บทที่ 1227 ฉันซื่อตรงเป็นอย่างมาก
เขาพูดขนาดนี้แล้ว ถ้าเกิดว่าเสี่ยวเหยียนปฏิเสธก็จะดูเหมือนคนหน้าซื่อใจคด สุดท้ายเลยได้แค่ก้มหน้าแดงๆ ของเธอ: “งั้น……อยู่ห้องเดียวกันก็ได้”
พนักงานเดินมาที่ข้างหน้าแล้วก็เห็นว่าทั้งสองคนยังไม่ตามมา ตอนที่จะเดินไปคุยกับพวกเขานั้น ก็เห็นว่าเสี่ยวเหยียนกำลังคุยอะไรสักอย่างอยู่กับหานชิง แถมหานชิงเองก็อยู่ใกล้เธอมาก
เมื่อคิดไปถึงภาพบนเรือนั้น พนักงานก็ทำได้แค่ลูบจมูกตัวเอง แต่ไม่เข้าไปใกล้ พลางยืนมองไปทางอื่น
ในใจกลับคิดอยู่ว่ารอให้เขากลับไปแล้วจะต้องได้นัดบอดจากแม่แน่นอน ถ้าเกิดว่ามีแฟนแล้วล่ะ?
ถึงตอนนั้นก็สามารถพาแฟนไปเที่ยวได้แล้ว จะได้ไม่ต้องมีเป็นคนโสดท่ามกลางคนพวกนี้แล้ว!
หลังจากถึงโรงแรมแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ตกใจเพราะบรรยากาศภายในห้อง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปไปให้หานมู่จื่อดู
“เป็นอย่างไรบ้าง?บรรยากาศดีใช่ไหมล่ะ?” เสี่ยวเหยียนถ่ายบรรยากาศทั้งหมดให้หานมู่จื่อดู ก่อนจะกระแนะกระแหนหานมู่จื่อ: “ตอนแรกพวกคุณไม่มาเอง เลยเอาโอกาสดีๆ แบบนี้มาให้พวกเรา”
เมื่อได้ฟังดังนั้น หานมู่จื่อก็ดูท่าทีของเสี่ยวเหยียนอย่างไร้ทางเลือกใดๆ ก่อนจะพูดเสียงต่ำว่า: “พอแล้วล่ะ หรือว่าคุณลืมทริปนี้ไปแล้ว ว่าฉันจองเอาไว้ทำไมงั้นเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนคิคขึ้นมาได้โดยพลัน ว่าทริปครั้งนี้เป็นแค่ฉากปิดบังเพียงเท่านั้น ทั้งสองคนไม่ได้อยากจะมาท่องเที่ยวเลยจริงๆ เพียงแต่มู่จื่ออยากจะเก็บเป็นความลับก็เท่านั้นเอง
เสี่ยวเหยียนรีบหันไปมองทางด้านหลัง ก็พบว่าหานชิงยืนเหม่อลอยยู่ตรงระเบียง ก่อนจะพูดออกมาว่า: “อย่าพูดอะไรมั่วๆ ได้ไหม เดี๋ยวพี่ชายคุณจะได้ยินเข้านะ!”
เมื่อมองใบหน้าของเสี่ยวเหยียนผ่านวิดีโอคอลก็เห็นท่าทีอ่อนโยน หานมู่จื่อก็เอียงคอ: “ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไรเลยเหรอ?”
เสี่ยวเหยียน: “……คืบหน้าอะไร!”
“ก็ความคืบหน้าแบบที่คุณเข้าใจนั่นแหละ!”
“……อย่าพูดมั่วๆ นะ!ฉันแต่ซื่อตรงมาก!อย่ามาพูดมั่วนะ!”
หานมู่จื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาเบาๆ : “ปฏิเสธขนาดนั้น ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นตามที่คุณว่านะ อีกอย่างอาจจะเกิดขึ้นจริงๆ ก็ได้นะ”
“ถุยๆ !ฉันไม่มีทางหรอกนะ!คุณอย่ามาใส่ร้ายฉันนะ!โอเค อย่าพูดอะไรมั่วๆ หน่า ถ้าเกิดว่าให้พี่ชายคุณได้ยิน……”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็มองไปรอบๆ และคิดว่าตัวเองไปแอบอยู่ในห้องอาบน้ำจะปลอดภัยกว่า
ถ้าไม่อย่างนั้น มู่จื่อยังมาล้อเลียนแบบนี้อีก หานชิงอาจจะเข้ามาก็ได้
เสี่ยวเหยียนเข้าไปแอบในห้องน้ำ ก่อนจะคุยกับมู่จื่อถึงเรื่องที่เกี่ยวกับหลินชิ่นเอ๋อ
“หลินชิ่นเอ๋อเหรอ?”
หานมู่จื่อพูดชื่อนี้ออกมา ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้น พลางยิ้มเบาๆ ออกมาก่อนจะพูดว่า: “ถึงแม้ว่าพูดไปจะดูแย่ไปหน่อย แต่ชื่อชื่อนี้ก็ไม่ได้ดีอะไรอยู่แล้ว เหมือนชื่อปลอมเสียด้วยซ้ำ”
“ชื่อปลอมงั้นเหรอ?” เสี่ยวเหยียนเองก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนกัน: “น่าจะไม่ใช่ชื่อปลอมหรอก ฉันแค่เห็นท่าทีของเธอแล้ว คิดว่านิสัยของคนคนนี้กับชื่อของเธอเองนั้นมันดูใสบริสุทธิ์เกินไป เห็นได้ชัดเลยว่าอยากจะทำร้ายฉัน แต่กลับแกล้งทำเป็นใสซื่อไม่รู้อะไรเลย คุณว่าทำไมเธอถึงได้หน้าด้านหน้าทนขนาดนั้นนะ?”
เมื่อได้ยินเสี่ยวเหยียนอธิบายแบบนี้ หานมู่จื่อเองก็อยากจะขำออกมา “ได้ยินคุณพูดแบบนี้แล้ว ก็หน้าด้านจริงๆ แต่ว่าดูสาถานการณ์แล้ว เธอไม่ได้คุยอะไรกับพี่ชายของฉันเลยเหรอ หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว ถ้าเกิดว่าเธอยังหน้าด้านแบบนี้อีก งั้นคุณก็ไม่ต้องไว้หน้าเธอแล้ว เปิดโปงเธอก็ได้แล้ว”
เมื่อได้ฟังดังนั้น เสี่ยวเหยียนก็มีแววตาเปล่งประกาย “เปิดโปงเธองั้นเหรอ?คุณสนับสนุนเหรอ?”
“ทำไมจะไม่สนับสนุนล่ะ?”
“แต่……ถ้าเป็นแบบนั้น พี่ของคุณจะคิดว่าฉันร้ายไหมนะ?”
“ฉันว่านะ เสี่ยวเหยียน เธอคนนั้นอยากจะแย่งแฟนของคุณ ถ้าคุณไม่ทำตัวโหดร้ายในตอนนี้ แล้วจะไปทำตอนไหนล่ะ?”
นั่นสิ!
ผู้หญิงคนนี้อยากจะแย่งแฟนของเธอนะ!!!
หานชิง!!!
แต่เธอจีบกันมาตั้งนานกว่าจะจีบติดนะ!จะมายอมให้ใครแย่งไปง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไร??
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าเต็มแรง: “ได้ ฉันรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร”
เหมือนกับว่าหานมู่จื่อยังมีอะไรจะพูดกับเสี่ยวเหยียน ในตอนนั้นเองก็มีเสียงร้องไห้ของเสี่ยวโต้วหยาดังขึ้นมา หานมู่จื่อเลยทำได้เพียงแค่พูดว่า: “เหมือนกับว่าเสี่ยวโต้วหยาอยากจะฉี่นะ ฉันขอไปทำธุระก่อนนะ”
จากนั้นยังไม่ทันรอเสี่ยวเหยียนตอบอะไร หานมู่จื่อก็ตัดสายไปเสียแล้ว
เมื่อเห็นว่าถูกตัดสายไป เสี่ยวเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจในใจ แม่ต้องไปทำธุระแล้ว แต่ถ้าเปรียบตามนิสัยของเย่โม่เซิน ไม่น่าจะเหลือโอกาสให้หานมู่จื่อได้ลงมืออะไรเลยด้วยซ้ำ ทำไมวันนี้หานมู่จื่อถึงได้ลงมือทำเองเลยนะ?
แต่ไม่นานเสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้ใส่ใจแล้ว เธอยังคงเที่ยวตามทริปของตัวเองต่อไป
**
ในเวลาเดียวกันนั้น ในประเทศ
ขาของผู้หญิงนั้นวางบนโต๊ะคอมพิวเตอร์อย่างโอ่อ่า เล็บบนมือเรียวยาวขาวนวลนั้นทาเล็บสีชมพูอ่อนอยู่ ดูสวยงามอย่างบอกไม่ถูก
“แม่ที่เคารพรักของฉัน เดือนนี้คุณโทรมาให้ฉันไปนัดบอดถึงสิบแปดรอบแล้ว มาคุยกันหน่อยได้ไหม?ลูกสาวของคุณ ฉันเขียนบทยุ่งมากทุกวันเลย?คิดตัวละครคิดเนื้อเรื่องจนสมองฉันจะไม่พอใช้แล้ว จะไปมีเวลาหาผู้ชายมาได้อย่างไร?”
“เพราะคุณไม่ตั้งใจหาแฟนไง คุณเลยต้องมาทำงานหนักขนาดนี้ คนข้างบ้านน่ะเข้ามาหาแล้วเมื่อวาน เด็กกว่าตั้งห้าปี ยังกำหนดตกลงเอาไว้แล้วเลย เด็กน้อยอย่างคุณยังไม่หาแฟนอีก วันๆ เอาแต่อยู่บ้านเขียนบทอะไรก็ไม่รู้ คุณอยากจะให้ฉันโกรธตายเลยใช่ไหม!”
เจียงเสี่ยวไป๋ดูบนหน้าจอคอม พลางถอนหายใจ
“เด็กกว่าฉันยังตกลงกันแล้ว แล้วมันจะทำไมเหรอ?คุณคิดว่าหลังแต่งงานเธอจะมีความสุขมากเหรอ?หลังจากแต่งงานอะไรๆ ก็ต้องใช้เงินไปหมด คลอดลูกก็ต้องซื้อนมผงอีก โตแล้วก็ต้องเรียนหนังสืออีก ฉันอยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้ว จะไปแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้มีดีอะไรเท่าไหร่เพื่อมาลดคุณภาพชีวิตของตัวเองเพื่ออะไรกัน บ้าไปแล้วเหรอ?”
“……เจียงเสี่ยวไป๋!คุณอย่ามาอะไรเยอะแยะกับฉันนะ!ถึงอย่างไรวันนี้คุณก็ต้องกลับ!ไม่อยากกลับก็ต้องกลับ!ถ้าเกิดว่าคุณไม่กลับล่ะก็!พรุ่งนี้ฉันจะหาคนมาเลอะประตูห้องออกให้ดู!ฉันจะรอดูว่าคุณจะกลับไหม!”
แม่ของเจียงเสี่ยวไป๋นั้นขู่เสร็จ ก็ตัดสายไป เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินเสียงตัดสายไปดังนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะพูดกับตัวเอง
“จะคุยก็คุยดีๆ ไม่ได้เหรอ จะมาโกรธทำไมแถมยังจะมาตัดสายแบบนี้ทำไมอีก คิดว่าลูกสาวคุณจะทนคุณไหวเหรอไง”
เมื่อพูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจ พลางโยนโทรศัพท์ไปที่เตียง
ในตอนแรกวันนี้กะว่าจะขียนบทให้เสร็จ ผลเป็นอย่างไรล่ะ?ตอนนี้ถูกแม่พูดแบบนี้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกหัวเสียอยู่ในใจแล้ว มันเป็นความโกรธของแม่เธอก็เข้าใจ ถ้าเกิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่กลับไปจริงๆ ล่ะก็ ประตูในบ้านเธอนั้น พรุ่งนี้ประตูคงจะได้พังแบบที่แม่พูดจริงๆ
ไปนัดบอดเถอะ……
ไปก็ได้ ก็แค่นัดบอดไม่ใช่เหรอ?ไปพูดจาแย่ๆ ใส่ผู้ชายพวกนั้นก็ได้ ถ้ายังกล้ามานัดบอดกับเธออีกจะทำให้หัวหลุดจากบ่าเลยล่ะ ฮิๆ ~
ถึงตอนนั้นเธอแค่ต้องกลับไปบ้านแล้วบอกแม้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ชอบตัวเอง ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ??
หลังจากกำหนดความตั้งใจเอาไว้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋เลยเก็บของก่อนจะออกจากจากบ้านไป
เธอไม่ได้อยากจะไปนัดบอดจริงๆ ดังนั้นเลยออกจากบ้านไปแบบชิวๆ แต่งตัวเหมือนตอนอยู่บ้านเลยด้วยซ้ำ ก็แค่ล้างหน้า มัดผมแล้วก็ขับรถกลับบ้านไป