บทที่ 1289 เป็นใครกันแน่
คำพูดนั้นทำให้จิตใจของคุณหญิงใหญ่เจียงสบายใจขึ้นไม่ใช่น้อย
แน่นอนว่าเธอรู้ว่า ตัวเองไม่สามารถเข้าข้างเจียงเหมยได้อีกต่อไปแล้ว ทำได้เพียงแค่ก้มมองลงไปที่หล่อน
“เจียงเหมย ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ถ้าหากตัวเธอเองยังไม่รู้จักรักษาชื่อเสียงของตัวเอง ถ้าอย่างนั้นใครจะพยายามเพื่อเธอในอนาคตล่ะ?”
เจียงเหมย ต้องการจะพูดอะไรบางอย่างมากกว่านี้ แต่ภายใต้สายตาของคุณแม่ เธอทำได้เพียงพยักหน้าอย่างเบื่อหน่าย
“ เข้าใจแล้วค่ะคุณย่า ต่อจากนี้ไปเหมยเหมยจะไม่พูดไร้สาระอีกแล้วค่ะ”
“อืม”
ดูเหมือนเรื่องราวจะหมายถึงการสิ้นสุด แต่บังเอิญมีบางคนก็ยังไม่อยากปล่อยไว้แบบนี้
คุณแม่ของเจียงเหมยเห็นว่าลูกสาวของตัวเองน้ำท่วมปากพูดไม่ออกอย่างเงียบ ๆ รู้สึกไม่สบายใจมากๆ ดังนั้นจึงอยากหาความยุติธรรมคืนให้ลูกสาวของตัวเองโดยเฉพาะ
ดังนั้นหลังจากที่เธอรอให้เจียงเหมยยอมรับความผิดพลาดของตัวเองแล้วนั้น จึงลุกขึ้นยืนและพูดเบา ๆว่า “คุณแม่ เจียงเหมยมีความผิดเธอก็ยอมรับแล้ว แต่ปัญหาเริ่มต้นของพวกเราไม่ใช่เจียงเหมยหรอกสินะ?แต่เป็นเสี่ยวไป๋ ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้เสี่ยวไป๋ไม่ทำงาน อยู่แต่ในบ้านตลอดทั้งวัน และยังต้องพึ่งพาพ่อแม่ในเรื่องอาหารการกินอีกด้วย แม้ว่าความคิดของเสี่ยวไป๋จะเป็นความคิดของผู้หญิงในยุคใหม่ แต่จะนั่งกินนอนกินสมบัติเก่าจนหมดแบบนี้ไม่ได้นะคะ วันนี้คุณแม่อยู่ที่นี่จะต้องว่าเสี่ยวไป๋หน่อยแล้วนะคะ อย่าทำให้น้องสามและน้องสะใภ้สามของฉันต้องลำบากมากเกินไปถึงจะถูก “
เมื่อได้ยิน คำพูดพวกนี้ที่ไม่ย่อท้อที่จะยืนหยัดต่อความถูกต้องขนาดไหน และเอาใจใส่อย่างละเอียดทั่วถึงมากขนาดไหน
แต่น่าเสียดาย นี่มีเจตนาอย่างชัดเจนว่าจะผลักเธอลงไปในหลุมไฟ เพียงแค่ อยากเห็นเธอขายหน้าเกรงว่าคงจะเป็นเรื่องยากแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่ได้เอ่ยพูด ครั้งนี้เจียงเหย็นเคอก็ยืดอกก้าวไปข้างหน้าแล้ว เขาหน้าตาดูสุภาพมากๆและไม่ค่อยโกรธ เมื่อก่อนตอนที่เจียงเหมยใส่ร้ายลูกสาวตัวเองนั้น เขาก็อยากที่จะออกมาดุด่าแล้ว เพียงแค่ภรรยาของเขารั้งเขาไว้
พูดเรื่องของรุ่นลูกให้รุ่นลูกไปปรับปรุงแก้ไข
ถ้าหากนำเรื่องเล็กๆแก้ไขได้แล้ว และเรื่องใหญ่ๆก็ไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆได้ ก็จะไม่สายเกินไปที่พวกเขาจะลงมือ
สะใภ้รองตอนนี้ไม่สามารถนั่งนิ่งได้ ดังนั้นเจียงเหย็นเคอจึงลุกขึ้นยืนแล้ว
เขาขมวดคิ้ว ดูท่าจะไม่มีความสุขเล็กน้อย
“ พี่สะใภ้รอง ที่คุณพูดเช่นนี้เป็นสิ่งที่คุณได้ยินเรื่องเหล่านี้มา งั้นสะดวกที่จะบอกผมไหมว่า คุณได้ยินคำพวกนี้มาจากไหน? ใครเป็นคนพูด?”
คุณแม่ของเจียงเหมย “… “
คนคนนี้ทำไมช่างไม่รู้ภาษีภาษาซะเลยล่ะ มาถามเธอได้ยินเรื่องนี้มาจากไหนอย่างงั้นหรอ? ก็ได้ยินคนอื่นพูดต่อๆกันมาเองน่ะสิ
“ น้องสาม ไม่ใช่ว่าพี่สะใภ้รองต้องการจะชี้เป้าหมายไปที่นาย เพียงแค่มีเรื่องซุบซิบมากมายอยู่ด้านนอก พี่ชายรองของนายก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน พวกเรารู้ว่า นายและเซียวหยู่เป็นแค่ลูกสาวคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงตามใจเธอมากๆ แต่ว่าน้องสาม ไม่สามารถเอาใจจนเสียคนแบบนี้นะ”
อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณแม่ของเจียงเหมยจะพูดอะไร เจียงเหย็นเคอก็ยืนกรานที่จะถามว่า “พี่สะใภ้รอง คุณก็แค่บอกผมว่าคุณได้ยินใครพูดมา?ผมต้องการทราบชื่อของผู้เผยแพร่ ผมต้องการจะถามบุคคลนั้นว่า ลูกสาวของผมไปทำอะไรให้เธอขุ่นเคือง และจัดการกับเธอแบบนี้อย่างไรกันแน่? “
เมื่อมองไปที่คุณพ่อที่จริงจังและดื้อรั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกว่าเขาน่ารักมากๆ!
ทำไมไม่รู้มาก่อนนะ? อิอิ
คุณแม่ของเจียงเหมยแบกไม่ไหวแล้วเล็กน้อย เจียงเหย็นเคอยังถามไปอีกว่า “พี่สะใภ้รอง คุณไม่ต้องกลัวคุณก็แค่ต้องบอกผมว่าใครพูดก็พอแล้ว ผมจะไปหาคนนั้น จะไม่อาฆาตต่อพี่สะใภ้รองแน่นอนครับ”
เจียงเหมยอดไม่ได้ที่จะกระโดดออกมา “ลุงสาม นี่ได้ยินมา จะต้องมีหลายคนที่พูด ไม่ใช่มีแค่คนเดียวที่พูด”
“อ๋อ งั้นเหรอ?” เจียงเหย็นเคอพยักหน้าอย่างว่างเปล่า แล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นเจียงเหมย เธอบอกชื่อ คนพวกนี้ทั้งหมดให้ลุงสาม ลุงสามจะหาพวกเขาโต้เถียงสักหน่อย ว่าได้ยินใครพูดกันแน่? “
ทุกคน “… “
ทำไมคนนี้ถึงได้ดื้อขนาดนี้?
ตู้เซียวหยู่ไม่สามารถทนดูต่อไปได้เล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะกระซิบเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “ฉันว่าถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ป้ารองของเธอจะต้องทำให้คุณพ่อของเธอเป็นบ้าได้แน่ๆ”
ได้ยินเช่นนี้ เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะยกริมฝีปากขึ้น และหยิบสร้อยข้อมือไว้ตรงหน้า “ งั้นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำให้เป็นบ้าแล้ว ต่อจากนี้ไปก็จะได้ไม่มาสร้างความวุ่นวายให้ครอบครัวเราอีกต่อแล้ว หลายปีที่ผ่านมานี้ ครอบครัวของพวกเขาก็เหนือกว่ามากเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่จะบอกให้พวกเขารู้ว่ากรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนองคืออะไร “
ตู้เซียวหยู่ “ไม่ว่าอย่างไรก็ล้วนแต่เป็นหน้าตาของตระกูลเจียงของพวกเรานะ แม้ว่าฉันและคุณพ่อของเธอจะไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีหน้าตาอะไรพวกนี้ แต่คุณหญิงใหญ่เจียงสนใจเป็นอย่างมาก และคุณพ่อของเธอก็เป็นคนกตัญญูคนหนึ่ง นอกจากเรื่องการให้กำเนิดบุตร แล้วคุณพ่อของเธอก็เชื่อฟังคุณหญิงใหญ่เจียงมากๆเลย ดังนั้น… “
คำพูดด้านหลังตู้เซียวหยู่ไม่ได้พูด แต่ว่าเจียงเสี่ยวไป๋ก็นับว่าเข้าใจความหมายของเธอแล้ว และพยักหน้า “ไม่ต้องกังวลค่ะคุณแม่ ฉันจะไม่ตบหน้าเธอโดยตรงอย่างแน่นอน”
คุณแม่ของเจียงเหมยไม่สามารถทนได้อีกต่อไป คนคนนี้ชักช้าลีลามากเกินไปจริงๆ จุดโฟกัสก็ไม่ถูก แถมยังพาเธอเอนเอียงไปอีก
ดังนั้นเธอจึงพูดตรงๆไปว่า “ น้องสาม นายไม่ต้องสนใจหรอกว่าใครเป็นคนพูด เป็นข่าวลือมาจากอยู่ข้างนอก มีคนเป็นจำนวนมาก ก็ยากมากที่จะบอกนายว่าใครเป็นคนพูดกันแน่ในคราวเดียว และที่ฉันยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก็เป็นเจตนาดี หวังว่านายจะให้ความสนใจกับมันหน่อย “
เจียงเหย็นเคอมองอย่างไม่เข้าใจไปทั้งใบหน้า
“ให้ความสนใจ? เสี่ยวไป๋ของพวกเราดีมากๆ เรื่องพวกนั้นล้วนแต่ถูกแต่งขึ้นมา ผมรู้ว่าพี่สะใภ้รองมีเจตนาดี แต่ถ้าเป็นข่าวลือ มันจะเป็นผลเสียต่อชื่อเสียงของเสี่ยวไป๋ของผม ถ้าอย่างนั้นในฐานะที่ผมเป็นพ่อ ก็ต้องให้ความสนใจขึ้นมาสิครับ”
“ลุงสาม คุณพูดว่าพวกนี้เป็นข่าวลือ แล้วมีหลักฐานไหม? ตอนนี้เสี่ยวไป๋ยังไม่มีงานทำอย่างจริงจัง คุณลุงสามและคุณป้าสามอย่าตามใจเธอมากเกินไปเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋มีความคิดที่จะเล่นก่อน แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเจียงเหมย ก็รู้สึกไม่พอใจนิดๆจริงๆ
เธอลุกขึ้นยืนโดยตรง และเดินไปข้างๆตัวเจียงเหย็นเคอ
“เดิมก็เป็นข่าวลือ แม้ว่าฉันจะไม่ได้ทำงานอย่างจริงจัง แต่ฉันก็อาศัยความพยายามของตัวเองเลี้ยงดูตัวเองอยู่ตลอด หนึ่งคือพวกคุณไม่ได้เห็นมันด้วยตาของคุณเอง สองคือไม่สามารถยืนยันได้ แล้วมาพูดว่าฉันในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่า ว่าฉันไม่ทำมาหากิน แถมยังหาว่าฉันให้พ่อแม่เป็นคนเลี้ยง ถามหน่อยว่าแบบนี้มันมีเหตุผลไหม?”
หลังจากพูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็หันไปทางคุณหญิงใหญ่เจียง
“คุณย่า ถึงแม้ว่าหนูจะทำงานหาเงินได้ไม่เยอะ แต่ตราบใดที่หนูยังพอเลี้ยงดูตัวเองได้ และให้เงินค่าใช้จ่ายกับคุณพ่อคุณแม่ของหนูบ้างเป็นครั้งคราว นี่ถือว่าเป็นหน้าที่ของลูกคนหนึ่งที่สามารถทำได้แล้วหรือเปล่าคะ?”
“อืม” คุณหญิงใหญ่เจียงตอบอย่างเคร่งขรึมหนึ่งคำ
“วันนี้พูดมาถึงจุดนี้ ฉันก็มีคำถามที่อยากจะถามหน่อย เป็นใครกันแน่?ไม่ได้หาเหตุผลให้ชัดเจน ก็พูดจามั่วซั่วเพื่อทำลายชื่อเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งน่ะเหรอ?แถมยังแพร่กระจายออกไปเช่นนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ของผมต้องมีคนเกลียดมากแค่ไหนกัน?”
ทุกคน “… “
“ คุณป้ารอง”
ทันใดนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็เรียกสะใภ้รองง และสะใภ้รองก็ตอบรับตามจิตใต้สำนึก
“จ๊ะ?”
“ คุณป้ารอง ป้าบอกฉันได้ไหมว่า ใครเป็นคนบอกเรื่องเหล่านี้กับป้าในตอนแรก?คนคนนี้สามารถพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ จิตใจเลวร้ายเช่นนี้ คุณป้ารอง เพื่อชื่อเสียงของตระกูลเจียง คุณจะต้องนึกออกใช่ไหม?”
มีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเธอ แต่ดวงตาของเธอกลับโฉบเฉี่ยวไปที่ใบหน้าของสะใภ้รอง ทำให้เธอรู้สึกมีความกดดันที่ไร้ซึ่งเสียง
สะใภ้รองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่ามีระยะห่างระหว่างทั้งสองคน แต่ความเย็นชาและการบีบบังคับของเธอกลับทำให้หล่อนเกรงกลัวอย่างสุดขีด
เจียงเสี่ยวไป๋โดนผีเข้ามามาเหรอ? ทำไมจู่ๆถึงร้ายกาจมากขนาดนี้? หรือว่าเมื่อก่อนเธอแค่แสร้งเป็นหมูหลอกกินเสืองั้นเหรอ?