บทที่1242 หน้าบางขนาดนี้เลย
คิดไม่ถึงเลยว่าเวลาจะผ่านไปรวดเร็วขนาดนี้ ตอนแรกตอนที่เพิ่งเริ่มทริปเที่ยวนี้ภายในใจของเธอยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่มาก
ตอนนี้เวลากลับผ่านเลยมาครึ่งนึงแล้ว
เสี่ยวเหยียนทำได้เพียงแค่ตอบกลับคำว่า อืม กลับไป
หลังจากนั้นเสี่ยวเหยียนก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ผืนน้ำทะเล
ทะเลในตอนกลางคืนสวยมาก เพราะว่าพวกเธอนั้นอยู่ตรงนี้ตลอด ดังนั้นก็เลยมองเห็นวิวที่พระจันทร์กำลังโผล่ขึ้นมาจากผืนน้ำ
ตามระยะทางที่ห่างไกล เสี่ยวเหยียนมองเห็นพระจันทร์ดวงใหญ่มากครึ่งดวงลอยขึ้นมา ดวงครึ่งหนึ่งราวกับว่าซ่อนตัวอยู่ในน้ำ แต่ว่าอีกครึ่งหนึ่งที่ลอยขึ้นมาก็อยู่ตรงกึ่งกลางน้ำพอดี ดังนั้นก็เลยเกิดเป็นพระจันทร์เต็มดวงขึ้น สวยเป็นพิเศษ
เธออดไม่ได้อีกครั้ง แล้วถ่ายภาพตรงหน้านี้เอาไว้ แล้วส่งมันให้หานมู่จื่อต่อ ผลลัพธ์กลับพบว่าหานมู่ชิงกลับไม่ได้ตอบกลับข้อความของเธอ ข้อความของอีกฝ่ายกลับแสดงออกว่ากำลังพิมพ์อยู่ตลอด
อืม? เสี่ยวเหยียนรู้สึกประหลาดเล็กน้อย เท้าคางแล้วส่งรูปของพระจันทร์ไป
ผลลัพธ์คือทางด้านของหานมู่จื่อกลับมีการแสดงว่ากำลังพิมพ์อยู่อย่างต่อเนื่องอยู่สองสามครั้ง จากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก เสี่ยวเหยียนคิดว่ามันแปลกมากๆ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? เมื่อก่อนที่หานมู่จื่อกับตัวเองพิมพ์ข้อความหากันเหมือนว่าจะไม่เคยเกิดอะไรแบบนี้มาก่อน
“แกเป็นอะไรเนี่ย?”
หานมู่จื่อส่งเครื่องหมายจุดจุดจุดมาอีกครั้ง ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเธอก็ส่งสติ๊กเกอร์น่ารักๆมาให้
“ไม่มีอะไร ก็แค่คิดเรื่องๆนึงออกแล้วอย่างจะบอกแก แต่ว่าเมื่อกี้ฉันคิดๆไปคิดๆมายังไงรอแกกลับมาก่อนแล้วค่อยบอกแกดีกว่า ตอนนี้แกไปเที่ยวให้สนุกเถอะ”
“หา? เรื่องอะไรที่ต้องรอฉันกลับไปถึงจะบอกได้? บอกฉันตอนนี้เลยสิ”
เธอไม่พูดก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอพูดออกมาเสี่ยวเหยียนก็โดนสะกิดใจให้อยากรู้ไปหมด ต้องเร่งให้หานมู่จื่อบอกเธอล่วงหน้า หานมู่จื่อเห็นทางฝั่งของเสี่ยวเหยียนนั้นถามไม่หยุด คิ้วเรียวก็เลิกขึ้น
เธอกัดริมฝีปากล่าง คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
เพราะว่าเย่โม่เซินพาเสี่ยวโต้วหยา ไป แถมหานชิงก็ออกไปข้างนอกอีก ดังนั้นหานมู่จื่อก็เลยคิดว่าจะพาเสี่ยวหมี่โต้วไปเดินเล่นในบริษัท
ปรากฏว่า การเดินเล่นครั้งนี้เดินจนเกิดเรื่องเสียได้
ที่หน้าประตูบริษัทรั้งตัวผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ บอกว่าต้องการจะพบหานชิง บอกว่าตัวเองนั้นเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขา แต่ว่าเธอแต่งตัวมอซอ ถ้าเกิดว่าตอนนี้ไม่ใช่ยุคของความสงบสุข หานมู่จื่อนึกว่าเธอนั้นหนีมาจากสนามรบจริงๆแล้ว
แน่นอนว่าพนักงานต้อนรับของบริษัทตระกูลหานกับรปภ.ไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้เข้าไป ยังไงเสียทั้งตัวของเธอนั้นสกปรกมอมแมม แถมยังไม่ได้ทำการนัดเอาไว้ล่วงหน้าอีก จะมีทางปล่อยให้เธอไปเจอได้ยังไง
แต่ว่าเธอก็ไม่ยอมไป รออยู่ที่หน้าประตูเรื่อยๆตลอด ขอแค่พนักงานต้อนรับกับรปภ.ของบริษัทตระกูลหานเริ่มทำงาน เธอก็มาขอร้องทันที
ตอนที่หานมู่จื่อพาเสี่ยวหมี่โต้วไป ก็ได้พบเข้ากับภาพตรงหน้านี้พอดี
“ขอร้องคุณเถอะนะ ฉันรู้จักท่านประธานหานของพวกคุณจริงๆ ตอนเด็กๆฉันเป็นเพื่อนเล่นของเขา เพียงแค่ตอนหลังขาดการติดต่อกันไปเท่านั้นเอง คุณช่วยฉันหน่อยนะ ขอแค่ฉันได้เจอเขาครั้งเดียว เขาก็สามารถที่จะจำฉันได้ทันที ถึงตอนนั้นฉันจะรู้สึกซาบซึ้งพวกคุณมากแน่ๆ”
พนักงานต้อนรับคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นคนๆเดียวกับที่เคยสร้างปัญหาให้กับเสี่ยวเหยียนพอดี ดังนั้นสายตาที่เธอใช้มองผู้หญิงคนนี้บอกได้ตรงๆเลยว่ารังเกียจมากที่สุด
“เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก คุณคงไม่ได้คิดอยากจะบอกฉันใช่ไหมว่าคุณกับท่านประธานหานของพวกเราเคยหมั้นกันแล้วหรอกใช่ไหม?”
ผู้หญิงคนนั้นโดนถามแบบนี้ ก็ชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พยักหน้า
พนักงานต้อนรับหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างอดไม่ได้ หัวเราะจนน้ำตาแทบจะเล็ดออกมา
“โอ๊ย อีแม่เอ้ย……ฉันก็แค่ถามๆไปอย่างนั้น คุณยังกล้าพูดนะ? ถ้าเกิดว่าคุณเคยหมั้นกับท่านประธานหานของเราตอนเด็กๆ อย่างนั้นตอนเด็กๆฉันกับเขาก็เคยอาบน้ำอ่างเดียวกันแล้วล่ะ”
หญิงคนนั้น “…… ฉันพูดจริงๆนะ ถ้าคุณไม่เชื่อคำพูดของฉัน ก็ให้เขาลองมาเจอหน้าฉันดู”
“พรืด ฉันขำแทบตายแล้ว แค่คุณพูดฉันก็ต้องเชื่อ? ฉันไม่เชื่อฉันก็ต้องตามท่านประธานหานมาเจอคุณ? ประธานหานของเราวันๆหนึ่งต้องจัดการงานหลายอย่าง จะมีเวลามาเจอคนแปลกหน้าอย่างคุณยังไง?”
“ฉัน ฉันไม่ใช่คนแปลกหน้าจริงๆนะ” ผู้หญิงคนนั้นหน้าแดงขึ้นมา กัดริมฝีปากล่างของตัวเองเอาไว้ ทำหน้าตาขายหน้า “ฉันรู้จักกับเขาจริงๆ เพียงแค่……”
“โอเค จะถือว่าพวกคุณรู้จักกันก็ได้ แต่ว่าคุณผู้หญิงคนนี้ ทุกๆวันมีผู้หญิงแบบคุณจำนวนไม่น้อยมาหาประธานหาน แถมทุกๆคนก็บอกว่าตัวเองกับท่านประธานหานของพวกเราสนิทกันพอสมควร ถ้าเกิดว่าทุกๆคนมาแล้วประธานหานก็มาเจอครั้งหนึ่ง อย่างนั้นเขายังจะต้องเป็นประธานอีกไหม? มาเป็นพนักงานต้อนรับต้อนรับคอยต้อนรับผู้หญิงที่คิดจะบินขึ้นไปเกาะยอดไม้เพื่อจะเป็นหงส์อย่างพวกคุณก็พอละมั้ง?”
หญิงสาวโดนคำพูดของเธอทำให้เป็นใบ้พูดอะไรไม่ออก ใบหน้าเห่อแดง แม้แต่คำเดียวก็พูดออก
“ฉันว่านะ หน้าตาคุณก็นับว่าพอใช้ได้ อยากจะเป็นหงส์บินขึ้นไปเกาะยอดไม้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทาง ฉันแนะนำสถานที่นึงให้คุณ คุณไปแล้วไม่แน่ว่าอาจจะได้อยู่ใกล้ชายแก่ๆสักสองสามคน ไปเป็นเมียน้อยก็ถือว่าไม่เลวนะ”
หญิงสาวโดนคำพูดเข้าไป สีหน้าก็กลายเป็นแข็งทื่อ ดวงตาทั้งสองข้างมีน้ำตาคลอ ราวกับว่าโดนคนทำให้อับอายอย่างไรอย่างนั้น “คุณไม่ช่วยฉันก็ช่างมันเถอะ ทำไมต้องพูดคำพูดพวกนี้ออกมาให้คนอื่นอับอายด้วย? ฉันบอกแล้วว่าฉันรู้จักหานชิงก็คือรู้จักหานชิง ไม่ได้โกหกแม้แต่ครึ่งคำ!”
“อ้าว ไม่ใช่ว่าอยากจะเกาะคนรวยหรอกเหรอคะ? ฉันแค่ว่าคุณไม่กี่คำก็โมโหเสียแล้ว? หน้าบางขนาดนี้ ต่อไปคุณจะไปยั่วผู้ชายยังไงล่ะ?”
คำพูดของพนักงานต้อนรับรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้หญิงคนนั้นโดนทำให้โมโหไม่น้อยแล้ว น้ำตาร่วงเผาะลงมา ดูแล้วท่าทางดูน่าสงสารมากๆ
“ฉันไม่ได้มายั่วผู้ชายคนอื่นจริงๆ ฉันแค่มาตามหาเขาจริงๆ”
หานมู่จื่อที่ยืนอยู่ข้างๆได้มองเห็นสถานการณ์ตรงหน้า มองสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นเหมือนว่าจะโดนกระทำที่ใหญ่ แถมเสื้อผ้าที่เธอสวม ความจริงแล้วก็ค่อนข้าง…….
คงไม่ใช่เพราะเพื่อที่จะมาตามหาหานชิงแล้วแต่งตัวแบบนี้หรอกใช่ไหม?
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ ปกเสื้อของหานมู่จื่อก็โดนคนดึงแล้วก็ดึง เธอก้มลงไปแล้วก็มองเห็นเสี่ยวหมี่โต้วที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ
มองเห็นเสี่ยวหมี่โต้ว ภายในใจของหานมู่จื่อก็มีเสียงร้องออกมาว่า เวรล่ะ
บทสนทนาเมื่อกี้มันระคายหูขนาดไหน ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะมาได้ยิน ถึงตอนนั้นเด็กน้อยเรียนอะไรที่ไม่ดีๆไปจะทำยังไงดีล่ะ? ดังนั้นหานมู่จื่อก็เลยติดสินใจย่อตัวลงทันที เธออ้าปากพูดอย่างยิ้มแย้ม “เสี่ยวหมี่โต้ว บทสนทนาเมื่อกี้ของพี่สาวสองคน หนูได้ยินหรือเปล่าจ๊ะ?”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้า
ยังไงล่ะ เธอเองยังได้ยินชัดแจ๋ว นับประสาอะไรกับเสี่ยวหมี่โต้วล่ะ แถมวัดจากไอคิวของเขา ดูเหมือนว่าจะฟังเข้าใจอีกด้วย
คิดถึงจุดนี้ หานมู่จื่อก็ค่อยๆอธิบายอย่างใจเย็น
“หม่ามี๊สามารถอธิบายกับลูกได้ แต่ว่าเสี่ยวหมี่โต้วไม่ต้องไปคิดมากนะ เข้าใจไหมครับ? พนักงานต้อนรับก็มีหน้าที่ของพนักงานต้อนรับ ถึงแม้ว่าเธอจะพูดจาหยาบคาย นี่เป็นปัญหาของนิสัยของเธอ เข้าใจไหมครับ?”
ที่จริงคำพูดนี้ หานมู่จื่อรู้ว่าต่อให้ตัวเองไม่พูด เสี่ยวหมี่โต้วเองก็รู้ได้ เพียงแต่ว่าเป็นลูกของตัวเอง ดังนั้นเธอเลยคิดที่จะอธิบายอย่างใจเย็นอีกรอบ
สุดท้าย เสี่ยวหมี่โต้วก็ยื่นแขนออกมากอดคอของหานมู่จื่อเอาไว้แป๊บหนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาอย่างหวานซึ้ง “หม่ามี๊วางใจเถอะครับ เสี่ยวหมี่โต้วเข้าใจครับ”
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว” หานมู่จื่อยิ้มบางๆ ลูบไปเบาๆบนหัวของเสี่ยวหมี่โต้ว “ไป พวกเราไปดูกันดีกว่า”
“อือๆ”
หานมู่จื่อจับมือของเสี่ยวหมี่โต้วมาจับไว้
เมื่อก่อนข้างๆตัวของหานชิงไม่มีผู้หญิง แต่ว่ามีน้องสาวหนึ่งคนเรื่องนี้ แถมเขายังเป็นซิสเตอร์คอน(คนที่เป็นพี่ชายชอบน้องสาวหรือรักน้องสาวมาก)เรื่องนี้ หลายๆคนรู้
ดังนั้นในตอนที่เธอจับมือของเสี่ยวหมี่โต้วแล้วปรากฏตัวขึ้น ทุกๆคนถึงได้รู้แล้วก็เข้ามาต้อนรับ