บทที่ 1260 ฝันหวานงั้นหรอ
“แบบนี้ คุณยังจะพาฉันไปอีกมั้ย?”
“………..คุณมั่นใจหรือว่าหากคุณตายแล้วจะต้องมีคนมาพบเห็นด้วย? ไม่แน่นะ คุณตายแบบแปลกๆ ผมยังสามารถสร้างหลักฐานเท็จเรื่องการตายของคุณได้ด้วยนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ขยับมุมปาก และมีสีหน้าที่มั่นใจ:“เชื่อฉันสิ อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ทุกสิ่งอย่างล้วนไม่มีที่หลบซ่อน น้ำลดตอผุด มันแค่อยู่ที่เวลาเท่านั้นเอง ถ้าหากคุณกล้าที่จะเสี่ยงดูนะ”
ถึงแม้สีหน้าของฝ่ายชายจะดูไม่ดีนัก แต่สายตาที่มองเจียงเสี่ยวไป๋กลับยิ่งรู้สึกอิ่มใจ สุดท้ายยิ่งมีสายตาที่ชื่นชอบ หลังจากนั้นเขาเหมือนกำลังลังเล แล้วค่อยๆปล่อยมือของเจียงเสี่ยวไป๋ออก
“คุณนี่มีจิตใจที่แข็งแกร่งจริงๆเลยนะ จุดนี้ผมนับถือจริงๆ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่พูดอะไร แค่มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
“และผมอยากจะพูดสักหน่อย เมื่อกี้ผมมีใจให้คุณแล้วจริงๆ แต่ว่าผมรู้ตัวว่าคุณโหดเกินไป ถึงผมจะสามารถทำให้คุณมาอยู่ข้างกายผม ผมก็คงเอาคุณไว้ไม่อยู่ โอ๊ย นี่ช่างเป็นวาสนาที่สั้นจริงๆ”
พอได้ยินคำพูดนี้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋อดขยับมุมปากไม่ได้ :“ไสหัวไปเลย ใครมีวาสนากับคุณฮะ? ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้ฉันกลับไปได้แล้วสินะ?”
ผู้ชายยิ้ม “คุณยังจะกลับไปอีกหรือ? ไม่กลัวว่าจะเจอผู้ชายแบบผมอีกหรอ พูดตามตรงนะ ผมยังอยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะฉะนั้นถึงได้กลัวคำขู่ของคุณหรอกนะ เตือนคุณคำนึง ถ้าหากคุณไม่มีเพื่อน ทางที่ดีที่สุดก็คืออย่ามาที่แบบนี้อีก ผู้หญิงตัวคนเดียวจะกลายเป็นเหยื่อที่ถูกจ้องได้ง่ายที่สุด อีกอย่างถ้าหากเจอไอ้พวกที่ไม่กลัวตาย คุณอาจจะเสียชีวิตได้เลยนะ”
จู่ๆได้ยินคำพูดเหล่านี้ เจียงเสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้กลับเป็นคนซื่อสัตย์ดี เพียงแต่เสียดายที่การกระทำของเขาทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีความรู้สึกดีๆกับเขาเลยแม้แต่น้อย เธอไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วได้หันหลังเดินกลับไป
เพียงแต่ทางที่เธอเดินไปไม่ใช่ที่ๆเธอนั่งเมื่อกี้ ฝ่ายชายยืนอยู่กับที่ มองดูเธอเดินไปยังทิศทางของ’แฟน’เธอเมื่อกี๊
เซียวซู่ดื่มเหล้าด้วยความกลุ้มใจ ร่างกายพิงอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์มือข้างนึงถือแก้วไวน์ไว้ อยู่ภายใต้แสงไฟ ภาพนี้มีความรู้สึกที่เร้าอารมณ์
เพราะว่าเขาใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจริงๆ
และตอนที่มีผู้หญิงหลายคนอยากจะเข้ามาทักทายเขา เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้เดินมาที่ข้างกายเขาแล้ว หลังจากนั้นได้นั่งที่ข้างกายเขา
สีหน้าของเซียวซู่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย หรือแม้แต่สายตาก็ไม่ขยับเลยด้วยซ้ำ
เจียงเสี่ยวไป๋ได้สั่งเครื่องดื่มแก้วใหม่กับพนักงานที่เคาน์เตอร์บาร์ พนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์จุดนี้ก็ยังเป็นพนักงานคนเดิม พอเห็นทั้งสองคนมานั่งด้วยกันอีกครั้ง ก็มีรอยยิ้มออกมา แต่ไม่ช้าก็กลับไปทำงานต่อแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋จิบเครื่องดื่ม แล้วพูดว่า
“คุณช่างใจร้ายจริงๆ คนรู้จักกันกำลังมีอันตรายต่อหน้าต่อตาคุณ คุณไม่มีความคิดที่จะช่วยกันบ้างเลยแม้แต่น้อย”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหู เซียวซู่ขมวดคิ้ว แล้วมองไปตามเสียงนั้น ก็มองเห็นสายตาที่มองมาของเจียงเสี่ยวไป๋พอดี
“คุณเองเหรอ?”
สายตาของเซียวซู่ที่มองเธอ เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความแปลกใจ
เจียงเสี่ยวไป๋:“…….”
เธอกัดฟัน เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกโมโห ผ่านไปตั้งนาน คุณกลับยังไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่นี่หรือ?
ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ได้ชี้มั่วซั่ว เธอไม่มีทางที่จะชี้ตัวชายแปลกหน้าในบาร์แล้วบอกว่าเป็นแฟนของตัวเองอยู่แล้ว ไม่มีอะไรไปมากกว่าเธอดูออกว่าร่างเงานั่นคือเซียวซู่ เพราะฉะนั้นถึงได้กล้าพูดแบบนั้น
แต่เดิมยังคิดว่าเซียวซู่จะต้องมาช่วยตัวเองแน่ๆ แต่คิดไม่ถึงว่า!! ตั้งแต่ต้นจนจบเขาถึงกับไม่รู้เลยว่าตัวเธออยู่ที่นี่??
นี่มันบ้าบอคอแตกอะไร!
คิดยังไงก็ยากที่จะสงบอารมณ์จริงๆ เจียงเสี่ยวไป๋กัดฟันและมองมาที่เขา “ฉันมองไม่เข้าตาขนาดนี้เลยเหรอ? อยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว คุณกลับไม่รู้ตัวว่าฉันอยู่ที่นี่”
เซียวซู่มองดูสีหน้าที่โมโหของเธอ แล้วมีสายตามึนงง ไม่เข้ากับสีหน้าและแผลเป็นบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย
จริงๆแล้ว เขาไม่รู้จริงๆว่าเจียงเสี่ยวไป๋อยู่ที่นี่
ตอนที่เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากข้างหู เขาก็รู้สึกประหลาดใจมาก แต่ก็รู้ตัวเรื่องคราวที่แล้วที่เจียงเสี่ยวไป๋ให้ตัวเองปลอมเป็นแฟนของเธอทันที เขาเม้มปาก ความมึนงงได้หายไปจากสายตา สงบอารมณ์และมองเธอ
“หาผมมีธุระอะไร?”
ฟังซิ! ฟังน้ำเสียงนี่ซิ เจียงเสี่ยวไป๋อยากจะตบกระบาลเขาอย่างแรงจริงๆ แต่คิดไปคิดมาแล้วตัวเองมีสิทธิ์อะไรไปทำเช่นนั้น?
ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายก็รู้จักกันดี เจียงเสี่ยวไป๋ยังถึงขั้นที่มอบจูบแรกของตัวเองให้เขาแล้วด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากจะสืบค้นความสัมพันธ์ของเขาสองคนอย่างจริงจังแล้ว ก็แทบจะนับได้ว่าไม่รู้จักกันเลย
อย่าว่าเขาไม่สังเกตเห็นตัวเองเลย ถึงเขาจะสังเกตเห็นตัวเองแล้ว เขาแค่มองดูเธอถูกคนอื่นพาตัวไปแล้วไม่ช่วยอะไรเลย เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปโทษเขาเลยแม้แต่คำเดียว
ถึงแม้นี่จะเป็นความจริง แต่ในใจของเจียงเสี่ยวไป๋กลับรู้สึกเศร้า
เธอกัดริมฝีปาก แล้วจงใจยิ้มเสียงดัง:“ไม่มีธุระก็มาหาคุณไม่ได้รึไง? เห็นคุณมาดื่มเหล้า ฉันก็เลยมาดื่มเป็นเพื่อนคุณไง”
พูดจบ เธอจงใจเขย่าแก้วไวน์ต่อหน้าเขา:“คุณเลี้ยงฉันนะ”
เซียวซู่:“………..ผมรับปากแล้วหรอ?”
เจียงเสี่ยวไป๋ทำหน้าด้าน:“จูบแรกของฉันก็มอบให้คุณแล้ว คุณยังไม่รับปากอีกหรือ?”
เซียวซู่:“……”
เขาถูกคำพูดที่หน้าไม่อายแบบนี้สวนจนไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ จ้องเธอไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋สังเกตเห็นว่าหูเขาแดงๆ ถ้าหากไม่สังเกตดีๆจะมองไม่เห็นเลย เพราะสีหน้าเขาตึงอยู่ตลอดเวลา
“แหะๆ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะขี้อายแบบนี้? ฉันแค่พูดไปงั้นๆแหละ คุณก็หูแดงซะแล้ว”
ถูกเจียงเสี่ยวไป๋พูดออกมาแล้ว ถึงเซียวซู่อยากจะปฏิเสธ ก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว
จริงๆแล้วหูของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ร้อนๆอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าหูที่ขาวสะอาดของเธอถูกผมยาวบังเอาไว้แค่นั้นเอง ก็เลยมองไม่ออก เธอมีสีหน้าเรียบเฉย และแซวเล่นเซียวซู่ต่อ
“ดูสีหน้าคุณแบบนี้ อย่าบอกนะว่าครั้งนั้นก็เป็นจูบแรกของคุณเหมือนกัน?”เซียวซู่:“…..”
หลังจากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็สังเกตว่าผู้เขายิ่งแดงขึ้นไปอีกนิดนึง
เสี้ยววินาทีนั้นเธอรู้สึกเซียวซู่ในสภาพแบบนี้น่ารักจริงๆ
เป็นผู้ชายแท้ๆ แค่พูดสองสามคำก็เขินแล้ว ช่างน่ารักจริงๆ
ความชั่วของเธอทำให้เธอใจกล้า จนเธออดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป อยากจะไปสัมผัสหูของเซียวซู่
แต่ว่ามือยังไม่ทันสัมผัสถึงตัวเขา มือของเธอก็ถูกเซียวซู่จับเอาไว้แล้ว
“คิดจะทำอะไรน่ะ?”
เจียงเสี่ยวไป๋อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างซื่อตรง:“ไม่ได้ทำอะไรหนิ ก็แค่เห็นว่าหูคุณแดง รู้สึกน่ารัก เลยอยากจะจับดูแค่นั้นเอง”
เซียวซู่หรี่ตา และเม้มปาก เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบใจ
แต่ว่าเขาประเมินความหน้าด้านของเจียงเสี่ยวไป๋น้อยเกินไป เพราะว่าเธอยังจ้องมองหูของเขาอยู่ และพูดอย่างไม่ตายใจ:“ให้ฉันจับทีนึงสิ? ฉันยังไม่เคยจับหูของผู้ชายเลยอ่ะ”
เซียวซู่:“………”
“คุณเป็นผู้ชายทั้งคน ให้ฉันจับครั้งเดียวก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไรหรอกมั้ง?” เจียงเสี่ยวไป๋พูดแล้วก็เข้ามาใกล้ กลิ่นหอมอ่อนๆบนร่างกายเธอก็จู่โจมเข้ามาอย่างไม่ตั้งใจ เซียวซู่ขมวดคิ้ว เพราะว่าเธอเข้ามาใกล้มาก เพราะฉะนั้นแม้แต่ใบหน้าและริมฝีปากแดงๆของเธอใกล้แค่เอื้อม
เขาปล่อยมือเธอออกอย่างกะทันหัน แล้วพูดว่า:“ฝันหวานไปเถอะ”
ฝันหวาน?