บทที่ 1254 มีแค่ผลลัพธ์สองอย่าง
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว หานมู่จื่ออดเงยหน้าจ้องเขาไม่ได้
“ทำไม ฟังน้ำเสียงของคุณ เหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่เลย?”
“จะไม่สำคัญได้ยังไงครับ?”เย่โม่เซินยกมือเช็ดมุมปากของเธอ เสียงอ่อนโยนขึ้นหลายระดับ “ผมนึกว่าคุณโทษที่ผมกลับมาดึก ดังนั้นก็เลยไม่อยากสนใจผมเสียอีก”
หานมู่จื่อ “…….”
นี่จะเป็นไปได้ยังไง?
เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเธอกับเสี่ยวโต้วหยา เย่โม่เซินแทบไม่สนใจเรื่องของบริษัทแล้ว แต่ยังไงซะบริษัทก็เป็นของเขา ดังนั้นงานบางอย่างที่สำคัญมากเขาก็จะไปร่วมอยู่
เหมือนประชุมขนาดใหญ่ของวันนี้ แค่ประชุมก็ประชุมเกือบทั้งวันแล้ว เมื่อก่อนหานมู่จื่อทำงานที่บริษัท ย่อมรู้ว่ามันสำคัญมากแค่ไหน
เป็นไปได้ยังไงที่เธอจะโทษว่าเขากลับมาดึก?
“ไม่นึกเลยว่าคุณจะคิดว่าฉันไม่ใช่แม่บ้านแม่ศรีเรือน”
จบเห่แล้ว
ต่อจากนี้เย่โม่เซินไม่กล้าพูดซี้ซั้วแล้ว เขารีบเปลี่ยนคำพูด
“ไม่ใช่ครับ ผมคิดว่าผมกลับมาดึก ก็เลยทำให้คุณโกรธ สมควรถูกลงโทษครับ”
“อย่าเบี่ยงเบนประเด็น!”
เบี่ยงเบนประเด็นเหรอ?
เรื่องของสมัยนั้น ที่จริงเขาจำได้ดีอยู่
แต่เขารู้ วาสนาให้พวกเขาได้มาเจอกัน ถ้าคืนนั้นเย่โม่เซินไม่ได้ถูกวางยา ก็คงจะไม่พบเธอ
ส่วนหานมู่จื่อถ้าไม่ได้หย่ากับสามีก่อนเธอ คาดว่าก็คงไม่เดินไปที่ถนนเส้นที่ไม่มีผู้คนอย่างนั้น
“ทำไมคุณไม่พูด?”หานมู่จื่อจ้องมองเขาด้วยความสงสัย “คุณกำลังคิดอะไรอยู่คะ?”
“ผมกำลังคิด……”น้ำเสียงของเย่โม่เซินหยุดนิ่งไปพักนึง จากนั้นถึงอย่างราบเรียบ “ถ้าวันนั้นคุณไม่ออกมา ผมก็อาจจะขับรถกลับบ้านไปเลย ก็จะไม่มีเรื่องหลังจากนั้น ดังนั้นไม่มีทางมีผู้หญิงคนอื่นครับ เรื่องนี้มีแค่สองผลลัพธ์ หนึ่งคือไม่มี อีกหนึ่งอย่างคือคุณ”
ปฏิเสธไม่ได้ คำพูดเหล่านี้เย่โม่เซินได้คิดอยู่ในใจนานมากถึงพูดออกมา และเป็นความคิดจากใจจริงของเขาด้วย
แต่เขาก็กลัวตัวเองจะพูดผิด แล้วทำให้มู่จื่อโกรธเขา
เดิมทีหานมู่จื่อได้ยินคำนั้น ถ้าวันนั้นคุณไม่ออกมาล่ะก็ ผมก็อาจจะขับรถกลับบ้านไปเลย ก็อดไม่ได้ที่จะแขวะในใจคำนึงผู้ชายซื่อ!
แต่คำหลังของเย่โม่เซิน เรื่องนี้มีแค่ผลลัพธ์สองอย่าง หนึ่งคือไม่มี อีกหนึ่งอย่างคือคุณ
คำพูดนี้ก็ได้เย้าแหย่หานมู่จื่อจนเข้าทางเลย
เธอกัดฟันเล็กน้อย รู้สึกเหมือนหัวใจถูกชนไปทีนึง ความโกรธก็จางหายไปหมดเลยจริงๆ
“แล้ว……”หานมู่จื่อยังอยากถามอะไรต่อ คิดๆแล้วรู้สึกไม่จำเป็นแล้ว เขาก็พูดขนาดนี้แล้ว เธอยังมีอะไรต้องถือสาอีก!
ถึงแม้หานมู่จื่อไม่ได้พูดต่อ แต่ดูจากสีหน้าแววตาเธอ เย่โม่เซินรู้ว่าเธอหายโกรธแล้ว
แต่เขาไม่ได้โง่ มุมปากเขามีรอยยิ้มอ่อนๆ ถึงแม้กำลังยิ้มอยู่ แต่ดูแล้วกลับไม่หวังดี
“มู่จื่อ ตอนที่ผมกลับมาคุณกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ใช่มั้ย?”
คำถามที่มาอย่างกะทันหันทำให้หานมู่จื่องงงวย แต่เธอก็ได้พยักหน้า
“กำลังคุยเล่นกันอยู่?”
หานมู่จื่อได้พยักหน้าอีก
“เป็นข้อความที่เสี่ยวเหยียนส่งให้คุณ?”
หานมู่จื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ถึงแม้ปกติเขาเป็นห่วงตัวเองมาก แต่น้อยมากที่จะสอบถามละเอียดเหมือนวันนี้ หรือว่า……….
“ต่อไปตอนที่ผมไปประชุมไม่อยู่บ้าน คุณให้เธอคุยเป็นเพื่อนเยอะๆหน่อยนะ จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านเวลาอยู่คนเดียว”
คงจะรู้ว่าเธอเกิดความสงสัย ดังนั้นเย่โม่เซินก็รีบพูดเสริมอีกคำนึง
ความคิดเล็กๆที่เพิ่งก่อตัวขึ้นมาของหานมู่จื่อ พริบตาเดียวก็ถูกคำพูดนี้โจมตีจนแยกย้าย เธอโล่งอกไปที
เธอตกใจแทบแย่ เมื่อกี๊เธอยังนึกว่าเย่โม่เซินจะหาเรื่องเสี่ยวเหยียนเสียอีก
โชคดีที่ไม่ใช่
“รู้แล้วค่ะ”หานมู่จื่อพยักหน้า
“ตอนนี้ไม่โกรธผมแล้ว?”เย่โม่เซินถามอีก
“…….”
คนๆนี้นี่พูดอะไรไม่พูด! เธอถูกเขากอดจูบมาครึ่งค่อนวันแล้ว เขายังมาถามแบบนี้อีก
หานมู่จื่อขี้เกียจตอบเขา เธอแค่“ฮึ”ทีนึงและพูด “ต่อไปตอนที่เสี่ยวโต้วหยาอยู่ คุณจะจูบฉันมั่วแบบนี้ไม่ได้เชียวนะ ถึงเธอยังเด็กอยู่ แต่มีผลกระทบแบบนี้ไม่ได้!”
เย่โม่เซินหยิกจมูกเธอ“ผมรู้แล้ว ตอนนี้กลับไปได้หรือยัง?”
ส่วนเสี่ยวเหยียนที่อยู่ต่างประเทศ ไม่รู้ว่าแค่คำพูดเรื่อยเปื่อยคำเดียวของตัวเอง จะทำให้สองสามีภรรยาตระกูลเย่เกิดความขัดแย้งกัน แต่ทั้งสองพูดเคลียร์กันแล้ว สุดท้ายก็ดีกันแล้ว
เสี่ยวเหยียนนอนอยู่บนเตียง ตอนที่เธอหยิบมือถือมาก็เห็นข้อความที่หานชิงส่งให้เธอ บอกว่าเขาลงไปจัดการธุระ น่าจะกลับมาตอนค่ำ แต่ว่าเขาได้สั่งอาหารไว้ให้เธอ ให้เธอตื่นขึ้นมาแล้วโทรหาแผนกบริการเลย
ส่วนเสี่ยวเหยียนเมื่อกี๊กำลังรีบร้อนสื่อสารกับหานมู่จื่ออยู่ ดังนั้นเลยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้
หลังจากเธอคุยเสร็จ ถึงพบว่าตัวเองค่อนข้างหิวข้าวแล้ว
เธอทานอะไรก่อนดีกว่า ก็ไม่รู้ว่าหานชิงไปทำอะไร………
ตอนที่พนักงานเข็นรถเข็นบริการอาหารมา พอเปิดฝาปุ๊บ กลิ่นหอมของอาหารก็ฟุ้งกระจายทั้งห้อง เสี่ยวเหยียนก็กระหายขึ้นมาทันทีเลย พนักงานได้บอกให้เธอว่ามีอะไรสามารถโทรเรียกได้ตลอด จากนั้นก็ได้จากไป
เสี่ยวเหยียนลูบท้อง และดื่มน้ำซุปครึ่งถ้วยก่อน
กินไปสักพัก เสี่ยวเหยียนค่อนข้างหดหู่ เมื่อคืนเกิดเรื่องอย่างนั้น ปรากฏตอนที่ตื่นขึ้นมากลับไม่เห็นเขา แถมยังออกไปแล้วด้วย พลบค่ำถึงจะกลับมา
มีเรื่องอะไรที่สำคัญขนาดนี้?
แต่ไม่นานเสี่ยวเหยียนก็ปล่อยวางได้แล้ว เพราะยังไงซะเธอรู้ดีว่าหานชิงเป็นคนยังไง เรื่องต้องสำคัญมากแน่ๆ ไม่งั้นเขาไม่จากไปโดยเฉพาะหรอก
คงจะเพราะเหนื่อยล้าเกินไป จากเมื่อก่อนถึงตอนนี้ ครั้งนี้เสี่ยวเหยียนเป็นครั้งที่ทานเยอะที่สุด พอเธอทานจนเกลี้ยง เธอถึงดึงสติกลับมาได้ว่าตัวเองไม่ได้เหลือไว้ให้หานชิงเลย………..
จบเห่แล้ว
เสี่ยวเหยียนมองความเละเทะบนโต๊ะอาหารที่อยู่ตรงหน้า แล้วลูบท้องแน่นๆของตัวเองแล้วค่อนข้างอึดอัด
แค่ไม่ระวังก็ทานมากเกินไปแล้ว
เสี่ยวเหยียนจึงได้โทรเรียกรูมเซอร์วิส ให้พนักงานมาเก็บข้าวของไป และได้สั่งอาหารเพิ่มอีกชุดนึง รอตอนค่ำหานชิงกลับมาค่อยส่งขึ้นมา
พนักงานตอบตกลงเสร็จก็จากไปแล้ว
เพราะหานชิงไม่กลับมาสักที ดังนั้นเสี่ยวเหยียนเตรียมไปแช่น้ำร้อนผ่อนคลายร่างกายสักหน่อย น้ำร้อนได้ขจัดความเหนื่อยล้าไป ในขณะเดียวกันก็นำพาความง่วงมาให้เสี่ยวเหยียน เธอคอตกหมอบอยู่ที่ขอบจากุชชี่ สะลึมสะลืออยากจะนอน
ตอนที่หานชิงจัดการธุระเสร็จกลับมาถึงโรงแรม ก็พลบค่ำแล้ว ก่อนขึ้นชั้นบนเขาได้สอบถามที่หน้าเคาน์เตอร์ครู่นึง รู้เรื่องที่เสี่ยวเหยียนตื่นและทานข้าวแล้ว จึงได้ให้พนักงานส่งอาหารเย็นไปชั้นบน กลับถูกแจ้งให้ทราบว่าเสี่ยวเหยียนได้สั่งอาหารไว้แล้ว
เขาอึ้งไปครู่นึง จากนั้นก็ได้ขึ้นชั้นบน
ตอนที่ผลักประตูออกในห้องเงียบสงบ หานชิงเม้มปากบางๆไว้ หรือว่ายัยบ๊องนั่นยังหลับอยู่?
เมื่อคืนทำเอาเธอเหนื่อย?
แต่ไม่นาน หานชิงพบว่าเสี่ยวเหยียนไม่ได้อยู่ในห้องนอน
หาไปรอบนึงหานชิงพบสาวน้อยของเขาอยู่ในห้องน้ำ
เพียงแต่นาทีนี้ เสี่ยวเหยียนได้นอนคว่ำอยู่ที่ขอบจากุชชี่ หลับสนิทแล้ว ใต้ตาของเธอมีรอยเขียวช้ำ ดูออกว่าเมื่อคืนทำเอาเธอเหนื่อยมากจริงๆ
หานชิงสงสาร เดินไปใช้มือทดสอบอุณหภูมิน้ำดู จากนั้นก็ได้ขมวดคิ้ว
เพราะอุณหภูมิน้ำได้ค่อยๆเย็นลงแล้ว ก็ไม่รู้ว่ายัยบ๊องนี่แช่อยู่ในนี้นานไปเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่ตัวเองกลับมา คาดว่าเธอคงแช่อยู่ในนี้จนน้ำเย็นก็ไม่รู้