บทที่ 1288 ผู้หญิงไม่ดีเท่าผู้ชายงั้นหรอ
หลังจากพูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ดูเหมือนเสียใจจนทำอะไรไม่ถูก ส่ายศีรษะ จากนั้นก็ถามไปว่า “ฉันไม่แน่ใจว่า เธอต้องการให้ฉันพูดอะไรให้ชัดเจนงั้นเหรอ ฉันโง่ไปหน่อย ถ้าไม่อย่างนั้นเธอพูดออกมาให้ชัดเจนได้ไหม ?”
ใบหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋ยิ่งน่าสงสารขึ้นไปอีก และยิ่งแสดงว่าตัวเธอเองไม่รู้อะไรด้วย เจียงเหมยก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น
และคนที่อยู่ข้างๆอย่างเจียงโย่วได้เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ใช้วิธีนี้เพื่อจัดการกับเจียงเหมย ก็อดไม่ได้ที่จะลดสายตาลงและหัวเราะเบา ๆ
ดูท่า เธอตั้งใจจะใช้วิธีการยั่วยุให้เกิดอาการฮึกเหิมนี่เอง
ยิ่งเจียงเหมยดิ้นแรงมากเท่าไหร่ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยิ่งนิ่งเงียบมากเท่านั้น ในกรณีนี้เจียงเหมยก็ยิ่งเสียหน้าต่อหน้าผู้อาวุโสและทุกๆคน แม้ว่าทำแบบนี้จะดูไร้ศีลธรรมไปหน่อย แต่เขากลับดูอย่างตื่นเต้นมากๆเป็นเพราะอะไรนะ?
ใครใช้ให้เจียงเหมยก่อเรื่องวุ่นวายตลอดเวลากันละ
“เจียงเสี่ยวไป๋ เธออย่ามาเสแสร้ง คำพูดในเมื่อสักครู่นี้ที่ฉันพูดเธอก็ได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว ตอนนี้เธอให้ฉันพูดอย่างชัดเจน หรือเธอไม่รู้สึกละอายใจเหรอ?ให้คุณลุงสามและน้าสามเลี้ยงดูเธอ เธออายุก็เกือบจะสามสิบแล้ว ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว”
ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง และเปรียบเทียบท่าทางของทั้งสอง
เจียงเสี่ยวไป๋สงบนิ่งตามปกติ เจียงเหมยตะโกนเสียงดัง กิริยาต่ำก็แสดงออกมาอย่างรวดเร็วแล้ว
และสะใภ้รอง ก็คือคุณแม่ของเจียงเหมยให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของคนรอบข้างอยู่ตลอดหลังจากเห็นว่าสายตาของทุกๆคนมองลูกสาวตัวเองอย่างดูถูกเล็กน้อยแล้วนั้น ก็ตระหนักได้ว่าเรื่องราวกำลังดำเนินการไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง และรีบดึงมือของเจียงเหมยทันที
“เหมยเหมย หยุดสร้างความเดือดร้อนได้แล้ว ในสถานที่แบบนี้เธอจะก่อความวุ่นวายไปทำไม?”
เจียงเหมยดึงมือของตัวเองกลับ “คุณแม่ ฉันก็แค่อยากเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลุงสามและน้าสามก็เท่านั้นเอง พวกเขาไม่มีลูกชาย มีแค่ลูกสาวเพียงคนเดียว ตอนนี้ลูกสาวก็ยังไร้ประโยชน์ขนาดนี้ ฉันทนดูต่อไม่ได้ อีกแล้ว”
และริมฝีปากของเจียงเสี่ยวไป๋กลับกระตุกขึ้น เพราะเจียงเหมยบอกว่าเธออายุเกือบจะสามสิบแล้ว
ขอร้อง เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ โอเคไหม? อะไรคืออายุเกือบจะสามสิบแล้ว
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็หัวเราะเยาะ และพูดว่า “เจียงเหมย พวกเราอายุเท่ากันนะ เธอคิดว่าเธอเป็นคนอายุสามสิบปีแล้ว แต่ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ แต่ว่าเธออยากจะเรียกร้องความยุติธรรมให้คุณพ่อคุณแม่ของฉันมากขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาคุยกันดีๆเถอะ ฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้ว ดูเหมือนจะมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ของฉันให้กำเนิดลูกสาวเป็นอย่างมาก?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เจียงเหมยก็ภาคภูมิใจไปทั้งใบหน้า “ ก็จริงตั้งแต่แรก ทุกๆล้วนแต่รู้ว่า อกตัญญูมีอยู่สามแบบ หนึ่งในนั้นก็คือไม่มีลูกชาย และในครอบครัวของเธอก็มีแค่ลูกสาวอย่างเธอคนเดียวแถมเธอยังไม่พยายามมุมานะอีก”
“ อ๋อ งั้นเธอหมายความว่า ผู้หญิงไม่ดีเท่าผู้ชายเหรอ?”
เจียงเหมยมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ดังนั้นตอนนี้เธอจึงยืดอกเบ่งความกล้า “ฉันรู้แค่ว่า ฉันมีพี่ชาย แต่เธอไม่มี”
“เหอะ”เจียงเสี่ยวไป๋เยาะหยัน “เจียงเหมย เธอเองก็เป็นผู้หญิงนะ แต่กลับไม่ภูมิใจในตัวเธอเอง กลับภูมิใจในตัวของผู้ชาย เธอเอาผู้หญิงทั้งหมดที่อยู่ณที่นี้ไปไว้ที่ไหนหรอ?และเธอเอาคุณย่าไปไว้ที่ตำแหน่งไหนในใจเธอล่ะ?”
เจียงเสี่ยวไป๋โยนปัญหาไปให้คุณหญิงใหญ่เจียง
เธอรู้อย่างชัดเจนว่า แม้ว่าคุณหญิงใหญ่เจียงจะไม่พอใจต่อครอบครัวของเธอ แต่ก็ไม่เคยพูดว่าต่อหน้าเลยว่า การไม่มีลูกชายถือเป็นการอกตัญญูรู้ แต่ตอนนี้เจียงเหมยกลับชี้ให้เห็นโดยตรง
ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงหยิบเรื่องนี้เป็นบทความ และตรงดิ่งไปหาเธอ
เป็นไปอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย เมื่อเจียงเหมยได้ยินประโยคนั้น และเธอเอาตำแหน่งของคุณย่าไปไว้ที่ไหนละ เธอก็ตกใจเล็กน้อย และมองไปที่คุณหญิงใหญ่เจียงตามจิตใต้สำนึก
คุณหญิงใหญ่เจียงก็ถูกเจียงเสี่ยวไป๋พาเข้าไปในหลุมด้วย และในเวลานี้ก็มองไปที่เจียงเหมยด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
เจียงเหมยตื่นตระหนก และรีบอธิบายว่า “คุณย่า ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะคะ คุณย่าให้กำเนิดลูกชายทั้งสามคนที่เก่งขนาดนั้น คุณย่าก็ต้องเก่งมากๆด้วยเช่นกัน”
หลังจากเกลี้ยกล่อมคุณหญิงใหญ่เจียงเสร็จ แต่คนข้างๆที่เข้าร่วมงานกลับไม่พอใจ
“ เจียงเหมย ที่เธอพูดแบบนี้ หรือว่าที่พวกเราไม่มีลูกชายก็ผิดแล้วงั้นสิ?ยัยเด็กสาวอย่างเธอเนี่ยยังเป็นเด็กรุ่นใหม่อยู่ ทำไมความคิดถึงได้ตายตัวแบบนี้ละ?”
“โอ้พระเจ้า ทำไมสาวน้อยอย่างเธอถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ละ?ในวันข้างหน้าถ้าเธอแต่งงานไปแล้วไม่มีลูกชายเธอก็ศักดิ์ศรีหน้าตาที่จะมีชีวิตอยู่แล้วสิ?”
“สะใภ้รองตระกูลเจียงเนี่ยก็จริงๆเลย สอนลูกสาวอย่างไรกัน?ในสถานที่แบบนี้ทำเรื่องยุ่งไม่พอแถมยังแทงลูกพี่ลูกน้องตัวเองต่อหน้าทุกๆคน และลดคุณค่าผู้หญิงของพวกเราอีก”
“นี่เป็นสิ่งที่คนทำกันเหรอ?”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่ไม่พอใจต่อเจียงเหมย
เธอตื่นตระหนกโดยสิ้นเชิง อยากจะอธิบายแต่กลับไม่มีแรง พูดไปคำหนึ่งก็มีคนตอกกลับเธอคำหนึ่ง สุดท้ายเจียงเหมยก็ตะโกนเสียงดังหนึ่งครั้ง และชี้ไปที่เจียงเสี่ยวไป๋โดยตรง
“เป็นเธอ! เป็นเธอที่พาฉันลงไปในหลุม เจียงเสี่ยวไป๋ เธอจงใจให้ฉันกระโดดลงไปในหลุมนี้ เธออยากให้ทุกคนด่าฉัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ประหลาดใจไปทั้งใบหน้า “เจียงเหมย นี่จะทำให้เธอกระโดดลงไปในหลุมได้อย่างไรกัน?ถ้าเธอไม่ได้คิดอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถบังคับให้เธอพูดได้โดยสิ้นเชิง”
“ ยัยเด็กผู้หญิงคนนี้ อายุยังน้อยจริงๆเลย ร้ายกาจกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเองอะไรขนาดนี้?”
“อิจฉาละสิ?เห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋หน้าตาดีขนาดนั้น ดังนั้นจึงรู้สึกไม่พอใจสินะ?พวกเธอดูหน้าขอหล่อนสิ จมูกทำซะโด่งเชียว คางนั่นทำซะ… “
“เป็นแบบนี้นี่เอง แต่ว่าพูดจริงๆนะ เจียงเสี่ยวไป๋คนนี้สวยมากจริงๆ เพราะเธอได้รับความงามจากคุณแม่ ของเธอมา”
ปากของผู้หญิงนั้นน่ากลัวมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเหน็บแนมผู้คน และปฏิบัติต่อเพศเดียวกัน ตราบใดที่อยากจะพูด ก็รู้ดีว่าอะไรคือจุดเจ็บปวดของอีกฝ่าย
ดังนั้นทุกคนจึงหยิบจุดอ่อนของเจียงเหมยมาโจมตีอยู่ตลอด เจียงเหมยถูกว่าต่อหน้าทุกๆคนตาเช่นนี้รูม่านตาของเธอก็แดงขึ้นมา และน้ำตาก็ไหลลงมาทันที จากนั้นเธอก็วิ่งไปตรงหน้าของคุณหญิงใหญ่เจียงและร้องไห้เอ่ยว่า “คุณย่า … …”
ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อก่อนคุณหญิงใหญ่เจียงตามใจเธอมากๆ และก็ไม่ชอบเจียงเสี่ยวไป๋
ตอนนี้เห็นหลานสาวของตัวเองร้องไห้เหมือนดอกแพร์ในสายฝน เช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมองไปทางเจียงเสี่ยวไป๋ และพูดเสียงต่ำว่า “เสี่ยวไป๋ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเธอเป็นพี่น้องกันเธอไม่ควรนำทางให้ทุกคนมาด่าว่าเจียงเหมยเช่นนี้ หล่อนเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง “
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินคำพูดพวกนี้จนไม่มีอะไรจะพูด
พวกเธอเป็นพี่น้องกัน? แล้วตอนที่หล่อนอยากจะยั่วยุให้ทุกคนดูหมิ่นเธอนั้น ทำไมไม่คิดว่าพวกเธอเป็นพี่น้องกันละ?
นอกจากนี้ มีแค่เจียงเหมยที่เป็นเด็กผู้หญิงเท่านั้นเหรอ? หรือว่าเธอเจียงเสี่ยวไป๋จะเป็นเด็กผู้ชายเชียวหรอ?
แน่นอนว่าคำพูดไม่น่าฟังพวกนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่กล้าที่จะตอกกลับคำพูดเหล่านี้ใส่หน้าคุณหญิงใหญ่เจียง
เธอแค่ยิ้มจาง ๆ และน้ำเสียงของเธอก็สงบลงเป็นอย่างมาก
“คุณย่า คุณเข้าใจฉันผิดแล้ว ฉันไม่ได้นำทางให้ทุกคนไปด่าเจียงเหมย เพียงแค่ก็เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ทว่าเธอกลับหัวเราะเยาะว่าผู้หญิงอย่างเราไร้ประโยชน์ ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ฉันก็โกรธได้เหมือนกัน”
คุณหญิงใหญ่เจียงก้มหน้าลง “ความหมายในคำพูดนี้ของเธอว่าอย่างไร ฉันกำลังเข้าข้างเธองั้นสิ?”
“เปล่าค่ะ เปล่าค่ะ” เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายศีรษะ “คุณย่าเป็นคนยุติธรรมที่สุดแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ทุกๆคนรู้ใช่ไหม?”
ทุกคน “… “
ยุติธรรมขนจากสัตว์อะไรละ
แต่ว่าพวกเขากลับยินดีที่จะจงใจแสดงให้เห็นศักดิ์ศรีหน้าตาของคุณหญิงใหญ่เจียง
“ใช่ คุณหญิงใหญ่เจียง เป็นคนที่ยุติธรรมที่สุดแล้ว จะไม่เข้าข้างใครอย่างแน่นอน”
“ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ คุณหญิงใหญ่เจียง เจียงเหมยตระกูลคุณเนี่ย มากเกินไปหน่อยจริงๆ แต่เนื่องจากเธอยังเป็นรุ่นหลานอยู่ พวกเราก็จะไม่ไปคิดเล็กคิดน้อยกับเธอมากนัก แต่คุณต้องรู้ว่าเธอคนนี้ เวลโมโหก็มักจะหุนหันพลันแล่นและใจร้อนได้ง่าย คำพูดเมื่อสักครู่ที่พวกเราพูดนั้น คุณหญิงใหญ่เจียงอย่าไปคิดมากเลยนะ”