บทที่ 1225 แสดงออกมาไม่ชัดเจนพอเหรอ
เสี่ยวเหยียนถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา
ตอนที่เธอทำท่าทางเล็กๆ น้อยๆ นั้นเธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ดังนั้นเธอเลยคิดว่าหานชิงไม่รู้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อยิ้มเสร็จ ก็ได้ยินเสียงของหานชิงดังลอยเข้ามาในหู
“คุณนายหานกำลังยิ้มอะไรอยู่เหรอ?”
เมื่อได้ฟังดังนั้น รอยยิ้มมุมปากของเสี่ยวเหยียนก็แข็งทื่อ และอึ้งไปสักพักกว่าจะดึงสติกลับมาได้ พลางมองไปที่หานชิง
“คุณ คุณพูดบ้าอะไร?ใครยิ้มเหรอ?”
ในขณะที่กำลังปฏิเสธอยู่นั้น ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมา
เมื่อเห็นเธอแบบนี้ หานชิงก็อดไม่ได้ที่จะจับแก้มของเธอ ก่อนจะก้มหน้ายิ้ม: “แน่นอนว่าหมายถึงคุณไงล่ะ หน้าต่างมันมีเงาสะท้อนอยู่น่ะ”
ผ่าง——
หลังจากที่เขาพูดอยู่ชัดเจนแล้ว เมื่อครู่ที่เสี่ยวเหยียนหน้าแดงเล็กน้อย ตอนนี้มันแดงไปทั้งหน้าแล้ว เธอเลยมองหานชิงอย่างจริงจัง ก่อนจะหันไปด้วยความโกรธเคือง และไม่คุยกับเขาแล้ว!
เธอคิดอะไรขึ้นมาได้อีก ก่อนจะหันกลับมาพูดด้วยความโกรธ: “อย่ามาเรียกฉันว่าคุณนายหาน!”
พวกเขาไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย!
เมื่อได้ฟังดังนั้น หานชิงก็กลั้นขำพลางเลิกคิ้วขึ้น: “หืม?เมื่อครู่คุณยังพูดต่อหน้าทุกคนอยู่เลยว่าเราแต่งงานกันแล้วไม่ใช่เหรอ?พูดไปแล้วว่าฉันเป็นสามีของคุณ ทำไมยังไม่ให้ฉันเรียกว่าคุณนายหานอีก มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่เนี่ย?”
เสี่ยวเหยียนพยายามอธิบายแก้ต่างอย่างสุดกำลัง “นั่นก็เป็นเพราะว่าฉันโกรธคนอื่นอยู่ เลยพูดอะไรแบบนั้นออกไป คุณเองก็รู้นี่!”
เสียงที่ทั้งสองคนคุยกันนั้นมันเบามาก อีกอย่างต้องพูดเบาๆ แต่ก็ยังต้องให้อีกฝ่ายได้ยินด้วย เลยต้องเข้าไปใกล้มาก ไอร้อนจากการพูดนั้นทำให้อีกฝ่ายสัมผัสได้เลยทีเดียวล่ะ
ระยะที่ใกล้กันขนาดนี้ ปากแดงๆ ของสาวน้อยนั้นมันเปิดๆ ปิดๆ อยู่ต่อหน้า ในตอนแรกหานชิงก็ค่อนข้างมั่นคงอยู่ แต่เมื่อผ่านไปนานๆ เขาก็ถูกสาวน้อยคนนี้พูดเสียงจนรู้สึกอ่อนไหวได้อย่างง่ายดาย เลยกระแอมเบาๆ : “งั้นตอนนี้ฉันจะแสดงไปกับคุณ ไม่ได้เหรอ?คุณเรียกว่าสามีไปแล้ว ฉันไม่เรียก……ก็จะเสียเปรียบหรือเปล่า?”
เมื่อได้ฟังดังนั้น เสี่ยวเหยียนก็เบิกตาโผลงพลางเขา
“คุณเสียเปรียบอะไรกันล่ะ?คุณเป็นผู้ชาย คนที่เสียเปรียบน่าจะเป็นฉันมากกว่า?”
หานชิงยิ้มเบาๆ : “ใครบอกว่าผู้ชายไม่เสียเปรียบ?เห็นผู้หญิงคนนั้นหรือยัง?เอาแต่เรียกนายหานของคุณอยู่ได้ทั้งวันน่ะ ถ้าเกิดรู้ว่าฉันแต่งงานแล้ว ยังจะกล้ามาเรียกอีกเหรอ?”
เมื่อได้ฟังดังนั้น คิ้วของเสี่ยวเหยียนก็ขมวดขึ้น พลางมองเขาด้วยท่าทีไม่พอใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไป
ในตอนแรกหานชิงอยากจะหยอกเล่น และคุยเรื่องการเรียกว่านายหานกับคุณนายหานสักหน่อย ใครจะไปรู้ว่าสาวน้อยเหมือนกับว่าจะจริงจังขึ้นมา เธอขมวดคิ้วและย่นจมูก ดูท่าทีแล้วไม่ค่อยจะสบายใจสักเท่าไหร่
ในใจเขาบอกว่ามันไม่ค่อยดีแล้ว เลยคิดจะอธิบายสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะพูดไปเมื่อสักครู่ เสี่ยวเหยียนกลับจ้องเขาพลางพูดว่า: “คุณเสียดายใช่ไหมล่ะ?”
“หือ?”
เสียดายอะไร?
เขาเสียดายอะไรล่ะ?
“คุณบอกว่าสาวน้อยของคุณโตขึ้นแล้ว ฉันยังพอจะดีใจ คิดว่าคุณจะอยู่ข้างฉันเสียอีก แต่เมื่อคุณพูดแบบนี้……อันที่จริงคุณก็ยังแคร์อยู่ใช่ไหม?หลินชิ่นเอ๋อคนนั้นน่ะ……หุ่นก็ดีกว่าฉัน แถมยังสวยอีก เธอต้องเป็นที่หมายปองของผู้ชายหลายๆ คนแน่นอน แต่ฉัน……ไม่มีอะไรเลย……”
เธอมองออก แถมก็ยังเข้าใจเปรียบเทียบอีกด้วย
เพราะตอนที่เธอใส่เสื้อผ้าอยู่บนเรือนร่างของตัวเองนั้น ดูเหมือนกับเด็กน้อยเลย แต่เมื่อเสื้อผ้าไปอยู่บนตัวของหลินชิ่นเอ๋อกลับไม่เหมือนกันเลย
หลินชิ่นเอ๋อนั้นหุ่นดีมาก ดังนั้นเมื่อใส่เสื้อผ้าอยู่บนเรือนร่างของเธอมันเลยทำให้ดุมีเสน่ห์ขึ้นมา โดยที่ไม่สามารถหาได้จากเสี่ยวเหยียน แต่กลับสามารถแสดงออกมาจากตัวของหลินชิ่นเอ๋อได้อย่างเต็มที่
นั่นมันเป็นหุ่นที่ผู้ชายหลายคนใฝ่ฝัน
แต่เธอ……พูดได้ไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่ ก็เธอข้างหน้าเหมือนกับข้างหลัง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็อยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก เธอผอมเกินไปหรือเปล่า ดังนั้นรูปร่างเลยดูไม่ดีเท่าไหร่?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็ทำปากจู๋ ก่อนจะมองหานชิงด้วยแววตาเศร้าหมอง
หานชิง: “……”
เขาอดไม่ได้ที่จะเอามือขึ้นมาเชยคางของเสี่ยวเหยียน ก่อนจะถอนหายใจออกอย่างไร้ทางเลือกใดๆ
“อยากจะเปิดสมองคุณออกมาดูจริงๆ เลย อยากจะรู้ว่าคุณคิดอะไรบ้าง”
เมื่อพูดจบ เขาเลยเข้าไปใกล้อีก “ฉันแสดงออกไม่ชัดเจนพอเหรอ?ตอนที่เธอเข้ามาฉันไม่ได้มองเลยแม้แต่น้อย คุณกลับคิดว่าฉันจะเสียดายงั้นเหรอ?ฉันเสียดายอะไรล่ะ?หือ?คุณต้องพูดให้มันชัดเจนนะ”
คางของเสี่ยวเหยียนถูกเขาจับเอาไว้ ทั้งสองคนเข้าใกล้กันมาก แต่เธอรู้สึกน้อยใจมากในตอนนี้ เลยไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้ทั้งสองคนเข้าใกล้กันมากแค่ไหน และยังคงอยากจะร้องเรียนเขา
“คุณก็เสียดายไง คุณเสียดายที่ฉันไล่เธอลงจากเรือ ถ้าเกิดว่าเธอยังอยู่ที่นี่ล่ะก็ คุณก็สามารถบริหารเสน่ห์ของตัวเองได้ไงล่ะ เหมือนกับที่คุณพูดเมื่อสักครู่……คุณคิดว่าคุณเสียเปรียบ คุณหวังว่าจะมีคนอื่นมาหลงคุณ แถมยังเป็นผู้หญิงที่มีเรือนร่างดีขนาดนั้นด้วย ไม่เหมือนฉัน ไม่มีอะไรเลย คุณไปหา……เออ……”
เธอยังไม่ทันจะพูดจบ ด้านหน้า ก็มืดลงทันที ปากที่จะพูดนั้นก็ถูกคนที่อยู่ด้านหน้าปิดเอาไว้
ตอนแรกหัวสมองค่อยๆ ขาวโพลน แต่เสี่ยวเหยียนยังรู้ว่าที่นี่คือด้านนอกนะ เธอเลยผลักหานชิงออก
แต่หานชิงจับคางของเธอเอาไว้ มือหนึ่งประคองหัวของเธอเอาไว้ ใช้แรงมากจนเธอไม่มีทางจะหลุดออกมาได้เลย เลยทำได้แค่ทำตามการควบคุมของเขา และถูกแรงจูบของเขากดเอาไว้
การจูบของหานชิงในวันนี้มันไม่อ่อนโยนเลย แต่กลับอยู่เหนือความควบคุมไป
เพราะคำพูดของสาวน้อยคนนี้ ทำให้เขาคิดว่าตัวเองนั้นต้องทำการสัญญาอะไรสักหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นสาวน้อยคนนี้คงจะไม่สบายใจ ไม่มั่นใจ และไม่เชื่อเขาด้วย
อันที่จริงความรู้สึกแบบนี้หานชิงเองก็รู้สึกได้
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อเขา แต่เธอไม่เชื่อตัวเอง
เธอมักจะคิดว่าตัวเองไม่สวยพอ ไม่ดีพอ และกังวลว่าเขาจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น
พูดมากไปก็ยิ่งทำให้เธอเข้าใจผิด ทำให้เห็นเลยดีกว่า
เธออยากจะผลักออก หานชิงไม่ยอมให้เธอผลัก เพราะมีการนั่งห่างกันอยู่ แถมสามีภรรยาคู่อื่นๆ ก็คุยเรื่องของตัวเองแล้ว จะมีใครไปสนใจว่าพวกเขาจะทำอะไรกัน
ดังนั้นการจูบกันของหานชิงกับเสี่ยวเหยียนเลยไม่มีใครสนใจเลย
โอ๊ะ แต่ว่าพนักงานที่อยู่ด้านข้างนั้นเห็นอยู่
แต่ในฐานะพนักงานคนหนึ่ง เขาต้องมีความเป็นมืออาชีพในการทำงานเลยเบือนหน้าหนี จากนั้นก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไร อีกอย่างยังต้องทำเป็นเหมือนตัวเองเป็นอากาศธาตุอีกด้วย
แต่ในใจนั้นขมขื่นเหลือเกิน
เขายังเป็นคนโสดอยู่เลย แต่กลับมาทำงานด้านนี้
มันเป็นทริปฮันนีมูนของคู่สามีภรรยา เลยมีแต่คนจูบกันอย่างดูดดื่ม ตัวเองไม่อะไรมาก เขาที่เป็นพนักงานเพียงคนเดียวกลับต้องมารู้สึกโดดเดี่ยวแบบนี้ แถมยังต้องอดทนต่อไปเรื่อยๆ อีกด้วย
พนักงานกำหมัดขึ้น ก่อนจะตัดสินใจอยู่ในใจ ว่าหลังจากกลับไปเขาจะต้องหาแฟนสาวคนหนึ่งให้ได้!
เขาคิดว่าจะไม่ยอมเป็นคนโสดอีกต่อไปแล้ว!
เสี่ยวเหยียนอยากจะผลักออกในตอนแรก หลังจากนั้นการกระทำของหานชิง ก็ทำให้ทั้งสองคนจูบกันอย่างดูดดื่ม เธอเข้าใกล้หานชิงมากขึ้นด้วยความเบลอ โดยที่ไม่รู้อะไรเลย
แล้วก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดหานชิงก็ออกมา ก่อนจะก้มหน้าผากและหายใจเล็กน้อยใส่เธอ จากนั้นก็เช็ดรอยบนปากของเธอเบาๆ