บทที่ 1283 แมลงวันน่ารำคาญ
จริงๆแล้ววันนี้เซียวซู่มีงานสังสรรค์ และบังเอิญมีนัดที่โรงแรมที่เดียวกันกับเจียงเสี่ยวไป๋
คนในห้องวีไอพีกำลังสูบบุหรี่ กลิ่นควันหนาแน่น เซียวซู่จึงใช้ข้ออ้างออกมาเข้าห้องน้ำเพื่อสูดลมหายใจ สุดท้ายเพิ่งจะออกจากห้องวีไอพี ก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวกำลังพูดอยู่
เสียงของหญิงสาวนั้นฟังดูฉลาด สง่างาม และเต็มไปด้วยพลัง
คุ้นเคยมากๆ เซียวซู่หันไปทางมุม และเห็นร่างสูงผอมยืนพิงหน้าต่างกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“จะพาเขามาทำไม สถานที่แบบนี้ดูผืนๆเหมือนจะสงบสุข แต่จริงๆแล้วมีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งเต็มไปหมด ใครจะอยากมาสถานที่แบบนี้กันละ?
นอกจากนี้ เขาและฉันไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆตั้งแต่แรก ให้เขามารับการเบียดเบียนเป็นเพื่อนฉันน่ะเหรอ แบบนี้ก็ไม่ค่อยดีหรอกนะ “
“ใช่ไหมละ?เฮ้อ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแม่ของฉันให้ฉันมาให้ได้ ฉันอยากอยู่บ้านดูละครทีวีในที่นอนจริงๆเลย นอนก็ได้ ตอนนี้งานเลี้ยงวันเกิดยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการ ฉันก็อยากนอนมากๆแล้ว “
“ทนหน่อยเหรอ?เนี่ยต้องทนตั้งวันหนึ่ง ช้ำใจมากจริงๆเลย”
สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยการแสดงออกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว เซียวซู่ที่ยืนอยู่ตรงหัวมุมเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
กลิ่นคาวเลือดคลุ้งเต็มไปหมด?
งานเลี้ยงวันเกิดคุณย่าของเธอเองไม่ใช่เหรอ? จะมีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งเต็มไปหมดได้อย่างไร? เซียวซู่รู้สึกงงงวยเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้ มาเจอเธอที่นี่ด้วย
ในตอนที่เซียวซู่กำลังลังเลอยู่ว่าจะออกไปทักทายเจียงเสี่ยวไป๋ดีหรือไม่ ก็มีหนึ่งคนออกมาจากด้านหลังของเธอ
“ ไม่อยากมางานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่าขนาดนี้เชียวเหรอ ทำไมจะต้องเสแสร้งวิ่งมาที่นี่ด้วยล่ะ มาแล้วก็วิ่งออกไปข้างนอกเพื่อคุยโทรศัพท์ เจียงเสี่ยวไป๋ เธอช่างเจ้าเล่ห์ซะเหลือเกิน”
คนที่มาก็คือเจียงเหมย
หลังจากได้รับความอับอายจากคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋ไปแล้วนั้น ความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจไม่ได้ปล่อยออกมา บังเอิญงานเลี้ยงวันเกิดยังไม่เริ่มพอดี ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองที่อยากจะสร้างปัญหาให้กับเจียงเสี่ยวไป๋ได้อีกแล้ว
หลังจากมองหาไปตั้งรอบหนึ่ง ถึงจะพบว่าเธอวิ่งออกมาแล้ว
จากนั้น เธอก็ได้ยินคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋ที่บอกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่
“ ใครเหรอ?” ฟางถังถังทางนั้นเมื่อได้ยินอีกเสียงออกมาอย่างกะทันหัน ก็ถามอย่างซุบซิบ
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองไปที่ผู้มาเยือนหนึ่งครั้ง รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก แล้วกล่าวว่า “แมลงวันน่ารำคาญมาอีกแล้ว”
คำคุณศัพท์ที่เรียกแมลงวันคำนี้ทำให้สีหน้าของเจียงเหมยเปลี่ยนสี เธอกัดฟันเดินไปตรงหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋ และถามเสียงดัง
“เจียงเสี่ยวไป๋ เธอหมายความว่าอะไรกันแน่?ฉันทำอะไรให้เธอขุ่นเคืองเหรอ?เลยทำให้เธอมุ่งเป้า ไปที่ฉันในการเจอกันครั้งนี้ขนาดนี้?”
“ ถังถัง เดี๋ยวฉันค่อยคุยกับเธอนะ รอให้งานเลี้ยงวันเกิดจบงานแล้วฉันค่อยโทรหาเธอ จุ๊บจุ๊บ”
หลังจากพูดเสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋ก็วางสาย จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์มือถือ และมองไปทางเจียงเหมย ด้วยสีหน้าตลกเล็กน้อย
“เจียงเหมย เป็นฉันที่มุ่งเป้า ไปที่เธอ หรือว่ามุ่งเป้า ไปที่ฉันกันแน่?”
เจียงเหมย “…… “
“ฉันอุตส่าห์วิ่งออกมาคุยโทรศัพท์แล้ว เธอยังตามออกมาด่าว่าฉันอีก เป็นใครที่มุ่งเป้า ไปที่ใครกันแน่?” เจียงเสี่ยวไป๋จับปอยผมจากหน้าผากเหน็บที่ด้านหลังศีรษะ ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “ตัวเธอเองยังอยู่ในเงามืดและจ้องจะทำร้ายคนอื่น ยังโทษว่าคนอื่นทำให้คนอื่นไม่สบายใจอีกเหรอ?”
“เธออย่าเสแสร้ง! ถ้าหากเมื่อสักครู่นี้เธอไม่ได้ว่าฉันแบบนั้น ฉันจะต้องถึงกับตามเธอออกมาด้วยเหรอ?เห็นได้ชัดว่าเป็นเธอที่ว่าฉันก่อน!”
“เธอแน่ใจเหรอเจียงเหมย เป็นใครที่เห็นฉันจากระยะไกลแล้ววิ่งเข้ามาพูดเสียดสีฉันทุกรูปแบบ ฉันก็แค่หนามยอกเอาหนามบ่งเท่านั้นเอง”
“แก!”
เมื่อเห็นท่าทางของเจียงเหมย เจียงเสี่ยวไป๋ก็หัวเราะอย่างสะใจหนึ่งครั้ง เดินเข้าไปหาเธอและเคาะจมูกของเธอเบาๆ “ทำไมละ?แค่นี้เธอก็รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วเหรอ? ในเมื่อเล่นไม่ได้ขนาดนี้ ต่อจากนี้ไปเธอก็ประพฤติตัวดีๆหน่อย ไม่ต้องมาริเริ่มยั่วโมโหฉัน ตอนนี้ฉันไม่ได้น่ารังแกเหมือนตอนเรียนหนังสือในตอนนั้นแล้วนะ “
หลังจากพูดเสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เก็บมือกลับ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปด้วย จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างใน
เจียงเหมยยืนอยู่ที่เดิม โมโหจนสีหน้าซีดขาว แต่ก็ทำอะไรเธอไม่ได้
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋เดินออกไปแล้วนั้น เจียงเหมยก็โมโหแล้วด่าออกมาหนึ่งประโยคว่า “เจียงเสี่ยวไป๋เธอมันหญิง ชั่ว อีกสักพักฉันจะดูว่าหล่อนจะขายหน้าต่อหน้าคุณย่าอย่างไร!”
หลังจากพูดเสร็จ เธอก็โบกมือ และเดินตามเข้าไป
หลังจากรอให้ทุกคนออกไปนั้น เซียวซู่ถึงจะเดินออกมาจากมุม ขมวดหัวคิ้วแน่น
บทสนทนาระหว่างหญิงสาวทั้งสองคนถูกเขาได้ยินอย่างชัดเจน และก็ได้ยินคำพูดสุดท้ายของเจียงเหมยตามธรรมชาติ
แม้จะไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองคน แต่ว่าดูจากบทสนทนาแล้ว เซียวซู่ก็สามารถเดาได้คร่าวๆว่า ทั้งสองคนไม่ลงรอยกัน และเจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ใช่คนที่ยอมคนและไม่มีปฏิกิริยาใดต่อฝ่ายตรงข้ามพวกนั้น ดังนั้นทั้งสองคนถึงได้ทะเลาะกันรุนแรงขนาดนี้
คิดไม่ถึงว่า งานเลี้ยงวันเกิดงานหนึ่งจะเป็นเช่นนี้ …
เซียวซู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กำลังเตรียมตัวจะส่งข้อความถึงเจียงเสี่ยวไป๋ แต่กลับมีคนที่อยู่ข้างหลังตบไหล่เขาครั้งหนึ่ง
“ ผู้ช่วยเซียว ทำอะไรอยู่?ออกมานานขนาดนี้ ฉันยังคิดว่านายยังไม่ออกมาจากห้องน้ำซะอีก”
เซียวซู่กลับมามีสติ และหันศีรษะกลับไป
“ ประธานจ้าว ”
“ไปกันเถอะ ทุกคนอยู่ในห้องวีไอพีรอนาย กลับไปนะ”
เซียวซู่หยุดไปชั่วขณะ คิดถึงเจียงเสี่ยวไป๋ และในที่สุดก็เม้มริมฝีปาก และกลับไปกับประธานจ้าว
**
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋กลับมา งานเลี้ยงวันเกิดก็เกือบจะเริ่มขึ้นแล้ว
ตู้เซียวหยู่ ดึงแขนของเธอหนึ่งครั้ง และถามด้วยเสียงต่ำ “เธอไปไหนมา สถานที่แบบนี้เธอยังกล้าวิ่งไปมั่วซั่ว กลัวว่าคุณย่าของเธอจะมีความประทับใจต่อเธอแย่ไม่พอเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยักไหล่อย่างเฉยเมย “คุณแม่ ไม่ได้แย่มากที่สุดนะคะ มีเพียงแย่ไปกว่านั้น ยังไงซะความประทับใจของท่านที่มีต่อฉันจะไม่ดีไปกว่านี้แล้ว ก็แล้วแต่ท่านไปแล้วกัน แล้วอีกอย่างทำไมฉันต้องเอาใจท่านด้วยละ?”
ตั้งแต่เล็กจนโตคุณย่าคนนี้ก็ไม่เคยแสดงหน้าดีๆให้เธอเห็นเลย เป็นเพราะว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิง
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงจะมีอะไรผิดไป แต่ว่าทัศนคติของคุณย่า มักจะให้ความรู้สึกเธอแบบ เธอเป็นผู้หญิงเท่ากับเธอผิด
ดังนั้นไม่ต้องพูดว่าคุณย่าไม่ชอบเธอ เธอก็ไม่ชอบคุณย่าคนนี้มากๆเช่นกัน
“ ใครใช้ให้เธอเอาใจท่านละ ก็แค่ให้เธอทำตัวดีๆเป็นตัวของตัวเอง อย่าปล่อยให้เธอพูดข้อบกพร่องของเธอได้ วันนี้มีคนมาที่นี่ตั้งมากมาย ถ้าถึงตอนนั้นตำหนิข้อบกพร่องของเธอต่อหน้าทุกคน พูดข้อเสียของเธอ เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งยังมีหน้าอยู่อีกไหม?”
เจียงเสี่ยวไป๋ “คุณแม่ คุณดูถูกคุณย่าของฉันมากเกินไปแล้ว แม้ว่าฉันจะทำอย่างสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติท่านก็จะพบข้อบกพร่องอย่างแน่นอน คุณเชื่อไหม?”
ตู้เซียวหยู่ “… “
เธอจะไม่เชื่อได้อย่างไร เพราะว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว เฮ้อ
“ แล้วเธอจะโทษว่าแม่ให้เธอมาว่างั้นสิ?”
“เปล่าค่ะ หลังจากวันนี้มาตอกกลับคน รู้สึกดีมากๆเลยค่ะ อิอิ”
หลังจากที่เธอตอกกลับเจียงเหมยและคุณป้ารองแล้ว และหลังจากได้เห็นสีหน้าของทั้งสองคนนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกสะใจมากๆ นี่เรียกว่าสบายใจไปทั้งตัว
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจในเวลานั้นว่า นั่นก็คือเธอจะไม่ยอมให้ใครจู้จี้จุกจิกหรือพูดเสียดสีใส่ร้ายเธออีกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นใคร ตราบใดที่กล้าพูดเสียดสีเธอ เธอก็จะสู้กลับโดยปราศจากความเมตตา
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะทำอะไรผิด งั้นก็ขอให้ตัวเองสบายใจก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“ใช่สิ คุณพ่อของฉันละ?”
“ ช่วยงานอยู่ด้านหลัง”
“เอ๊ะ งานเลี้ยงวันเกิดอีกนานแค่ไหนกว่าจะเริ่ม?”
“ใกล้แล้ว อีกสักพักหนึ่งตอนที่เธอมอบของขวัญเธอก็มอบดีๆนะ อย่าลืมพูดดีสักสองสามคำละ”
“อืม”
เธอพูดดีไม่เป็นเหรอ? เอ๊ะ ต้องคิดว่าจะพูดอย่างไรถึงจะถูก ก็พูดแบบพื้นฐานที่สุดว่า ขอให้มีบุญบารมีกว้างใหญ่ไพศาล มีอายุมั่นขวัญยืน แบบนี้ดีไหม?