บทที่ 1234 ไม่ใช่แฟนเก่า
เห็นเธอพูดถึงเรื่องในคืนนั้น เซียวซู่ก็รู้สึกปวดหว่างคิ้ว คืนนั้นเป็นเขาเองที่ดึงมือของคนอื่นโดยไม่ยอมปล่อย จนทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอต้องนั่งหลับข้างเตียง สุดท้ายขายังชาอีกด้วย
และหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมายังเข้าใจเธอผิด
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เซียวซู่รู้สึกผิดต่อเธอ จึงได้ตอบตกลง
“รู้แล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นเขาตอบตกลง ทันใดนั้นใบหน้าก็ปรากฏด้วยรอยยิ้ม
รู้ว่าเขาต้องตกลงอยู่แล้ว ดูแล้วเหมือนเขาจะรู้สึกผิดต่อตัวเธอเองไม่น้อย เดิมทีเธอแค่เอ่ยไปงั้นแหละ ไม่คิดว่าจะยอมง่ายๆแบบนี้
ไม่นานก็ถึงบ้าน
ตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋ลงจากรถนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็บ่นพึมพำที่ข้างกายของเขาตลอดเวลา
“สิ่งที่ฉันพูดกับคุณเมื่อกี้คุณจำได้หรือยัง? วันเกิดของฉัน ยังมีเพื่อนของฉัน ยังมีเรื่อง……….”
เซียวซู่มองเธอเหมือนกับคนงี่เง่า
“คุณคิดว่าเวลาสั้นๆแค่นี้ ผมจะสามารถจำมันได้หมดเหรอ?”
เจียงเสี่ยวไป๋ใบกินไปชั่วขณะ
“คุณพูดอะไรนะ? จำไม่ได้สักข้อเลยเหรอ?”
เซียวซู่ไม่ได้ตอบ พูดตามตรงเขาได้ลืมไปหมดแล้ว เพราะเขาไม่ได้มีความในใจวันเกิดราศีอะไรพวกนี้ของคนที่ไม่สนิท ดังนั้นตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดนั้นเขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย เพียงแต่เห็นท่าทางที่บ่นพึมพำของเธอ ก็ได้ทำให้เขาคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา
เสี่ยวเหยียน……..
ได้ยินมาว่าเธอและหานชิงเดินทางไปเที่ยวด้วยกัน ตอนนี้เธอน่าจะมีความสุขมากใช่มั้ย?
ในที่สุดก็สมความปรารถนาแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความขมขื่นในใจของเซียวซู่ได้เกิดขึ้นมาอีกระลอก ค่อยๆแผ่กระจายขยายวงกว้าง
เจียงเสี่ยวไป๋ที่ฉลาดหลักแหลม มองแวบเดียวก็รู้ว่าเซียวซู่ไม่ปกติ เธอหรี่ตาลงแล้วคิด จู่ๆก็โมโห: “แม่ง คุณนี่มันเกินไปป่าว! ในขณะที่ฉันกำลังสนทนากับคุณ คุณกลับคิดถึงแฟนเก่า?”
น้ำเสียงของเธอได้ดึงสติของเซียวซู่กลับมา จากนั้นเขาใช้สายตาที่ซับซ้อนมองเธอไปแวบหนึ่ง ก็ตอบกลับ: “ไม่ใช่แฟนเก่า”
“อะไรนะ? ไม่ใช่แฟนเก่า??? หรือว่าก่อนหน้าแฟนเก่า?”
“……”
เห็นท่าทางที่ไม่พูดของเขา จู่ๆเจียงเสี่ยวไป๋ก็เหมือนจะคิดอะไรออก ยกมุมปากขึ้น: “คุณคงไม่ใช่…….จีบก็ยังจีบไม่สำเร็จนะ???”
เซียวซู่ปฏิเสธที่จะพูดกับเธอ พูดอย่างเรียบเฉย: “ต่อหน้าแม่ของคุณผมจะแสดงออกมาให้ดีที่สุด ไม่ทำให้คุณความแตก”
“เฮ้ย ฉันว่าคุณมันน่าสงสารเกินไปป่ะ? อกหักทั้งๆที่ยังจีบไม่สำเร็จ หรือว่าคุณรักเธอข้างเดียว ไอ้หยา……ครั้งก่อนฉันแค่เดาเหตุการณ์ไปเรื่อยกลับเป็นเรื่องจริงซักงั้น รู้สึกว่าตัวเองสามารถไปตั้งโต๊ะรับดูดวงได้แล้วนะเนี่ย” อย่างไรก็ตามเจียงเสี่ยวไป๋นั้นไม่ได้คิดที่จะปล่อยเขาไปง่ายๆ ยังคงพูดอย่างต่อเนื่อง
“ตกลงคุณยังอยากจะให้ผมปลอมเป็นแฟนคุณอยู่อีกหรือเปล่า? หากไม่อยาก ผมก็จะกลับ”
พูดจบ เซียวซู่ทำท่าจะหันหลังจากไป เจียงเสี่ยวไป๋รีบคว้ามือของเขาเอาไว้ :รอก่อน เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง งอนทำไมละ? ก็ต้องอยากอยู่แล้ว เราขึ้นไปตอนนี้เลย”
“ปล่อยมือ” เซียวซู่พูดด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ปล่อย กลับยิ่งกอดแขนของเขาแนบแน่นกว่าเดิม และพูดอย่างจริงจัง: “จะปล่อยได้ไง? ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่แน่แม่ฉันอาจจะแอบมองดูอยู่ ตอนนี้ปล่อยมือความแตกจะทำไง? ตั้งแต่ตอนนี้ เราก็เป็นแฟนกันแล้ว ไม่สำเร็จก็อาจจะตาย คุณอยากทำร้ายฉันนะ!!”
พูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋กลัวว่าเซียวซู่จะไม่ร่วมมือดีๆ ก็ได้พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค: “คุณเคยทำให้ฉันเสียผมไปส่วนหนึ่ง ห้ามทำให้ฉันต้องโดนบังคับแต่งงานอีกนะ หากฉันโดนบังคับจนไม่มีหนทาง ผมของฉันก็อาจจะร่วง เมื่อถึงเวลาส่วนที่คุณดึงออกผมก็อาจจะไม่ขึ้นอีก ชาตินี้คุณจะสบายได้มั้ย?”
เซียว: “…………”
ผู้หญิงคนนี้ ……….ช่างพาลเสียงจริง
แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเธอดี
“อิอิ ไปเถอะ” เจียงเสี่ยวไป๋กอดแขนของเขาไว้แล้วเดินขึ้นไปข้างบน
ตอนที่ถึงลิฟต์นั้น พอดีเจอกับน้าที่อยู่ตรงข้ามบ้านเธอที่เพิ่งจะไปซื้อกับข้าวมา เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ที่ควงผู้ชายไว้ ทันใดนั้นก็มองเธออย่างสงสัย
“เสี่ยวไป๋ คนนี้คือแฟนของเธอเหรอ?”
ได้ยินแบบนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยิ่งกอดเซียวซู่แน่นขึ้นเล็กน้อย พิงไปที่ไหล่ของเขาอย่างสนิทสนม พลางพยักหน้าพลางยิ้มหวานๆ ดวงตาคู่นั้นของเธอยิ้มจนเกือบจะเหมือนพระจันทร์เสี้ยวแล้ว: “ใช่ค่ะ มีแฟนแล้วก็เลยพากลับมาให้แม่ของฉันดูหน่อย น้าสวี น้าเพิ่งกลับมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตเหรอ”
น้าสวีที่เป็นเพื่อนบ้านใช้สายตามองสำรวจเซียวซู่ สายตานั้นมองเหมือนตรวจสอบเลย ทำให้คนรู้สึกอึดอัด เพียงแต่เจียงเสี่ยวไป๋รู้นิสัยของเพื่อนบ้านดี ลูกสาวคนอื่นมีแฟน ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับพวกเขาอะไรทำนองนั้น ดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรก็ให้พวกเขาสำรวจให้พอ
อย่างไรก็ตามเซียวซู่เป็นผู้ชายที่ตัวสูง หน้าตาก็หล่อเหลา เสียที่หน้ามีแผลเป็น เลยทำให้เขาดูดุเล็กน้อย
ในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจียงเสี่ยวไป๋เห็นว่าเพื่อนบ้านของเขาจ้องมองไปที่รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเซียวซู่ ถึงขนาดถามออกมาด้วย
“เอ๊ะ บนใบหน้าของแฟนเธอมันยังไงกันเหรอ? เคยได้รับบาดเจ็บเหรอ?”
ได้ยินแบบนี้ เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะค้อนในใจ
จริงๆแล้วเธอกับเขาเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง ต่อให้ครั้งนี้เธอจะให้เขามาแสดงเป็นแฟนของตัวเอง เธอก็ยังไม่เคยคิดที่จะถามเซียวซู่ว่าแผลเป็นบนใบหน้าเกิดขึ้นได้ยังไง
ถึงอย่างไรก็เป็นแผลของคุณอื่น เป็นเรื่องที่ไม่ดีที่จะไปถามเรื่องแบบนี้
สิ่งที่เธอไม่คิดจะทำ คิดไม่ถึงว่าน้าสวีได้ทำมันแล้ว และยังมาทำต่อหน้าประตูลิฟต์ที่มีผู้คนมากมาย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มหวานๆ ตอนนี้ได้กลายเป็นความไม่พอใจแล้ว เธอก็ไม่ได้ตอบถามคำนี้ แต่ได้ถามกลับไปโดยตรง” น้าสวี ฉันไม่ได้กลับมานานแล้ว เพิ่งจะกลับมาก็ได้ยินว่าลูกสะใภ้ของน้าเหมือนจะหนีไปแล้ว?”
เป็นดังเช่นนั้น น้าสวีได้ฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“เธอ เธอไปฟังใครมา?”
เจียงเสี่ยวไป๋ทำหน้าที่ไร้เดียงสาแล้วกล่าว: “แถวนี้คนพูดกันเยอะแยะ หรือว่ามันไม่จริง? หนูก็รู้สึกว่าไม่ใช่ ลูกสะใภ้ของน้าทั้งสวยทั้งเก่ง การศึกษามารยาทก็ดี ดูแล้วก็ไม่เหมือนคนที่จะทิ้งสามีได้นะ”
น้าสวีสีหน้าเปลี่ยนไปดูแย่มาก “เสี่ยวไป๋ เธอพูดแบบนี้ได้ไง แม่เธอนินทาฉันลับหลังใช่มั้ย? พวกเธอสองแม่ลูกนี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ วันๆก็เอาแต่นินทาว่าร้ายลับหลังคนอื่น”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างใจเย็น “ที่ไหนกัน การนินทาว่าร้ายคนอื่นของฉันกับแม่ยังสู้เศษหมื่นส่วนหนึ่งของน้าสวีไม่ได้เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋เพิ่งจะมาซื้อบ้านเมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะตอนนั้นแม่ของเธอได้เริ่มรบเร้าให้เธอแต่งงาน และเธอที่ต้องการความสงบจึงได้ย้ายออกไป เมื่อก่อนตอนที่อยู่ตรงนี้ก็ได้ยินการนินทาของเพื่อนบ้านบ่อยๆ พูดเรื่องที่ไม่น่าฟังกัน
“เธอ!” น้าสวีโมโหมาก พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “คิดไม่ถึงหลายปีที่ผ่านมา ยัยเด็กน้อยอย่างเธอก็ยังไม่เหมือนผู้เหมือนคน แม่เธอก็เหลือเกินจริงๆ เลี้ยงลูกสาวโตป่านนี้แล้วก็ยังไม่รู้จักสั่งสอนดีๆ อนาคตจะแต่งออกได้ยังไง ฉันจะบอกใครบางคนให้นะ การแต่งเมียต้องแต่งกับคนที่มีคุณธรรมเคยได้ยินมั้ย? อย่าให้ความสวยมาบังตาล่ะ!”
คำพูดประโยคนี้มีความหมายแฝง ขณะที่พูดน้าสวียังจงใจมองไปทางเซียวซู่