บทที่ 130 เธอโดนแกล้ง
หานเส่โยวพูดขนาดนี้แล้ว ซูจิ่ว ก็ควรจะรับคำได้แล้ว เธอจึงหันไปพูดกับเสิ่นเฉียวยิ้มๆ: “ คุณเสิ่นคะ งั้นก็รบกวนคุณด้วยนะคะ รบกวนคุณช่วยดูแลคุณหนูเส่โยวของเราด้วยค่ะ ”
เสิ่นเฉียวพยักหน้าให้เธอ: “ ยินดีค่ะ ”
ซูจิ่ว เดินกลับไป เหลือแค่พวกเธอสองคนที่อยู่ข้างนอก
“ เธอขับรถมาใช่ไหม? งั้นฉันพาเธอไปโรงพยาบาลเอง ”
หลังจากที่เสิ่นเฉียวพยุงหานเส่โยวขึ้นรถแล้ว ก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหาโรงพยาบาลที่อยู่บริเวณใกล้เคียง หลังจากที่รู้แห่งแล้ว เธอก็รับกุญแจรถของหานเส่โยวมา และขับพาเธอออกไปจากที่นี่
รถแล่นอยู่บนถนน หานเส่โยวนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ อารมณ์บนใบหน้ากลับแปลกไป
“ เฉียวเฉียว…… ”
เสิ่นเฉียวกำลังตั้งใจมองถนน ได้ยินเธอเรียกตัวเอง จึงหันหัวไปมองเธอ: “ มีอะไร? เจ็บหรอ? ”
“ เธอทนหน่อยนะ ใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้ว ”
หานเส่โยวกลับคิดไม่เหมือนเสิ่นเฉียว เธอมองหน้าด้านข้างของเสิ่นเฉียวด้วยสีหน้ากลุ้มใจ นึกถึงภาพเหตุการณ์ในร้านอาหารเมื่อสักครู่ จึงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้: “ ต่อไปเธอ…… ”
“ ว่าไงนะ? ”
“ ช่างเถอะ ไม่มีอะไร ” หานเส่โยวก้มหน้าลง เจอหน้ากันครั้งนี้คงเป็นแค่เหตุบังเอิญ เธอแก้ปมแล้ว ครั้งหน้าถ้าพวกเขาเจอกันก็คงไม่ยากแล้ว
เพียงแค่พวกเขาไม่มาเจอกัน หานเส่โยวก็ไม่ได้ถือสาอะไร เธอพูดปลอบใจตัวเองแบบนี้อยู่ในใจ
เสิ่นเฉียวคิดว่าหานเส่โยวเจ็บมาก ตอนที่รอไฟแดง เธอตั้งใจยื่นมือออกไปจับมือของหานเส่โยวไว้ และพูดปลอบเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน: “ ไม่ต้องกลัว ฉันจะรีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาล ให้หมอรักษาแผลของเธอให้หาย ”
หานเส่โยวมองมือที่กำลังจับเธอไว้อยู่ ก็รู้สึกเสียใจ
หล่อนไม่รู้เลยว่าเธอได้แย่งสถานะของเธอไป ยังมาทำดีกับเธออีก อยู่ๆความห่วงใยที่จริงใจนั้น ก็ทำให้หานเส่โยวรู้สึกรังเกียจขึ้นมา ตอนที่เธอยังไม่ได้สติ เธอได้สะบัดมือของเสิ่นเฉียวออกอย่างรวดเร็ว
“ เธอพูดอะไรน่ะ? เธอไม่รู้อะไรเลย! ”
ความโมโหอย่างกะทันหันทำให้เสิ่นเฉียวตะลึง เธอมองหานเส่โยวที่อยู่ตรงหน้างงๆ และไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หานเส่โยวเบ้าตาแดง น้ำตาค่อยๆไหลลงมา เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างรุนแรง และพูดซ้ำอีกครั้ง: “เธอไม่รู้อะไรเลย ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด! ”
“ ……ขอโทษนะเส่โยว ที่เรื่องครั้งนี้ฉันไม่ได้ประสบไปกับเธอด้วย แต่ฉันรู้ว่าการถูกน้ำร้อนลวกจะต้องเจ็บปวดมากอย่างแน่นอน เธออย่าเสียใจเลยนะ รอให้จัดการแผลเสร็จแล้ว ฉันจะไปกินขนมที่ร้านของหวานเมื่อครั้งที่แล้วเป็นเพื่อนเธอ เป็นไง? ”
ในใจของหานเส่โยวยิ่งโมโห เธอมีความรู้สึกละอายใจอยู่แล้ว และยิ่งเสิ่นเฉียวดีต่อเธอมากขนาดไหน ในใจของหานเส่โยวก็ยิ่งเกิดการต่อต้าน
เช่นตอนนี้ เธอมองใบหน้าของเสิ่นเฉียว ก็รู้สึกเกลียดมากๆ!
เห็นอยู่ว่าเธอทำเรื่องที่มันเกินไป แต่ไม่คิดว่าหล่อนจะยังมองเธอด้วยสีหน้าเป็นห่วงอยู่อีก ทำให้ความเกลียดของเธอยิ่งฝังลึกขึ้นเรื่อยๆ
เสิ่นเฉียวเห็นเธอไม่สนใจ และไฟแดงก็เปลี่ยนเป็นไฟเขียวพอดี เธอทำได้เพียงไปส่งเธอที่โรงพยาบาลก่อน เป็นเพื่อนเธอไปจัดการเรื่องแผล เสร็จแล้วค่อยไปส่งเธอกลับบ้าน
ก่อนจากกัน อยู่ๆหานเส่โยวก็พูดขึ้นมา: “ เฉียวเฉียว เมื่อครู่ฉันเจ็บมาก จึงใช้อารมณ์ใส่เธอ ขอโทษนะ เธอไม่โกรธฉันใช่ไหม? ”
“ ไม่หรอก เธอรีบเข้าบ้านเถอะ เราเป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่เป็นไร ”
เสิ่นเฉียวไม่โกรธเธอหรอก ถึงอย่างไรเธอก็ช่วยตัวเธอมาเยอะแล้ว
หานเส่โยวพยักหน้า: “ อือ พี่ของฉันกลับมาแล้ว ตอนกลางคืนฉันค่อยถามเขาให้ว่าสืบไปถึงไหนแล้ว แล้วพรุ่งนี้ฉันค่อยติดต่อเธอไปนะ ”
พูดถึงเรื่องนี้ เสิ่นเฉียวก็ชะงักเล็กน้อย ผ่านไปไม่นาน เธอก็พูดออกมานิ่งๆ: “ ไม่รีบหรอก เธอพักผ่อนก่อน แล้วค่อยว่ากัน ”
หลังจากนั้น เสิ่นเฉียวก็ขับรถกลับบริษัท
หลังจากที่คืนรถให้เซียวซู่แล้ว เธอก็นึกเรื่องอะไรที่มันสำคัญออก หลังจากนั้น เธอก็รีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของเย่โม่เซินอย่างรวดเร็ว
ก๊อกก๊อก——
“ เข้ามา ”
เสิ่นเฉียวผลักประตูห้องทำงานเข้าไป หลังจากที่เข้ามาแล้ว ก็เห็นเย่โม่เซินที่นั่งอยู่บนรถเข็น เขากำลังมองหน้าจอด้วยใบหน้าที่เย็นชา พอเห็นเธอเข้ามาก็เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ สายตาก็ได้มาหยุดอยู่ที่บนหน้าของเธอ
เสิ่นเฉียวสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอเลียกลีบปากของตัวเองอย่างตื่นเต้น หลังจากนั้นก็ก้าวเท้าเดินไปทางเขา
บนตัวของเธอยังมีเสื้อสูทของเย่โม่เซินคลุมไว้อยู่ เข้ากับชุดกระโปรงสีฟ้าบนตัวเธอมากๆ ทำให้เย่โม่เซินรู้สึกสบายตาเป็นพิเศษ
“ คุณชายเย่ คือว่า…… ” หลังจากที่เสิ่นเฉียวยืนนิ่งแล้ว ก็มองเย่โม่เซินอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“ เป็นอะไร? ” เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้น: “ มีอะไรก็พูด อย่ามาอ้ำอึ้ง ”
เสิ่นเฉียวเม้มปาก และพูดเสียงเบา: “ วันนี้ อาหารมื้อนั้น…… ”
กลับมาก็พูดกับเขาเรื่องมื้ออาหาร? เย่โม่เซินแทบจะระเบิดให้เธอเห็นต่อหน้าเธอ เขาหัวเราะเย็นชา: “ ถึงตอนนี้ยังคิดถึงมื้ออาหารนั้น? หรือคิดจะทำอะไร? ”
เสิ่นเฉียว: “ …… ”
ไอ้คนนี้มันมาอีกแล้ว มีความต้องการมากจนน่ากลัว เธอแค่พูดถามเฉยๆ ไม่คิดว่าเขาจะเชื่อมโยงไปถึงคนอื่น เธอกลอกตาไปมาในใจ และพูดอธิบาย: “ ฉันหมายความว่า วันนี้ ตอนฉันไป ฉันลืมจ่ายค่าอาหารมื้อนั้น ”
“ โอ้ ” เย่โม่เซินหน้านิ่ง: “ ผมก็ไม่ได้จ่าย ”
เสิ่นเฉียวได้ฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที: “ นายเป็นอะไร? เป็นบริษัทตระกูลเย่ของเราที่นัดบริษัทตระกูลหานออกมาเจรจาเรื่องงาน ร้านอาหารฉันก็เป็นคนจอง ฉันลืมจ่าย ทำไมคุณไม่รู้จักจ่ายหน่อยละ? เป็นแบบนี้ ถ้าบริษัทตระกูลหานมีภาพความทรงจำที่เลวร้ายต่อบริษัทของเราจะทำยังไง? ”
พูดมาถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็กัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างร้อนรน และเดินไปเดินมาอยู่ที่เดิม
ได้ฟังดังนั้น อารมณ์ในตาลึกของเย่โม่เซินก็เข้มขึ้นทันที น้ำเสียงของเขาค่อยๆเย็นขึ้น: “ คุณเป็นห่วงกลัวเขาจะมีความทรงจำที่ไม่ดีต่อคุณขนาดนั้นเลยหรอ? ”
“ ที่ฉันเป็นห่วงก็คือนายนั่นแหละ! ” เสิ่นเฉียวพลั้งปากพูดออกไป “ คุณอยากร่วมงานกับบริษัทตระกูลหานไม่ใช่หรอ? ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีภาพความทรงจำต่อเราไม่ดี ถึงตอนนั้น บริษัทตระกูลหานไม่ร่วมงานกับบริษัทตระกูลเย่จะทำยังไง? และถึงตอนนั้น นายท่านก็ต้อง…… ”
เสิ่นเฉียวรีบร้อนเหมือนมดบนหม้อร้อน อยู่ๆเธอก็คิดอะไรออก: “ ฉันจะไปอธิบายเละขอโทษประธานหาน ”
พูดจบ เสิ่นเฉียวก็ทำท่าจะหมุนตัวออกไป
สายตาของเย่โม่เซินเย็นขึ้น เขาหรี่ตาลง: “ หยุด ”
ฝีเท้าของเสิ่นเฉียวหยุดชะงัก เธอหันหัวกลับไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบาง สายตามีความจำใจเล็กน้อย
“ ในสายตาของคุณ ผมเป็นคนที่ไม่มีความคิดอะไรเลยหรือไง? ถึงทำให้คุณเข้าใจผิดว่าหานชิงเป็นคนจ่ายค่าอาหารมื้อนั้น? ต่อให้หานชิงเป็นคนจ่าย แล้วยังไง? ”
เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง: “ ฉันไม่ได้บอกว่าเขาจ่ายไม่ได้ แต่ฉันแค่คิดว่า ถึงอย่างไรก็เป็นบริษัทตระกูลเย่ของเราที่เป็นฝ่ายเชิญ ก็ควรจะต้อนรับฝ่ายตรงข้ามให้ดีก็เท่านั้น ”
เรา……
ศัพท์คำนี้ทำให้คนรู้สึกแปลกใจ เย่โม่เซินยกยิ้มมุมปาก
รอยยิ้มของเขาเจิดจ้าเล็กน้อย เสิ่นเฉียวจับอะไรบางอย่างได้ “ แล้วนายจ่ายเงินรึยังละ? ”
“ ไม่ได้จ่าย ”
เสิ่นเฉียว: “ ……งั้นฉันจะไปอธิบาย ”
“ อธิบายอะไร? ร้านอาหารนั้นเป็นกิจการภายใต้บริษัทตระกูลเย่ ”
เสิ่นเฉียว: “ นายพูดว่าอะไรนะ? ”
“ ผมไปทานข้าวที่นั่น จะจ่ายเงินทำไม? ”
เสิ่นเฉียวหมดคำพูดทันที สรุป ที่พูดมาตั้งนาน คือเย่โม่เซินตั้งใจทำให้เธอร้อนรนถูกไหม? เธอโดนแกล้งหรอเนี่ย?