด้วยจริงๆครับ เสี่ยวเหยียน ค่อนข้างอารมณ์ร้อน แต่หล่อนไม่ได้คิดร้ายกับผู้ช่วยเสิ่นแน่นอนครับ ผู้ช่วยเสิ่นจะเห็นแก่ เสี่ยวเหยียน ที่อายุยังน้อย และไม่คิดเล็กคิดน้อยกับหล่อนได้ไหมครับ? ”
“ คุณอย่าเกรงใจไปเลยค่ะ คุณยอมให้ฉันยื่นเรื่องล่วงหน้า ฉันก็ต้องขอบคุณคุณมากๆด้วย ” เสิ่นเฉียวยิ้มเล็กน้อย
เธอดูออกว่าชายวัยกลางคนปฏิบัติต่อเธออย่างระมัดระวังมาก ราวกับกลัวว่าจะทำให้เธอไม่พอใจอย่างนั้นแหละ ท่าทางดูไปมา เหมือนถูกเพิ่มความกดดัน เช่น……ตอนที่เขาพูดกับเธอ บนหน้าผากมักจะมีเหงื่อผุดออกมา
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ เห็นได้ชัดว่าเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ
ดังนั้น เสิ่นเฉียวจึงพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้: “ ก่อนหน้านั้น เสี่ยวเหยียน บอกว่าต้องมีใบขั้นตอน อยู่ๆก็บอกว่าไม่ต้องแล้ว มีคนโทรหาคุณหรือเปล่าคะ? ”