บทที่ 128 นายเห็นอะไรบ้าง
“ อ๊ะ นายทำอะไรน่ะ? ” เสิ่นเฉียวร้องตกใจ และกำลังจะหันไปมองสถานการณ์ข้างหลังของตัวเอง
“ อย่าขยับ ” เย่โม่เซินขมวดคิ้วมองซิปด้านหลังเธออย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมซิปนั้นถึงถูกเขาดึกจนพังได้ “ ผมดูหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”
เสิ่นเฉียวโมโหมาก ถ้าซิปพัง แล้วเธอจะออกไปข้างนอกยังไง?
พอคิดว่าแผนที่เธอวางไว้อย่างดีที่สุดต้องมาพังทลายลง เสิ่นเฉียวก็รู้สึกโมโหมาก ใจของเธอก็ค่อยๆบีบรัดกันแน่น
“ ไม่ต้องดูแล้ว เย่โม่เซิน นายตั้งใจใช่ไหม? ”
เดิมที เย่โม่เซินยังช่วยดูแทนเธออยู่ แต่พอได้ยินเธอพูดแบบนั้น การกระทำบนมือก็หยุดลงทันที หนังตาของเขายกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีดำสนิทจ้องเธอเขม็ง “ ในสายตาของคุณ ผมเป็นคนแบบนั้นหรอ? ”
“ ไม่อย่างนั้นละ? ” เสิ่นเฉียวโมโหจนเบ้าตาแดงก่ำ: “ นายรู้ไหมว่าวันนี้ฉันตั้งใจเตรียมการมากขนาดไหน นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ฉันตั้งใจเจรจาเรื่องงาน ตั้งแต่เข้ามาในบริษัทตระกูลเย่ นายเป็นจริงเป็นจังหน่อยไม่ได้หรอ? ทำไมต้องมาสร้างความวุ่นวาย แถมยังบอกว่าฉันมายั่วผู้ชายอีก ถึงอย่างไร ในสายตาของนาย ฉันก็แค่ผู้หญิงเหลวไหล ที่คิดยั่วผู้ชายไปวันๆใช่ไหม? ”
เธอพูดอย่างโมโห สีตาของเย่โม่เซินค่อยๆหนักแน่นไปตามคำพูดของเธอ
เสิ่นเฉียวพูดไปพูดมา เบ้าตาก็ค่อยๆแดงขึ้น ตอนที่เธอยืดเอวเตรียมจะหมุนตัว อยู่ๆเสื้อสูทก็ถูกนำมาสวมใส่บนตัวเธอ การกระทำของเสิ่นเฉียวหยุดลง และรีบหันหน้าไปมองเขาอย่างรวดเร็ว
“ ใส่แบบนี้ไปก่อน ”
หลังจากที่นำเสื้อสูทให้เธอแล้ว บนตัวของเย่โม่เซินก็เหลือแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียว สายตาของเขาเพิ่มความหยิ่งขึ้น
ใส่เสื้อสูทของเขา
ถึงแม้จะไม่อยากใส่ แต่เสิ่นเฉียวจนปัญญาแล้วจริงๆ เธอคงจะไม่เปลือยท่อนหลังออกไปเด็ดขาด?
สุดท้าย เสิ่นเฉียวก็ทำได้เพียงจ้องเขาอย่างโหดเหี้ยม ดึงเสื้อสูทบนตัวแน่น เปิดประตู และเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
และบังเอิญเป็นตอนที่ผู้จัดการร้านเรียกคนมาพอดี เขากำลังเตรียมจะเปิดประตู แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนที่เขายังไม่จับประตู ประตูก็ถูกเปิดจากด้านในเสียก่อน หลังจากนั้น ก็มีผู้หญิงเดินพุ่งออกมาด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำ
“ เอ๋? ทำไมคุณออกมาจากข้างในได้ละ? ลูกประตูไม่ได้เสียหรอกหรอ…… ” หลังจากนั้น ตอนที่เขาเห็นเย่โม่เซินที่ออกมาจากข้างใน ประโยคหลังก็ค่อยๆหยุดลง ผู้จัดการจึงหันไปมองแผ่นหลังของคนที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยหันมามองเย่โม่เซินที่นั่งอยู่บนรถเข็น
อยู่ๆก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น……
เจอทั้งสองคนกำลังทำอะไรอยู่ข้างใน……
ความคิดด้านหลังยังไม่ทันหลุดออกมา สายตาเคร่งขรึมของเย่โม่เซินก็กวาดมองมาที่เขาซะก่อน พลานุภาพที่กระจายออกมาจากบนตัว กดทับผู้จัดการซะจนพูดไม่ออก
ลองมองดีๆ สีหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนไปมาก นี่ประธานเย่ไม่ใช่หรอ?
คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่……
“ ประ ประธานเย่! ” ผู้จัดการร้องเรียก
เย่โม่เซินเม้มปากด้วยสีหน้าเย็นชา และพูดเสียงเบา: “ เมื่อสักครู่ เห็นอะไรบ้าง? ”
ผู้จัดการ: “ ไม่เห็นอะไรเลย ”
“ เหอะ ” เย่โม่เซินยกยิ้มอย่างพอใจ “ ทำได้ดี ปลายปีค่อยให้เงินโบนัส ”
ผู้จัดการรีบยิ้มประจบทันที “ ขอบคุณประธานเย่มากครับ ลูกประตูเสีย ผมต้องเรียกคนมาซ่อม เชิญประธานเย่ไปทำธุระก่อนก็ได้ครับ ”
เย่โม่เซินกวาดตามองเขาเล็กน้อย หลอกง่ายจริงๆ เขาดึงเนคไทไปมา หลังจากนั้นก็เข็นรถเข็นจากไป
รอจนเขาออกไปแล้ว ผู้จัดการร้านถึงค่อยหันไปมองชายสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง: “ ยังไม่รีบไปซ่อมประตูอีก? ”
ชายสองคนนั้นทำได้เพียงกลอกตาไปมาในใจ: ตัวล็อคมันดีอยู่แล้ว จะให้ซ่อมยังไง? ให้ใช้อากาศซ่อมหรอ?
*
ตอนที่เสิ่นเฉียวมาโผล่ที่โต๊ะอีกครั้ง บนตัวก็มีเสื้อสูทของผู้ชายแล้ว
ดังนั้น สายตาที่ ซูจิ่ว มองเธอจึงมีความแปลกใจเล็กน้อย ไปห้องน้ำครู่เดียวทำไมถึง……
หานชิงนิ่งเฉยกว่า ซูจิ่ว เขากวาดสายตาไปมองเสื้อสูทบนตัวเธอเล็กน้อย และค่อยเก็บสายตาลง
หลังจากที่เสิ่นเฉียวเข้ามา เย่โม่เซินก็กลับเข้ามาด้วยเช่นกัน หลังจากนั้น เสื้อสูทบนตัวเขาก็หายไปซะเฉยๆ ซูจิ่ว กระพริบตา รู้สึกว่าจับเรื่องอะไรดีๆได้ซะแล้ว
เซียวซู่: “ …… ”
สถานการณ์ต้องเก้อเขินขนาดนี้เลยหรอ?
“ คือ…… ” เสิ่นเฉียวอดกลั้นความร้อนรนในใจ และหยิบข้อมูลโครงการที่เตรียมไว้แล้วออกมาตั้งบนโต๊ะ “ ประธานหานคะ ปรกติคุณยุ่งมาก วันนี้โชคดีที่สามารถเชิญคุณมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน เป็นเกียรติแก่บริษัทของเรามากๆค่ะ เชิญคุณดูข้อมูลฉบับนี้ก่อนค่ะ ”
เธอหยิบข้อมูลมาวางบนโต๊ะ
ในที่สุดก็เข้าเรื่องสำคัญสักที ซูจิ่ว รู้สึกโล่งใจ และรับข้อมูลมาเปิดดู หลังจากนั้น ก็ได้พูดถามขึ้น
เย่โม่เซินมาด้วยพอดี ไวน์กับอาหารก็เสิร์ฟครบแล้ว ตอนที่พนักงานรินไวน์ให้พวกเขา เสิ่นเฉียวมองของเหลวที่กำลังรินไหล ก็มีความรู้สึกเสียดาย
ทั้งหมดนั้นคือเงินทั้งสิ้น
เห้อ
หานชิงสังเกตได้ถึงอารมณ์โศกเศร้าของเธอ และเหมือนจะเดาอะไรได้ ดวงตาสีหมึกปรากฏความขี้เล่นขึ้นทันที
“ ประธานหาน ” เสียงเย็นชาของเย่โม่เซินดังขึ้น ดึงสติของหานชิงกลับไป
หานชิงเงยหน้าสบตากับสายตาของเย่โม่เซินกลางอากาศ
“ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ ”
ทั้งสองคนชนแก้วกัน
และเวลานี้ ประตูร้านก็ถูกเปิดออกอย่างรีบร้อน หญิงสาวน่ารักที่ใส่ชุดเดรสสีชมพูอ่อนวิ่งเข้ามา สายตามองไปทั่วทุกทิศทาง ตอนที่เห็นเสิ่นเฉียวกับหานชิงนั่งประชันหน้ากัน ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนสีไปทันที หลังจากนั้นก็รีบก้าวเท้าวิ่งเข้าไปหา
แต่วิ่งไปได้สองก้าว หานเส่โยวก็เหมือนนึกอะไรออก
เธอวิ่งไปอย่างรีบร้อนแบบนี้ จะไม่ร้อนตัวเกินไปหรอ? พี่ของเธอเป็นคนที่ฉลาดเกินคนขนาดนั้น ถ้าตัวเองทำพิรุธต่อหน้าเขาสักนิด ก็อาจจะถูกรู้ได้เลย
คิดมาถึงตรงนี้ ต่อให้หานเส่โยวร้อนใจมากเพียงใด ก็ไม่กล้าวิ่งเข้าไปหาพวกเขาตรงๆอีกแล้ว
ทำได้เพียงข่มความร้อนใจเอาไว้ เผยรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้า และเดินเข้าไปใกล้พวกเขา
“ พี่ พี่กลับมาทำไมไม่บอกฉันสักคำละ? เฉียวเฉียว! ” เดินเข้าไปใกล้แล้วหานเส่โยวถึงค่อยพูดขึ้น น้ำเสียงกับสายตาเต็มไปด้วยการรอคอย ท่าทางน่ารักของเธอเหมือนดีใจมากที่รู้ว่าพี่ชายกำลังจะกลับประเทศ
“ เส่โยว? ” เสิ่นเฉียวได้ยินเสียงของเธอ และเม้มปากเข้าด้วยกัน: “ เธอมาแล้ว? ”
หานเส่โยวเดินไปยืนตรงหน้าเสิ่นเฉียว และกระแอมไอเสียงเบา: “ เอ๋ เลขาซู ก็อยู่ด้วย พวกคุณกำลังเจรจาเรื่องงานกันอยู่หรอ? ”
ซูจิ่ว พยักหน้า
สีหน้าของหานชิงยังคงไร้อารมณ์เหมือนเดิม
“ ขอโทษนะพี่ ฉันไม่รู้ว่าพวกพี่กำลังเจรจาเรื่องงานกันอยู่ ฉันได้ยินคนขับรถบอกว่าหลังจากที่พี่ลงเครื่องก็ไม่ได้นั่งรถเขา ฉันจึงมาหา ไม่คิดว่า…… ” พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอก็ปรากฏความรู้สึกผิดขึ้นมา
ในที่สุดหานชิงก็เงยหน้ามองเธอ และพูดขึ้นเสียงนิ่ง
“ ไม่เป็นไร นั่งสิ ”
“ ขอบคุณค่ะพี่! ” หานเส่โยวรีบนั่งลงข้างเสิ่นเฉียวอย่างรวดเร็ว ภายนอกเธอเหมือนกำลังเบิกบาน แต่ความเป็นจริง ในใจกลับเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น
หลังจากที่นั่งลงก็พบว่าเย่โม่เซินก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน สายตาของหานเส่โยวจึงเป็นประกายขึ้นทันที และทำการทักทายเขา
“ คุณชายเย่ก็อยู่ด้วย สวัสดีค่ะ~ ”
เย่โม่เซินพยักหน้าเป็นการขานรับ
เดิมทีเป็นแค่การเจรจาเรื่องงาน สุดท้าย มื้ออาหารนี้กลับมีคนสองคนมาเพิ่มอย่างน่าแปลกใจ
เย่โม่เซินกับหานเส่โยว
ในระหว่างนั้น เสิ่นเฉียวก็ไม่รู้ว่าควรเจรจาต่อยังไงดี ช่างเป็นสถานการณ์ที่ทำให้คนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกซะจริงๆ