บทที่ 124 หล่อนเป็นใคร
คำถามนี้ถามจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเก้อเขิน เขายื่นมือออกมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก
“ ผู้ช่วยเสิ่นพูดอะไรน่ะครับ? นี่คือข้อกำหนดของบริษัทที่มีมาตั้งนานแล้ว อีกอย่าง ผู้ช่วยเสิ่นเป็นคนที่อยู่ข้างกายท่านประธานเย่ ถ้าหากว่าทำการยื่นเรื่องเงินก่อนล่วงหน้า ก็คงจะต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แผนกการเงินของพวกเราก็คงจะไม่มีความเสียหายใดๆด้วยเช่นเดียวกันครับ ”
“ แต่ก่อนหน้านั้น…… ”
เสิ่นเฉียวกำลังคิดไม่ตก เสี่ยวเหยียน ก็จัดการเรื่องเรียบร้อยแล้ว “ ให้เธอ ”
เสิ่นเฉียวยื่นมือออกไปรับ “ ขอบคุณค่ะ ”
“ อย่าคิดว่าเธอพูดขอบคุณแล้วฉันจะไม่เกลียดเธอนะ! ” เสี่ยวเหยียน พูดเสริมขึ้นอีกครั้ง: “ ถึงแม้ว่าฉันจะใช้เส้นเข้ามาเหมือนกัน แต่วิธีการใช้เส้นของเธอนั้นน่าเกลียดกว่าวิธีของฉันเสียอีก ”
เสิ่นเฉียว: “ …… ”
แม้ว่าจะมีคนพูดเรื่องใช้เส้นสายได้อย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ เห็นท่าทางตรงไปตรงมาของหล่อนแล้ว เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร เธอทำแค่ยกยิ้มมุมปาก: “ วันนี้ขอบคุณพวกคุณทั้งสองคนมากๆ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ ”
รอจนเธอเดินจากไป เสี่ยวเหยียน ถึงค่อยหันมามองพ่อตัวเองอย่างไม่พอใจ
“ พ่อ ทำไมอยู่ๆพ่อถึงให้เงินหล่อนไปตั้งมากมายขนาดนั้นละ? ถึงเวลาท่านประธานเย่กล่าวโทษเราจะทำยังไง? ตั้งสองหมื่นนะ สามารถให้ฉันดำรงชีวิตได้นานเลยนะนั่น ”
ได้ฟังดังนั้น ชายหนุ่มก็จ้องหล่อนทันที น้ำเสียงของเขาดุดันขึ้น: “ ครั้งหน้าอย่าวู่วามอีก นี่เป็นหน้าที่ที่ผู้ช่วยเซียวคนข้างกายของท่านประธานเย่ โทรมามอบหมายให้กับฉัน ดีที่แกไม่ได้พูดอะไรเกินไปมากกว่านี้ และโชคดีที่ผู้ช่วยเสิ่นใจกว้าง ไม่เอาเรื่องแก ”
“ ชิ คนอย่างหล่อนน่ะหรอใจกว้าง ทะเลาะกับคนอื่นในห้องอาหาร แถมยังเอาอาหารราดใส่คนอื่นอีก หล่อนคิดว่าเป็นคนของท่านประธานเย่แล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ใช้อำนาจรังแกคนอื่นชัดๆ ”
“ เรื่องนั้น แกอย่าเอาไปปนกัน และไม่ต้องไปฟังคำพูดของคนอื่น แกดูท่าทางของเธอสิ เหมือนคนโหดร้ายไหมละ? คนในบริษัทเป็นยังไง แกก็รู้หนิ? ”
เสี่ยวเหยียน เบะปาก “ ถึงอย่างไรหนูก็ยังคิดว่าที่หล่อนเอาอาหารราดใส่คนอื่น มันไม่ถูกต้อง! ทั้งสามคนถูกหล่อนเล่นงานจนเละขนาดนั้น หรือว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องจริงละ? ”
พูดเสร็จ เสี่ยวเหยียน ก็หมุนตัวและเดินจากไป
หลังจากที่เสิ่นเฉียวแก้ไขปัญหาได้แล้ว ก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แต่เธอกลับอดไม่ได้ที่จะนึกถึง เสี่ยวเหยียน หล่อนบอกว่าเธอใช้เส้นเข้ามาทำงานที่นี่ เพราะฉะนั้น ในสายตาของทุกคนตอนนี้ เสิ่นเฉียวก็คือคนที่พึ่งความสัมพันธ์ของเย่โม่เซินเข้ามาทำงาน
ช่างเถอะ เธอจะไปคิดเล็กคิดน้อยทำไม? ทำงานของตัวเองให้ดีก็พอแล้วละ
*
เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หานเส่โยวรู้ข่าวว่าหานชิงจะกลับประเทศวันนี้ เธอก็ดีใจขึ้นมาทันที ก่อนที่เขาจะขึ้นเครื่อง หานเส่โยวก็ได้โทรไปหาเขา
“ มีอะไร? ” น้ำเสียงของหานชิงยังคงเย็นชาเหมือนเดิม
หานเส่โยวกลับไม่สนใจ เพราะวันนี้เธออารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอใกล้จะหาพ่อของเด็กในท้องแทนเสิ่นเฉียวได้แล้ว
“ พี่ วันนี้พี่จะกลับประเทศหรอ? ”
“ อือ อีกสิบห้านาทีก็จะขึ้นเครื่องแล้ว ”
“ พี่ แล้วเรื่องที่ฉันให้พี่ช่วยสืบหา พี่รู้ความจริงแล้วใช่ไหม? ”
ดวงตาของหานเส่โยวหรี่ลงเล็กน้อย มองคนในสนามบินที่กำลังเดินไปมา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น
“ ใช่ ”
“ จริงหรอ? ” หานเส่โยวยิ้มขึ้นมาทันที: “ ขอบคุณค่ะพี่ ฉันรู้ว่าพี่เก่งอยู่แล้ว! แล้วสามารถดูก่อน…… ”
“ กลับไปค่อยให้แกดูข้อมูล ขอวางสายก่อน ”
พูดเสร็จ หานชิงก็กดวางสาย ข้างกายเขามีเลขาสาวยืนอยู่คนหนึ่ง หลังจากที่เธอเห็นเขาวางสายโทรศัพท์แล้ว ก็พูดเตือนขึ้นทันที: “ ท่านประธานหานคะ เครื่องบินจะถึงเมืองเป่ยในอีกห้าชั่วโมง ผู้ช่วยเสิ่นของทางบริษัทตระกูลเย่ ได้จองห้องอาหารไว้แล้ว หลังจากที่เราลงจากเครื่องแล้ว ก็จะรีบไปทันทีค่ะ ”
หานชิงพยักหน้า เขายื่นมือออกมาดึงเนคไทบนเสื้อสูท ภายใต้ดวงตาคมเป็นดวงสีเขียวอ่อน เห็นได้ว่าช่วงนี้เขายุ่งมากเพียงใด เลขาซูจิ่ว เห็นสภาพเขา จึงพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้: “ ท่านประธานหานคะ ไม่อย่างนั้นคุณกลับไปพักผ่อนก่อนดีไหมคะ? ช่วงนี้คุณเหนื่อยมากพอแล้ว…… ”
“ ไม่ต้อง ”
ในเมื่อเขาปฏิเสธแล้ว ซูจิ่ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทำเพียงส่งข้อมูลที่อยู่ในมือไปให้เขา: “ ท่านประธานหานคะ นี่คือข้อมูลของคุณเย่โม่เซินประธานบริษัทตระกูลเย่ค่ะ ”
หานชิงรับไปเปิดดู “ คู่แข่งหนิ ”
เขาพูดประเมินคู่แข่ง
ซูจิ่ว รับข้อมูลกลับมา: “ ใช่ค่ะ ตั้งแต่เขาเข้าไปทำงานในบริษัทตระกูลเย่ บริษัทตระกูลเย่ก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน ทิศทางของทางบริษัทที่อยู่ในเมืองเป่ย ก็ครอบคลุมบริษัทตระกูลหานของเราไปแล้วด้วย เขาใช้ใบหน้าเย่อหยิ่งแสดงให้คนอื่นเห็นมาโดยตลอด เพราะฉะนั้น ทุกคนจึงไม่กล้ายุแหย่จอมมารของบริษัทตระกูลเย่ ครั้งนี้พวกเขาเป็นฝ่ายเข้ามาขอทำการร่วมมือเอง จึงทำให้รู้สึกคาดไม่ถึงนิดหน่อย ใช่แล้วค่ะท่านประธานหาน นี่คือผู้ช่วยคนใหม่ของบริษัทตระกูลเย่ ฉันได้ทำแบบสำรวจโดยสังเขปไว้ให้คุณแล้วค่ะ ”
ซูจิ่ว ส่งข้อมูลอีกหนึ่งฉบับไปให้เขา
หานชิงกวาดสายตามอง ดวงตาว่างเปล่าปรากฏอารมณ์ผิดปกติขึ้น สายตาของเขาไปหยุดอยู่บนใบหน้าของเสิ่นเฉียว
ใบหน้าของผู้หญิงคนนี้……ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าจัง?
“ ท่านประธานหานคะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? ” ซูจิ่ว พูดถามขึ้น
หานชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นิ้วอวบลูบไปที่บนดวงตาของหญิงสาว ถึงแม้ว่าผู้หญิงในรูปจะกำลังยิ้ม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเงียบเหงา เหมือนทะเลกว้างใหญ่ที่มองแล้วหาที่สุดไม่ได้ ไม่มีตัณหาและอารมณ์ส่วนเกินใดๆในนั้น
เกิดความเงียบขึ้น
ดวงตาแบบนี้……เขาเคยเห็นอยู่แค่คนเดียว
“ อ้อ ใช่แล้วค่ะ ตามที่ได้สำรวจมา คุณเสิ่นเฉียวคนนี้ยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นของคุณหนูเส่โยวอีกด้วยค่ะ ”
หานชิง: “ เพื่อนร่วมชั้น? ”
“ ใช่ค่ะ ”
หานชิงจ้องรูปภาพอยู่สักพักใหญ่ สายตาของเขาไม่เคลื่อนไปไหน ซูจิ่ว ทำงานกับหานชิงมาเป็นเวลาหลายปี ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย: “ ท่านประธานหานชอบผู้หญิงคนนี้หรอคะ? ”
หานชิง: “ …… ” เขากวาดสายตาไปมองเธออย่างเย็นชา ซูจิ่ว รีบก้มหน้าลงไปทันที: “ ซูจิ่ว พูดผิดไปแล้วค่ะ ”
หานชิงเก็บข้อมูลที่มีรูปภาพ พับเป็นสี่เหลี่ยม และยัดใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทของตัวเอง “ วันนี้ที่ต้องไปเจอก็คือคนนี้หรอ? ”
“ ใช่ค่ะ ”
“ ไปกันเถอะ ”
*
ห้าชั่วโมงผ่านไป เครื่องบินที่หานชิงนั่งมา ก็มาถึงเมืองเป่ยเป็นที่เรียบร้อย
เสิ่นเฉียวรู้ว่าเขาจะออกมาจากสายการบินนี้ ดังนั้น เธอจึงมารอที่สนามบินล่วงหน้า เจรจาเรื่องงานจะต้องมีความจริงใจ เรื่องนี้เธอเข้าใจดี เมื่อก่อน เธอเคยได้รับโอกาสจากคนอื่นมาก็ไม่น้อย และพลาดไปก็ไม่น้อยเหมือนกัน
คนในสนามบินเยอะมาก เสิ่นเฉียวจ้องสายการบินที่แสดงอยู่บนหน้าจอ ในที่สุดเธอก็มองเห็นเครื่องบินที่หานชิงนั่งมา ได้ลงจอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอถามผู้ช่วยของหานชิง และรู้ว่าหานชิงจะออกมาจากทางผู้โดยสาร VIP
หลังเครื่องลงจอด ซูจิ่ว ก็ได้นำโทรศัพท์ของหานชิงมาเปิดเครื่อง ตอนที่เตรียมจะติดต่อเสิ่นเฉียว โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
ซูจิ่ว กดรับด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ หลังจากนั้นใบหน้าก็ปรากฏความแปลกใจขึ้น: “ คุณพูดว่าอะไรนะ? คุณมา……รับเราหรอ? ”
หานชิงที่ยืนอยู่ข้างๆมองเธอเล็กน้อย ซูจิ่ว กระแอมไอเบาๆ และพูดขึ้น: “ ท่านประธานหานคะ ผู้ช่วยเสิ่นมารับเราที่สนามบินค่ะ เธอกำลังรออยู่ด้านนอก ”
เดิมที ซูจิ่ว คิดว่าหานชิงจะขมวดคิ้ว แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะทำเพียงแค่หน้าเย็นชา: “ ยังถือว่ามีความจริงใจ ไปกันเถอะ ”
“ ค่ะ ” ซูจิ่ว รีบเดินตามไปทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่หานชิงจำผู้หญิงคนนึงที่อยู่ในฝูงคนมากมายได้
แม้ว่าตอนที่จำหานเส่โยวได้นั้น หานชิงก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้เลยสักนิด
แต่ครั้งนี้ ตอนที่เขาเดินมาถึงทางออก ดวงตาที่คมเหมือนเหยี่ยวกลับสามารถมองเห็นเสิ่นเฉียว ที่ยืนอยู่ในฝูงคนได้อย่างรวดเร็ว