บทที่ 1257 เป็นเหตุผลที่ฟังดูดีมาก
“ใช่มั้ยล่ะ บวชมีอะไรดี? ถึงแม้โลกมนุษย์จะมีความวุ่นวาย แต่ก็สวยงามและมีสีสัน อีกอย่าง……..ชีวิตของเธอขาดแค่ผู้ชายคนเดียวเท่านั้น ขอแค่หาผู้ชายอีกคนได้ เธอก็ไม่ต้องกลุ้มใจแล้ว”
“พูดมันง่าย”เจียงเสี่ยวไป๋กลอกตาขาวใส่เธออย่างจนปัญญาทีนึง “เธอนึกว่าบนโลกใบนี้ผู้ชายดีๆมันหาง่ายขนาดนี้เลยเหรอ? ทุกคนต่างก็เหมือนนางเอกในนิยาย ล้วนลิขิตว่าจะมีโอรสสวรรค์โผล่มางั้นเหรอ?”
ฟางถังถังโอบไหล่เธอ กินไปด้วยและพูดเลียนแบบน้ำเสียงของแม่ไปด้วย “พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ อย่างน้อยเธอก็เป็นนางเอกในโลกส่วนตัวของเธอ และทุกคนก็ล้วนมีคนที่ถูกลิขิตไว้ เขาอาจจะมาค่อนข้างช้า แต่ไม่มีทางไม่โผล่มาหรอก ฉันรู้สึกเธอไม่ต้องต่อต้านเลย พบปะหาคู่ครองก็พบปะหาคู่ครองสิ ไม่แน่อาจจะได้เจอคู่ครองที่ตัวเองชอบจริงๆก็ได้”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเหอะๆ “พูดฟังดูดีจริงๆ เธอไปเป็นแก๊งเดียวกับแม่ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? รู้ว่าฉันไม่ชอบพบปะหาคู่ครองก็ยังเกลี้ยกล่อมให้ฉันไปพบปะหาคู่ครองอีก”
“ถ้าเธอไม่อยากพบปะหาคู่ครองก็ได้ งั้นก็ทำตามวิธีเก่าของครั้งก่อน”
วิธีเก่า?
พาเซียวซู่ไปที่ตรงหน้าของแม่?
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว เธอไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้ว
“นี่ก็ไม่ได้นั่นก็ไม่โอเค งั้นเธอจะทำยังไงกันแน่? ถ้าฉันว่านะ คนอื่นสามารถแสดงเป็นเป็นแฟนของเธอหนึ่งครั้งได้ ก็สามารถแสดงเป็นแฟนของเธอเป็นครั้งที่สองได้เหมือนกัน ผู้ชายวันก่อนหน้านั้นหน้าตาหล่อเหลาดีหนิ ไม่แน่ไปๆมาๆเธอสองคนอาจจะกลายเป็นคู่กันก็ได้ล่ะ?”
เจียงเสี่ยวไป๋ “ไสหัวไป!”
นี่จะเป็นไปได้ยังไง? เธอจะไปชอบผู้ชายที่ในใจมีผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง? เธอไม่ได้ทำตัวต่ำขนาดนั้นหรอก!
ถึงเธอจะชอบ ก็จะชอบผู้ชายที่หัวใจสะอาดสะอ้าน ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยู่ในใจเลย
ไม่งั้นก็คือทารุณตัวเอง อีกอย่างเจียงเสี่ยวไป๋ดูออกว่าเซียวซู่ค่อนข้างต่อต้านเธออยู่ ส่วนจะเป็นเพราะอะไรแทบจะไม่ต้องคิดก็สามารถรู้แล้ว ไม่มีอะไรไปมากกว่าในใจเขามีคนที่ชอบแล้ว เพราะฉะนั้นเลยไม่ราวีกับเธอให้มากก็เท่านั้นเอง
ผู้ชายเค้าก็แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้แล้ว เธอยังจะเสนอหน้าเข้าไปหาอย่างไร้ยางอายขนาดนั้นได้ยังไง?
คราวก่อนน้ำจิตน้ำใจเขาก็ได้คืนให้หมดแล้ว
แต่เธอเนี่ยสิ ยังไปจูบคนอื่นอีก ส่วนเขายังทำหน้าตัวเองถูกลวนลาม และเสียเปรียบมากยังไงอย่างงั้นแหละ
เฮ้อ……
ชีวิตเป็นสภาพแบบนี้ เธอก็เศร้าใจมากจริงๆ
“เสี่ยวไป๋ที่น่าสงสาร ถูกบีบจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว เห็นแก่ที่เธอเสียใจขนาดนี้ คืนนี้ฉันก็มีความเมตตากรุณาหน่อยก็แล้วกัน พาฉันไปมันส์ที่ผับคืนนึงเถอะ ฉันเลี้ยงเหล้าเธอ อยากดื่มเท่าไหร่ก็ดื่มเลย ฉันจ่ายตังค์เอง”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเธอทีนึง “อ๋อ เทพบุตรของเธอเริ่มแสดงการร้องเพลงอีกแล้วเหรอ?”
ฟางถังถังถูกสายตาเธอจ้องจนค่อนข้างกินปูนร้อนท้อง“เธอ เธอรู้ได้ยังไง……”
“ความคิดของเธอเขียนอยู่ที่บนใบหน้าเธอหมด เธอว่าฉันรู้ได้ยังไงล่ะ?”
“ฮึ่มๆ……”ฟางถังถังกระแอมด้วยความอึดอัดจากนั้นก็พูด “อย่าทำแบบนี้สิ ชีวิตยากที่จะได้ทำตัวป้ำๆเป๋อๆ เธอก็คิดเสียว่าฉันอยากเลี้ยงเหล้าเธอมากก็พอแล้ว ไม่แน่เธออาจจะสามารถพบรักแท้ของเธอโดยบังเอิญที่ผับก็ได้ล่ะ?”
“เหอะๆ พบรักแท้ในผับงั้นเหรอ?สมองเธอนี่ถูกลาถีบหรือว่าถูกประตูหนีบกันแน่? พบรักแท้โดยบังเอิญในสถานที่แบบนั้น?นัดมีอะไรกันมากกว่ามั้ง?”
ฟางถังถังพูดด้วยความโกรธ “เจียงเสี่ยวไป๋ ฉันขอเตือนเธอพูดจาอย่าน่าเกลียดเกินไปนะ! ที่ผับก็มีคนดีอยู่! เทพบุตรของฉันคนนึงแหละที่เป็นคนดี!อีกอย่างเขาไม่เคยนัดมีอะไรกับผู้หญิงไปมั่วนะ!”
“อ๋อ?”เจียงเสี่ยวไป๋ยักคิ้ว “เธอรู้อีกแล้วเหรอ? เธอนี่คือหาคนไปจ้องจับตาเขาตลอด24ชั่วโมงหรือว่ายังไง……..”
ฟางถังถังถูกเธอว่าแบบนี้ปุ๊บ พริบตาเดียวก็ร้อนตัวแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋หรี่ตา “เธอคงไม่ใช่ส่งคนไปจริงๆ……..เย็ดเข้ เธอนี่มันบ้าชัดๆเลย ถ้าถูกเขารู้เข้า คนอื่นมีแต่จะคิดว่าเธอเป็นคนบ้า เป็นโรคประสาท ถึงเวลาเธอก็ไม่มีโอกาสแม้แต่นิดแล้วนะ”
“ฉัน ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ฉันแค่อยากหาคนไปคุ้มครองความปลอดภัยของเขาเฉยๆ เขาไม่มีทีมงานผู้จัดการ ถึงเวลาถ้าแฟนคลับผู้หญิงมาก่อกวนเขาจะทำยังไง! เพราะฉะนั้นฉันต้องหาคนปกป้องเขา! เธอไม่เข้าใจหรอก!”
เจียงเสี่ยวไป๋ “เหอะๆๆ เป็นเหตุผลที่ฟังดูดีมาก”
สำหรับท่าทีของฟางถังถัง เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วจริงๆ เดิมทีเธอก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้ของฟางถังถัง คลั่งไคล้ดาราเป็นเรื่องดี เลื่อมใสคนๆนึง เห็นเขาเป็นพลังของจิตใจตัวเองก็ใช่ว่าจะไม่ได้
แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ใช่ดาราดังอะไร ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงตกอับ อยู่ในสภาพที่ยังไม่มีคนค้นพบ เพราะฉะนั้นฟางถังถังอยากไปอุดหนุนงานร้องเพลงของเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ต่อมาเจียงเสี่ยวไป๋พบว่ายัยตัวแสบคนนี้ดูเหมือนจะยิ่งอยู่ยิ่งถลำลึกเข้าไปแล้ว
ตอนที่เธออยากดึงเธอออกมาอีก ก็ไม่ทันแล้ว
“พูดตามตรงนะ ฉันรู้สึกวิธีของเธอนี่มันจิตวิปริตจริงๆ คนอื่นเค้ามีชีวิตของตัวเอง ถึงถูกก่อกวนเขาก็มีวิธีรับมือของตัวเอง เขาเป็นผู้ชายคนนึง ถึงต่อไปเธอสองคนจะคบกันจริงๆ ก็ต้องเขาปกป้องเธอไม่ใช่เธอปกป้องเขา เธอทำแบบนี้ไม่มีความหมายเลยจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นเธอรู้สึกถูกคนจ้องจับตาเป็นเรื่องที่มีความสุขมากจริงๆเหรอ?”
ถูกเจียงเสี่ยวไป๋พูดแบบนี้ปุ๊บ ฟางถังถังก็ตระหนักได้ว่าตัวเองอาจจะพูดผิดแล้ว“งั้น งั้นหลังจากฉันกลับไปจะบอกให้คนไม่ต้องคอยตามเขาแล้ว ที่เธอพูดก็ถูก ฉันก็รู้สึกตัวเองจิตวิปริตนิดหน่อย แต่ว่าฉัน……อดไม่ได้หนิ”
เฮ้อ~
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจอยู่ข้างในลึกๆ ที่จริงพวกที่ทำการร้องเพลงพวกนี้ สุดท้ายมีความเป็นไปได้ที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นดารา ไกลจากพวกเธอมาก
ไม่พูดถึงอย่างอื่น แต่พูดถึงด้านการใช้ชีวิตและด้านทำการทำงาน ถ้าแวดวงของทั้งสองต่างกันมากเกินไป สุดท้ายมีแต่จะวิ่งไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับวัตถุประสงค์
พูดก็พูดแบบนี้ ไม่เห็นด้วยคือไม่เห็นด้วย แต่คืนนี้เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ไปผับเป็นเพื่อนฟางถังถังอยู่ดี
เธอดื่มเครื่องดื่มอย่างเบื่อหน่าย มองดูหน้าตาของฟางถังถังที่กรี๊ดเพื่อเทพบุตรของตัวเอง จู่ๆรู้สึกอย่างฟางถังถังแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน สำหรับฟางถังถังแล้ว เทพบุตรของเธอก็คือเป้าหมายของเธอ มีเป้าหมายอย่างนี้ให้เธอพยายาม แม้กระทั่งทำให้เธอดูมีชีวิตชีวาไปทั้งคนด้วย
แบบนี้ดูเหมือนก็ไม่มีอะไรแย่
อย่างน้อยฟางถังถังใช้ชีวิตชิวๆกว่าเธอเยอะเลย อยากทำอะไรก็ทำ ไม่เหมือนเธอ…….
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ดื่มเครื่องดื่มไปอีกกรึ๊บ จู่ๆมีผู้ชายคนนึงใกล้เข้ามาที่ข้างกายเธอ“คนสวย เอาแต่ดื่มเครื่องดื่มจะน่าสนใจอะไร มาดื่มเหล้าเถอะ ดื่มเหล้าสิถึงจะน่าสนใจ ให้ผมเลี้ยงคุณแก้วนึงมั้ย?”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋มองฝ่ายตรงข้ามทีนึง กิริยาท่าทางและการแต่งตัวที่เหลาะแหละ แววตาที่มองเธอเหมือนกำลังมองเหยื่อยังไงอย่างงั้น จุดประสงค์คืออะไรเห็นได้ชัดมาก
เจียงเสี่ยวไป๋ยกมุมปากขึ้น“ไม่จำเป็นค่ะ ฉันดื่มอันนี้ก็โอเคแล้วค่ะ”
ผู้ชายไม่ตายใจ เดินวนรอบตัวเธอ “คุณคงไม่เคยดื่มเหล้าสินะ?ผมเลี้ยงคุณแก้วนึง รสชาติดีมากเลยนะ จะไม่ลองดูหน่อยจริงๆเหรอครับ?”
เหอะๆ!
จู่ๆเจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้านหน้ามีผู้ชายที่รูปร่างสง่าผ่าเผย ห่างจากเธอไม่ถือว่าไกลแต่ก็ไม่ถือว่าใกล้ เธอกระดิกนิ้วให้กับผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ผู้ชายนึกว่าเธอติดกับดักแล้ว จึงได้รีบเข้ามาใกล้เธอ
“เห็นผู้ชายคนนั้นมั้ย?เขาเป็นแฟนของฉัน ถ้าคุณอยากเลี้ยงเหล้าฉันล่ะก็ สู้ไปถามเขาดูก่อนว่าเขาเห็นด้วยมั้ย?”