บทที่ 1252 ฉันใส่อารมณ์อะไร
หลังจากช็อคได้ครู่นึง หานมู่จื่อยิ้มขึ้นมาอ่อนๆ ยัยบ๊องคนนี้………..ดุดันกว่าที่เธอจินตนาการไว้จริงๆซะด้วย
จำได้ดีเป็นพิเศษ เมื่อนานมาแล้ว เสี่ยวเหยียนยังบอกกับตัวเองอยู่เลย ว่าเธอจะต้องมีอะไรกับหานชิงให้ได้
แถมยังเป็นแบบจับกดขึ้นขย่มแบบนั้นด้วย
ในที่สุดตอนนี้เธอก็สมดังปรารถนาได้นอนกับหานชิงแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่า………..จับกดขึ้นขย่มจริงหรือเปล่า
หัวข้อที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวแบบนี้ แถมยังเกี่ยวพันถึงพี่ชายของตัวเอง หานมู่จื่ออายที่จะถามจริงๆ ถึงแม้เธอเองก็แปลกใจมาก
กำลังครุ่นคิดอยู่ เสี่ยวเหยียนก็ได้ส่งข้อความมาอีกหนึ่งข้อความ
“มู่จื่อ ทำไมเธอไม่พูดล่ะ?”
เอ่อ………..หานมู่จื่อจับโทรศัพท์ไว้ สีหน้าค่อนข้างไปต่อไม่ถูก
เธอจะต้อง…..พูดอะไรด้วยเหรอ?
คิดไปคิดมา หานมู่จื่อได้แต่พิมพ์ข้อความกลับคำนึง
“ยินดีด้วยนะ”
ตอนที่เห็นคำนี้ เสี่ยวเหยียนดีใจแทบแย่ พอตื่นเต้นก็อดไม่ได้ที่จะกลิ้งสองไปกลิ้งมา
ไม่กลิ้งยังดี พอกลิ้งปุ๊บก็ปวดเมื่อยจะแย่อยู่แล้ว
ถึงแม้หานมู่จื่อเป็นน้องสาวของหานชิง แต่เสี่ยวเหยียนก็มีแค่เพื่อนรักอย่างเธอคนเดียว เกิดเรื่องแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่อยากจะเล่าให้เธอฟัง
ได้คำอวยพรจากเธอ ในใจของเสี่ยวเหยียนย่อมดีใจแทบแย่อยู่แล้ว
เสี่ยวเหยียนใจเย็นลงมา กัดริมฝีปาก อดไม่ได้ที่จะส่งข้อความให้หานมู่จื่ออีก
“เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่กับคุณชายเย่ ครั้งแรกจะเจ็บเหมือนกันหรือเปล่า?”
หานมู่จื่อ ………..
เธอค่อนข้างจะร้องไห้ไม่ได้หัวเราะก็ไม่ใช่ ยัยบ๊องคนนี้นี่กล้าพูดและกล้าถามทุกอย่างจริงๆเลยนะ แต่พอมาคิดอย่างละเอียดแล้ว เสี่ยวเหยียนก็มีแค่เพื่อนรักอย่างเธอคนเดียว นาทีนี้คงอัดอั้นจะแย่แล้ว ไม่พูดกับตัวเองแล้วจะพูดกับใครได้?
พอคิดแบบนี้แล้ว พริบตาเดียวหานมู่จื่อก็เข้าใจเธอเลย แต่พอถูกเธอเตือนแบบนี้ปุ๊บ ความคิดของหานมู่จื่อก็ล่องลอยไปไกลตามเธอเลย
ถ้าจะบอกครั้งแรกของเธอ มันช่างน่าเวทนาจริงๆ ตอนนั้นเธอไม่รู้เลยว่าคนๆนั้นคือใคร อีกอย่างวันนั้นเพิ่งหย่ากับหลินเจียง ต่อมาก็เก็บข้าวของจากไปในคืนนั้นเลย จากนั้นท้องฟ้ากำลังฝนตกหนัก เธอตักฝนจนเปียกไปทั้งตัว แถมเกือบจะถูกชน ต่อมาก็ถูกคน………..
คิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อค่อนข้างโกรธกริ้ว
เย่โม่เซินไอ้สารเลวคนนี้!
ตอนนั้นเขาว่ายังไงนะ บอกว่าในเมื่อคุณส่งมาถึงที่ งั้นก็อย่าโทษผมนะ? ?
ถึงแม้ตอนนั้นเธอก็เคยประสบเรื่องที่เจ็บปวดใจเหลือเกิน แต่สุดท้ายก็ได้สมหวังกับเย่โม่เซิน เพราะฉะนั้นตอนนี้นึกย้อนขึ้นมาแล้ว รู้สึกเย่โม่เซินเป็นหมาชัดๆ!
ตอนนั้นถ้ามีผู้หญิงคนไหนก็ได้เข้ามาคนนึง เขาก็ไม่พลาดที่จะมีอะไรด้วยใช่หรือเปล่า?
คิดถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่างไว้แล้วเริ่มพิมพ์ข้อความ
“เจ็บสิ แถมรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด”
เสี่ยวเหยียนเห็นข้อความนี้แล้ว นึกย้อนถึงครั้งแรกของหานมู่จื่อ ตระหนักได้ว่าน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา จึงได้รีบเปลี่ยนประเด็น
“มู่จื่อ ฉันบอกจะมีอะไรกับพี่ชายเธอ ตอนนี้ได้มีอะไรด้วยกันจริงๆแล้ว ฉันเก่งมากเลยใช่มั้ย~”
ตอนท้ายยังได้เพิ่มคำว่าฉันเป็นเด็กดีมาก ขอรูปอิโมจิที่ชมเธอหน่อย
หานมู่จื่อกดเข้าไปในอิโมจิหาไปครึ่งค่อนวัน เลือกอิโมจิที่แทนคำว่าเจ๋งสุดยอดให้เธอ
จากนั้นทั้งสองได้คุยกันอีกไม่กี่คำ เย่โม่เซินก็กลับมาแล้ว พอเข้ามาในบ้านปุ๊บก็เห็นเธอกำลังดูโทรศัพท์อยู่ เขาทำตามความเคยชิน ประชุมเสร็จกลับมาก็กอดเธอก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็จับหน้าเธอไว้จะจูบลงไป
เดิมทีหานมู่จื่ออยากทำตามใจเขาอยู่ แต่พอนึกถึงเรื่องของเมื้อกี๊ ก็ได้ผลักเย่โม่เซินออกอย่างไม่สบอารมณ์
เธอไม่เคยผลักเขามาก่อน นาทีนี้เย่โม่เซินถูกผลักออกอย่างกะทันหัน คนทั้งคนยืนอึ้งอยู่กับที่ไปครู่นึง
สองวินาทีผ่านไป แววตาดำเข้มของเขาหล่นอยู่ที่ใบหน้าด้านข้างของเธอ เขาถามอย่างใจเย็นและอ่อนโยน “เป็นอะไรไปครับ?”
หานมู่จื่อขี้เกียจสนใจเขา หลังจากเธอเก็บมือถือเสร็จก็ได้อุ้มเสี่ยวโต้วหยาขึ้นมา หยอกคางของเสี่ยวโต้วหยาเล่น เธอมือเบามาก เสี่ยวโต้วหยาถูกเธอหยอกจนหัวเราะเสียงดัง
เย่โม่เซินเห็นสถานการณ์แล้ว ก็ได้เดินไปหาเธออีกครั้ง ใครจะไปรู้ว่าพอหานมู่จื่อเห็นเขาเดินมา เธอก็อุ้มเสี่ยวโต้วหยาหันหลังจากไปโดยตรงเลย
เหลือไว้แค่เขาที่ยืนอยู่กับที่ ในใจเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
หรือว่า คืนนี้เขาประชุมกลับมาดึก? ดังนั้นเธอก็เลยโกรธตัวเอง?
คิดถึงตรงนี้ เย่โม่เซินก้าวเท้ายาวเดินตามหลังไป
หานมู่จื่ออุ้มเสี่ยวโต้วหยาเดินเล่นไปมาอยู่ที่วิลล่าไห่เจียง ตลอดทางเสี่ยวโต้วหยาลืมตามองดูรอบๆด้วยความแปลกใหม่ ต่อมาจู่ๆก็หัวเราะคิๆขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ทูนหัว อย่าหัวเราะแบบนี้อีกเลยนะ”หานมู่จื่อจับแก้มของเธออย่างจนปัญญา นิ้วชี้ได้แตะปลายจมูกนุ่มนวลของเธอ “ขืนหัวเราะแบบนี้ต่อ หม่ามี๊นึกว่าหม่ามี๊คลอดเด็กโง่ออกมาคนนึงเสียอีก”
“คิๆๆๆๆๆ………..”เสี่ยวโต้วหยาฟังไม่รู้เรื่องว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่ แต่ท่าทางของหานมู่จื่อก็ได้ทำเอาเธอหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“เฮ้อ”หานมู่จื่อได้แต่ถอนหายใจทีนึง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงรู้สึกว่าไอคิวของเสี่ยวโต้วหยาไม่ได้สูงเหมือนเสี่ยวหมี่โต้วเลย แต่เธอก็ยังรักจนปล่อยเธอไปไม่ได้อีกเช่นเคย
เด็กผู้หญิงเวลาอุ้มขึ้นมา ร่างกายอ่อนนุ่มกว่าเด็กผู้ชายเยอะเลย น่ารักจริงๆ
หานมู่จื่อก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากของเสี่ยวโต้วหยาทีนึง สุดท้ายได้ดึงเสื้อผ้าของเธอให้มิดชิด“เราไปเล่นที่อื่นกันนะคะ วันนี้ไม่ต้องสนใจแด๊ดดี้ใจร้ายของหนู”
เพิ่งพูดจบ ด้านหลังก็มีเสียงจนปัญญาดังขึ้น
“ผมเป็นแด๊ดดี้ใจร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
หานมู่จื่อนิ่งไปครู่นึง จากนั้นก็หันไปมองด้านหลังทีนึง
ไม่รู้ว่าเย่โม่เซินมายืนอยู่ที่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ หานมู่จื่อค่อนข้างหมดคำพูด นี่เขาเดินตามตัวเองมาตลอดทางเลยเหรอเนี่ย
หานมู่จื่อมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ทีนึง ไม่อยากตอบคำถามเขา อุ้มเสี่ยวโต้วหยาไว้แล้วเดินจากไปเลย
เย่โม่เซินเห็นสถานการณ์แล้ว หรี่ตาขึ้นมาเล็กน้อย ล้อมเธอไว้ในอ้อมอกตัวเอง“คุณเป็นอะไรครับ ตั้งแต่ผมกลับมาก็ใส่อารมณ์เลย ผมทำให้คุณอารมณ์เสียเหรอ?”
ใส่อารมณ์?
หานมู่จื่อเบิกตากว้าง “ใครใส่อารมณ์?”
เธอแค่ไม่ได้พูดคุยกับเขาเฉยๆ บอกว่าใส่อารมณ์ได้ยังไง?
“งั้นคุณบอกผมมาก่อนว่าเป็นอะไร เป็นเพราะผมกลับบ้านดึกหรือเปล่า? หืม?”
เย่โม่เซินยื่นมือจับใบหน้าเธอไว้ กลับถูกหานมู่จื่อหลบไป“คุณอย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
น้ำเสียงของเธอค่อนข้างเย็นชา สีหน้าก็เช่นกัน ดูเหมือนว่าโกรธจริงๆแล้ว
เห็นกิริยาท่าทางนี้ของเธอ สีหน้าของเย่โม่เซินก็เคร่งขรึมขึ้นมา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”
ทำไมเขาแค่ออกไปประชุมเอง พอกลับมาภรรยาของเขาก็โกรธเขาแล้ว? ไม่ให้กอดไม่ให้จูบ แถมยังไม่ให้แตะต้องด้วย……….
“ไม่มีอะไรค่ะ”หานมู่จื่อก็ตระหนักได้ว่าปฏิกิริยาของตัวเองใส่อารมณ์แรงไปหน่อย ไม่ว่ายังไงนั่นก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เรื่องในอดีตเธอขุดคุ้ยขึ้นมาอีกก็ไม่มีความหมาย ก็แค่พอนึกขึ้นมาได้ก็รู้สึกอึดอัดใจแค่นั้นเอง
“ฉันก็แค่ไม่อยากพูดคุยชั่วคราว ฉันอยากอยู่กับเสี่ยวโต้วหยาสักพัก คุณไปยุ่งงานของคุณเถอะ”พอพูดจบ หานมู่จื่อทิ้งเขาไว้แล้วเดินจากไปเลย
เย่โม่เซินยืนอยู่กับที่ ครุ่นคิดไปนานมาก ยังไงก็คิดไม่ปลง ทำไมจู่ๆเธอก็มีท่าทีเย็นชากับตัวเองขนาดนี้เลย?
เขาไม่ได้กลับห้องอ่านหนังสือ แต่ได้เดินตามหลังหานมู่จื่อตลอด
ตลอดทางเห็นเธอมีกิริยาท่าทางที่ปกติ หยอกเสี่ยวโต้วหยาตลอดทาง เหมือนไม่มีตรงไหนผิดสังเกต แล้วเป็นเพราะอะไร?
เย่โม่เซินคิดไม่ปลง แต่ตอนนี้หานมู่จื่อก็ไม่อยากสนใจเขา เขาได้เพียงแต่เดินตามตลอดทาง