บทที่ 129 งานประชุมสำคัญกว่าฉันหรอ
บรรยากาศภายในร้านเก้อเขินเป็นอย่างมาก หานเส่โยวก็รู้สึกไม่เป็นตัวเองเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าสายตาของเธอมีความร้อนใจ และกระวนกระวายมาก สายตาของเธอมองใบหน้าหานชิงอยู่ตลอดเวลา
และไม่รู้ว่าหานชิงจะรับรู้ถึงความแปลกประหลาดนี้ไหม ดังนั้น หานเส่โยวจึงทำได้เพียงเปลี่ยนประเด็น และเคลื่อนสายตาไปที่บนตัวของเธอ
แต่ทว่า ไม่ว่าเธอจะทุ่มเทแรงกายขนาดไหน น้อยครั้งที่ชายสองคนที่อยู่บนโต๊ะจะเคลื่อนสายตาไปมองใบหน้าเธอ
“ ฮัดชิ่ว—— ”
และในตอนนี้ อยู่ๆเสิ่นเฉียวกลับรู้สึกคันจมูกขึ้นมา เธอจึงยื่นมือมาปิดจมูก หันหัวไปด้านหลัง และจามออกมา
เสียงไม่ดังมาก แต่กลับดึงดูดสายตาของทุกคนเป็นอย่างดี
รวมทั้งหานชิงกับเย่โม่เซินที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วย
“ เป็นอะไร? ” เย่โม่เซินขมวดคิ้วถาม
สายตาของหานชิงกำลังสังเกตบนตัวของเสิ่นเฉียว
เดิมที หานเส่โยวคิดจะพูดถามเสิ่นเฉียวอย่างเป็นห่วง แต่เห็นเย่โม่เซินกับหานชิงที่กำลังมองเธออยู่นั้น การกระทำก็หยุดลงทันที เย่โม่เซินเป็นห่วงเสิ่นเฉียวเป็นเรื่องปกติ แต่ทำไมแม้แต่พี่ชายของเธอก็ยัง…… ”
เห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว หานเส่โยวก็กัดริมฝีปากล่างเงียบๆ มือที่วางอยู่ใต้โต๊ะค่อยๆกำเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว
ทำไม? เธอลงทุนพูดขนาดนั้น ทุกคนยังไม่สนใจเธอ แต่เสิ่นเฉียวแค่จามเบาๆ สายตาของทุกคนกลับไปหยุดอยู่ที่เธอ
พี่ชายก็อีกคน เห็นอยู่ว่าเขาเป็นคนที่เย็นชาขนาดนั้น ทำไมถึงมองเธอละ? แถมสายตายังมองไม่วางอีกต่างหาก น่ามองขนาดนั้นเลยหรือไง?
เดิมที หานเส่โยวก็ร้อนใจอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่เป็นสุขขึ้นไปอีก เธอกำสองมือของตัวเองแน่น เล็บฝังเข้าไปในเนื้อแล้วก็ยังไม่รู้สึก
เสิ่นเฉียวเห็นว่าทุกคนกำลังมองเธออยู่ ใบหน้าขาวก็แดงขึ้นมาทันที เธอปิดจมูกตัวเอง และส่ายหัวไปมา: “ ฉันไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณต่อสิ ”
เย่โม่เซินกลับขมวดคิ้วอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ อยู่ๆก็จาม หรือว่าจะเป็นหวัด? เพราะเย่โม่เซินย้ายเตียงของเธอออกไปแล้ว ต่อไปเธอก็ต้องปูพื้นนอนตลอด ตอนกลางคืนเย่โม่เซินก็ไปแย่งผ้าห่มเธอมานอนกอดเธออีกด้วย และเธอมักจะชอบเตะผ้าห่ม อีกอย่าง บางครั้ง ตอนตื่นนอนเธอก็อยากจะออกห่างจากเย่โม่เซินไปให้ไกล
และในตอนนี้ มีพนักงานยกกาแฟมาเสิร์ฟ คงจะเอาไปเสิร์ฟให้โต๊ะที่อยู่ด้านใน หานเส่โยวที่นั่งอยู่ด้านนอกเห็นเข้า ในใจก็เกิดความคิดขึ้นทันที
“ ไอยา ”
“ อ๊ะ! ”
พนักงานเอากาแฟมาเสิร์ฟ อยู่ๆหานเส่โยวที่นั่งนิ่งมาตลอดก็ยืนขึ้นอย่างกะทันหัน และได้ชนเข้ากับกาแฟร้อนๆถ้วยนั้นอย่างไม่ได้ระวัง กาแฟทะลักออกมา ของเหลวร้อนๆสาดไปที่บนตัวหานเส่โยว
“ ร้อน ร้อน! ” หานเส่โยวเบ้าตาแทบจะแดงขึ้นทันที ผิวที่คอแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอกระโดดร้องอยู่ที่เดิม
“ ขอโทษครับ! ” พนักงานเห็นเข้าก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ และรีบพูดขอโทษ: “ คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรไหมครับ? ตามผมไปข้างหลัง ผมจะเอาน้ำแข็งมาประคบให้ ”
ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวของตัวเอง และตอนนี้ ในที่สุดหานชิงก็ยืนขึ้น ดึงมือของหานเส่โยว และพูดถามขึ้น: “ มีน้ำเย็นไหม? ”
“ มีมีมีครับ อยู่ข้างหลัง ”
ดังนั้น หานชิงจึงพาหานเส่โยวไปที่ข้างหลัง เขาหยิบกระดาษชำระมาจุ่มน้ำ และแนบไปบนผิวที่คอของเธอ หานเส่โยวเจ็บจนน้ำตาไหล: “ ขอโทษนะพี่ ฉันไม่ดูตาม้าตาเรือเอง จึงทำให้พี่ลำบาก ”
ได้ฟังดังนั้น หานชิงจึงก้มมองเธอ เห็นท่าทางน่าสงสารของสาวน้อย ในใจก็รู้สึกจนปัญญา น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย: “ ครั้งหน้าก็ระวังหน่อยละ ”
“ อือ พี่……ฉันจะเป็นแผลเป็นไหม? ”
หานชิงขมวดคิ้ว หานเส่โยวถือโอกาสจับมือของเขาไว้ และพูดอย่างน่าสงสาร: “ ถ้าเป็นแผลเป็น จะน่าเกลียดไหม แล้วถ้าถึงตอนนั้น ฉันจะแต่งออกเรือนได้ไหม? ”
เงียบไปสักพัก หานชิงก็ถอดกระดุมเสื้อสูทออก หลังจากนั้นก็นำเสื้อคลุมมาคลุมตัวหานเส่โยว และห่อตัวเธอไว้: “ ไปโรงพยาบาล ”
ได้ยินหานชิงบอกว่าจะพาตัวเองไปโรงพยาบาล หานเส่โยวก็รู้สึกดีใจ สายตาที่มองหานชิงเต็มไปด้วยการรอคอย: “ ขอบคุณค่ะพี่ ”
หลังจากนั้น เธอก็เดินออกไปข้างนอกพร้อมกับหานชิง เพียงแค่หานชิงพาเธอไปโรงพยาบาล ก็ไม่ต้องอยู่ร่วมกับเสิ่นเฉียวที่นี่อีกต่อไปแล้ว เป็นแบบนั้นค่อยปลอดภัยหน่อย
“ เส่โยว เธอไม่เป็นไรนะ? ” ตั้งแต่ที่เสิ่นเฉียวรู้ว่าหานเส่โยวโดนกาแฟลวก ก็นั่งไม่ติดอีกเลย แต่พี่ชายของเธออยู่ที่นั่นด้วย เธอจึงไม่ค่อยกล้าขึ้นไปทำอะไรมากนัก ทำได้เพียงรอเธอออกมา และรีบพูดถามอย่างเป็นห่วงเท่านั้น
หานเส่โยวเห็นเธอมองมาที่ตัวเอง ตาสวยก็ปรากฏความหงุดหงิดขึ้น ในใจเกิดความรู้สึกที่ว่าเสิ่นเฉียวตั้งใจแสร้งทำเป็นคนดีต่อหน้าพี่ชายเธอ ช่างชวนให้รู้สึกสะอิดสะเอียนจริงๆ!
“ ฉันไม่เป็นไร ”
ดังนั้น หานเส่โยวจึงหลบหลีกการจับต้องของเสิ่นเฉียว สีหน้านิ่ง
มือของเสิ่นเฉียวที่ยื่นออกไปหยุดชะงักกลางอากาศ เธอมองหานเส่โยวอย่างไม่เข้าใจ
เกิดอะไรขึ้น? เส่โยว เธอ……
“ เลขาซู ” หานชิงพูดขึ้นเสียงเย็นชา: “ พาคุณหนูไปจัดการแผลที่โรงพยาบาล อย่าให้เป็นรอยแผลเป็น ”
เดิมที หานเส่โยวที่ดีอกดีใจอยู่นั้น หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ ก็เหมือนถูกคนสาดน้ำเย็นใส่ สีเลือดบนใบหน้าของเธอซีดขาวทันที
“ พี่ พี่……พี่ไม่พาฉันไปหรอ? ”
เลขาซู ยืนขึ้น และพูดอธิบายกับหานเส่โยวนิ่งๆ: “ คุณหนูเส่โยวคะ ท่านประธานหานงานยุ่งมาก และอีกสิบนาที เขาต้องรีบไปเข้าร่วมงานประชุมสำคัญ จึงให้ฉันพาคุณไปแทนค่ะ ”
หานเส่โยว: “ ……งานประชุมนั้นสำคัญกว่าบาดแผลของฉันหรอ……พี่…… ”
เลขาซู ขมวดคิ้ว เธอกลัวว่าคำพูดต่อไปของหานเส่โยวจะทำให้หานชิงอารมณ์เสีย จึงรีบเดินขึ้นไปโอบไหล่ของเธอไว้: “ พอแล้ว คุณหนูเส่โยว ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกไม่สบายตัว ฉันจะพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลสักครู่ ตอนกลางคืน พอพี่ชายของคุณเสร็จจากงานแล้วก็จะมาดูคุณ ไปกันเถอะ ”
ไม่นาน เลขาซู ก็พาหานเส่โยวเดินออกไป
หานเส่โยวกัดริมฝีปากล่างอย่างคับแค้นใจ ก่อนออกไป เธอได้หันมองไปทางเสิ่นเฉียวด้วยท่าทางที่ใกล้จะร้องไห้: “ เฉียวเฉียว ฉันกลัว เธอไปกับฉันได้ไหม? ”
เสิ่นเฉียวเห็นท่าทางของเธอก็รู้สึกเป็นห่วง เพียงแต่วันนี้เธอนัดหานชิงให้มา หานชิงไม่ไป เธอจะไปได้ยังไง……
คิดมาถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็มองเย่โม่เซินอย่างไม่รู้ตัว
เย่โม่เซินมองเห็นการอ้อนวอนในดวงตาของเธอ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้โง่ไปแล้วหรือไง?
แต่ถึงอย่างไรเย่โม่เซินก็ปฏิเสธเธอไม่ได้ เขาจึงพูดขึ้นเสียงเย็น: “ ไปเถอะ นานๆทีผมจะมีโอกาสได้เจอกับประธานหาน พวกเธออย่าอยู่ให้เสียบรรยากาศเลย ”
เสิ่นเฉียว: “ …… ”
ผู้ชายคนนี้ช่วยเธอหรือทำให้เธอดูแย่เนี่ย
ช่างปากร้ายและเย่อหยิ่งซะจริงๆ
แต่สุดท้ายเสิ่นเฉียวก็มองเขาอย่างขอบคุณ หลังจากนั้นก็พูดขอโทษหานชิง และพยุงหานเส่โยวเดินออกไป
เธอคิดว่า ถึงอย่างไรหานเส่โยวก็เป็นน้องสาวของหานชิง ถ้าเธอไปกับหานเส่โยว เขาก็คงจะไม่ว่าอะไรหรอก
หานเส่โยวเอนตัวพิงเสิ่นเฉียวอย่างหมดแรง และพูดขึ้น: “ เฉียวเฉียว มีเธอไปกับฉันด้วยก็ดีเหมือนกัน เลขาซู ไม่อย่างนั้น คุณกลับไปเถอะ ”
ได้ฟังดังนั้น เลขาซู ก็ชะงักไปทันที: “ แต่ท่านประธานหานกำชับฉัน…… ”
“ พี่ของฉันเป็นห่วงที่ไม่มีใครไปกับฉัน แต่ตอนนี้ มีเฉียวเฉียวอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว อีกอย่าง……ไม่ใช่ว่าอีกสิบนาที พี่ของฉันมีงานประชุมสำคัญหรอกหรอ? เขาต้องให้คุณช่วยแน่ๆ คุณไปช่วยพี่ของฉันเถอะ ”