บทที่ 1263 เพิ่มเพื่อนในวีแชทหรอ
เย็นชา?
เหอะๆ
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเย้ย: “นั่นเป็นแค่ภาพลักษณ์ของเขา อย่าโดนภาพลักษณ์ภายนอกของเขาหลอกเข้าล่ะ”
แม้ว่าตั้งแต่ที่ทั้งสองรู้จักกันจนถึงตอนนี้จะเจอกันเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง แต่การได้รู้จักเขาในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้ เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าตัวเองสามารถมองนิสัยเขาออกอย่างชัดเจน
จากนั้นหล่อนก็พบว่า…เซียวซู่เป็นคนน่ารักมาก โดยเฉพาะตอนหูแดง
เพราะทุกครั้งเขาทำท่าทางเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะทำมิดีมิร้ายตัวเอง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามคลั่งจนอยากจะอยู่กับเขา บางครั้งเจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวร้ายที่รังแกผู้หญิงแสนดี และเซียวซู่…เอ่อ…ก็คือ ‘ผู้หญิงแสนดี’ คนนั้น
เฮ้อ
เซียวซู่ไม่ได้ขับรถ แต่เรียกรถคันหนึ่งไปส่งทั้งสอง แต่ฟางถังถังเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก ขณะที่กำลังรอเซียวซู่เรียกรถให้ ฟางถังถังก็โทรศัพท์เรียกคนที่บ้านมารับหล่อน
ดังนั้นหล่อนจึงขึ้นรถที่บ้านกลับไป เพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนซี้ของตัวเอง หล่อนไม่แม้แต่คิดจะเชิญพวกเขาขึ้นรถด้วย เมื่อประตูรถถูกปิดลง ก็แล่นออกไปทันที ฝุ่นตลบอบอวล
“แค่กๆ…” เจียงเสี่ยวไป๋สูดควันรถเข้าไปจนสำลักออกมา หล่อนสำลักพลางคิดไปพลาง: ฟางถังถังเธอหนีไปเร็วจริงๆเลย หล่อนยังอยากพูดว่าในเมื่อบ้านเธอมีรถ ก็มารับพวกเราไปเลยสิ จะเรียกรถอีกทำไมกัน
ใครจะไปคิด เพื่อนซี้ของหล่อนกลับหนีไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
เมื่อมองดูคนข้างๆ ที่ยืนทำสีหน้าไร้อารมณ์ และไม่มีท่าทีจะช่วยอะไรหล่อนสักอย่าง
ได้ แสร้งทำเป็นหน้านิ่งไม่สะทกสะท้าน ใครจะทำไม่ได้?
เจียงเสี่ยวไป๋เบ้ปาก ทำท่าทางไม่เกรงกลัวอะไร ยืนทำสีหน้าเหมือนกำลังสื่อว่าถ้าแน่จริงก็เข้าสิ
ต่อมาเซียวซู่ก็ไปส่งเจียงเสี่ยวไป๋ที่บ้าน เจียงเสี่ยวไป๋กลับหยิบมือถือออกมา และมองเซียวซู่: “เอ่อ เรามาเพิ่มเพื่อนในวีแชทกันไหม?”
เซียวซู่ทำท่าทีลังเลขึ้นมา ยังไม่ทันได้พูดอะไร เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดขึ้นต่อ: “พวกเราเป็นแฟนกันแล้วนะ แค่เพิ่มเพื่อนในวีแชทคงไม่เป็นอะไรหรอก? ไว้สะดวกในการติดต่อแค่นั้นเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวซู่จึงหันไปเหลือบมองหล่อน พูดแก้: “แฟนที่ไม่ใช่แฟนจริงๆ”
เจียงเสี่ยวไป๋: “…”
เมื่อเห็นเขาทำท่าทีจริงจัง หล่อนจึงเบะปาก จากนั้นก็พูดตามคำพูดของเขา: “โอเคๆๆๆ แฟนปลอมๆ ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องเตือนฉันตลอดก็ได้ งั้นเพิ่มเพื่อนกันนะ? ให้ฉันสแกนเครื่องคุณหรือคุณจะสแกนฉัน?”
เซียวซู่เปิดวีแชทออกมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ จากนั้นยื่นคิวอาร์โค้ดของตัวเองให้หล่อนสแกน
หลังจากที่ทั้งสองเพิ่มเพื่อนกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยิ้มขึ้นด้วยความพอใจ “ดีมาก ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ฉันจะบอกคุณนะ คุณอย่าลืมส่งที่อยู่มาให้ฉันด้วยล่ะ พรุ่งนี้ฉันไปหา”
“รู้แล้ว กลับไปได้แล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋จึงยอมกลับไปด้วยความอิ่มเอมใจ
มองดูเงาแผ่นหลังของหล่อนอยู่นานสักพัก เซียวซู่จึงจะเบี่ยงสายตาออก เขามองไปด้านหน้าด้วยความเงียบ ไม่พูดอะไรและไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
– –
ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเหยียนและหานชิงที่เพิ่งจะกลับมาหลังทริปเที่ยว
ทั้งสองกลับมาด้วยเที่ยวบินที่ค่อนข้างดึก เครื่องลงจอดก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ตอนแรกหานมู่จื่อจะไปรับด้วยตัวเอง แต่เย่โม่เซินไม่ยอม บอกว่าดึกดื่นแบบนี้เป็นเวลาพักผ่อนของหล่อน จะไปรับคนที่สนามบินทำไม เสี่ยวเหยียนก็อยู่กับพี่ชายของหล่อน ไม่ใช่ว่าไม่มีใครดูแลสักหน่อย
หานมู่จือถูกเขาพูดมาแบบนั้น เมื่อลองคิดดูดีๆก็รู้สึกว่าเขาพูดถูก
เสี่ยวเหยียนไม่ได้กลับมาคนเดียวสักหน่อย แต่ทว่ากลับมากับหานชิง หล่อนจะไปยุ่งอะไรกับทั้งคู่ด้วยล่ะ? ดังนั้นหานมู่จื่อจึงบอกเสี่ยวเหยียนว่าไม่ไปรับแล้ว ให้หล่อนกลับเอง
ตอนที่เสี่ยวเหยียนได้รับข้อความ หล่อนกำลังลงจากเครื่องบิน สีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที
“มู่จื่อ ไหนบอกว่าจะมารับฉันไม่ใช่หรือไง? ทำไมไม่มาแล้วล่ะ”
“ง่วงแล้ว อยากนอนเร็วๆ เธอกลับเองแล้วกันนะ”
เสี่ยวเหยียน: “…เธอนี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆเลย”
หานมู่จื่อ: “ฉันเห็นแก่ตัว? ถ้าฉันไปรับเธอที่สนามบิน ตอนกลางคืนเธอก็คงมานอนกับฉัน ถ้าฉันไม่ไปรับเธอ เธอก็ได้กลับบ้านกับพี่ชายฉัน เธอเลือกอะไรล่ะ?”
เสี่ยวเหยียนรีบตัดสินใจอย่างหลังทันที
“หึๆ” หานมู่จื่อหัวเราะเยาะด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง: “ดังนั้นใครเห็นแก่ตัวกันแน่?”
เสี่ยวเหยียน: “ฉันเอง”
ดีมาก สาวน้อยคนนี้เข้าใจตัวเองดีจริงๆ
หานมู่จื่ออยากจะคุยกับหล่อนต่อ แต่มือถือของหล่อนกลับถูกใครบางคนแย่งไป หล่อนหันไปพบว่าเย่โม่เซินเป็นคนแย่งมือถือหล่อนไป ทันใดนั้นหล่อนมองหน้าเขาด้วยสีหน้าขุ่นเคืองใจขึ้นมาทันที
“มีอะไรเหรอ…”
เย่โม่เซินวางมือถือไว้ด้านข้าง ขยับเข้ามาโอบเอวของหล่อนไว้ จับดั้งของหล่อนเบาๆ: “ดึกแล้ว เสี่ยวโต้วหยาหลับแล้ว”
“อื้ม คืนนี้เจ้าหนูน่ารักและเป็นเด็กดีมาก นอนหลับตั้งแต่หัวค่ำ” หานมู่จื่อไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญอะไร ทั้งยังพยักหน้าลง
“ผมพาเธอไปนอนที่ห้องด้านข้าง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อจึงเลิกคิ้วขึ้น: “ด้านข้าง? ด้านข้างไม่มีใคร ให้เธออยู่ตรงนั้นคนเดียว…เอ่อ…คงไม่ดีมั้งคะ?”
หล่อนยังไม่ทันพูดจบ เย่โม่เซินก็ก้มลงมาจูบหล่อน แต่เป็นเพราะในใจหานมู่จื่อยังเป็นห่วงเสี่ยวโต้วหยา หล่อนจึงรีบผลักเขาออก จากนั้นพูดใหม่อีกครั้ง: “ให้เสี่ยวโต้วหยานอนคนเดียวไม่ปลอดภัย คุณรีบไปอุ้มลูกกลับมาเถอะ”
เย่โม่เซินก้มหน้าลงมากัดคอขาวนวลของหล่อน พูดด้วยเสียงนิ่งขรึม: “สบายใจได้ ลูกหลับลึกมาก ภายในสองชั่วโมงนี้ไม่มีทางตื่นแน่นอน”
“ถ้าไม่เป็นแบบนั้นล่ะ…” หานมู่จื่อรู้สึกร้อนใจ เพราะหล่อนรู้สึกได้ถึงมือของเย่โม่เซินที่เข้ามาในผ้าห่มแล้ว และเริ่มซุกซนขึ้นมาแล้วด้วย
“ไม่มีอะไรแน่นอน หลายคืนที่ผ่านมา ลูกเป็นแบบนี้ตลอด…” เสียงของเย่โม่เซินเริ่มทุ้มต่ำและแหบแห้งมากขึ้น
หานมู่จื่ออยากขัดขืน หล่อนกัดปากตัวเองไว้ มือจับไว้ที่คอเสื้อของฝ่ายตรงข้ามโดยไม่รู้ตัว: “แต่…”
“อื้อ” หล่อนถูกเขาจูบอย่างลึกซึ้ง และไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นอีก
สนามบิน
เสี่ยวเหยียนเก็บมือถือเข้าไปในกระเป๋าอีกครั้ง จากนั้นเงยหน้ามองหานชิง
“เอ่อคือ…มู่จื่อบอกว่าตอนนี้ดึกเกินไป มารับไม่ได้แล้ว”
“อื้ม” หานชิงไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร จึงตอบกลับไปสั้นๆ จากนั้นช่วยหล่อนจัดคอเสื้อและผมให้เรียบร้อย พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: “ลุงหนานรอรับพวกเราอยู่ด้านนอก คืนนี้ไปค้างที่บ้านผม?”
“เอ่อ”
เสี่ยวเหยียนหน้าแดงขึ้นมาทันที เพราะตอนที่หานชิงจัดผมให้หล่อน นิ้วของเขาเฉี่ยวโดนหน้าของหล่อน แม้จะโดนเฉี่ยวแค่เพียงเล็กน้อย แต่ใจของหล่อนกลับเต้นแรงมาก
แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนใจเต้นมากที่สุดก็คือ หานชิงเป็นฝ่ายเอ่ยถามว่าหล่อนจะไปค้างที่บ้านเขารึเปล่า นี่เท่ากับว่าเป็นการเชิญหล่อนรึเปล่า?
ถ้าถึงตอนนั้นจะ….
เพราะคำพูดประโยคนี้ และการกระทำเล็กๆเพียงแค่นี้ ทำให้เสี่ยวเหยียนเริ่มคิดมากจนสับสนขึ้นมาทันที จากนั้นสีหน้าและหูของหล่อนก็แดงมากขึ้นเรื่อยๆ
หานชิง: “…”
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มองเสี่ยวเหยียนที่อยู่ตรงหน้า
ดูเหมือนว่าหล่อน…คิดไปไกลได้อย่างง่ายดาย? อันที่จริงหานชิงแค่คิดว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว ถ้าไปส่งหล่อนที่บ้านตอนนี้ คงไปรบกวนพ่อแม่ของหล่อน
ดังนั้นจึงให้หล่อนไปพักที่เขาก่อนดีกว่า แต่ก่อนไปก็ต้องถามความเห็นจากสาวน้อยสักหน่อยจึงจะเหมาะสม
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยจะหน้าแดงขึ้นมาแบบนี้
หานชิงยื่นมือไปดีดหน้าผากอันขาวเนียนของหล่อน
“โอ๊ย” เสี่ยวเหยียนร้องด้วยความเจ็บ ความคิดเพ้อเจ้อในหัวของหล่อนแตกสลายไปทันที จับหน้าผากและมองหานชิงด้วยสายตาเคียดแค้น: “มีอะไรเหรอ?”
“ผมถามคุณอยู่ จะไปบ้านผมหรือจะให้ไปส่งที่บ้าน?”