บทที่1292 เรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญ
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูอาหารรสเลิศที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเริ่มกลืนน้ำลาย
เพราะวันนี้เธอถูกลากออกมาทันทีที่ตื่นขึ้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยแม่แต่คำเดียว เธอหิวแทบตายแล้วจริงๆ
ดังนั้นเธอก็เลยดึงมือของตู้เซียวหยู่มา “คุณแม่คะ อาหารเตรียมพร้อมเสิร์ฟแล้ว พวกเราไปนั่งกินอาหารก่อนดีกว่าค่ะ อาหารรสเลิศต้องมาก่อน อย่างอื่นไม่สำคัญหรอกค่ะ”
พอตู้เซียวหยู่หันไปมอง ก็พบว่าบนโต๊ะเพิ่งจะมีอาหารเพียงสองสามอย่างเท่านั้น เลยหันไปถลึงตาใส่เธอทีหนึ่ง
“อาหารยังเสิร์ฟไม่ครบเลยลูกก็เป็นเสียแบบนี้แล้ว ลูกเป็นหมูหรือไง เก็บสีหน้าของลูกหน่อย อีกเดี๋ยวตอนกินข้าวก็ห้ามกินเยอะเกินไปนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋แววตาเศร้าสร้อย “หรือว่าเรื่องกินไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดของวันนี้เหรอคะ”
“……เสี่ยวไป๋ แฟนของลูกมานะ”
อ๋อ แฟนปลอมๆนี่เอง
เจียงเสี่ยวไป๋แอบเสริมในใจคำหนึ่ง ตอนที่นั่งลงเธอก็หยิบตะเกียบก่อนเป็นอย่างแรก เป็นเพราะทุกคนอยากจะนั่งใกล้กับโต๊ะหลัก ดังนั้นโต๊ะของพวกเธอก็เลยคนน้อยจนน่าเวทนา ตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋กับตู้เซียวหยู่นั่งลง ทั้งโต๊ะก็มีแค่พวกเธอแค่สองคน
เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารทานทันทีอย่างไม่ลังเล
แววตาของตู้เซียวหยู่เปลี่ยนไปทันที รีบกดมือเธอไว้อย่างแน่นหนาทันทีหลังจากที่เธอทานเนื้อเสร็จไปชิ้นหนึ่ง “หยุดกินได้แล้ว คนยังมาไม่ครบเลยนะ”
“คุณแม่คะ อย่ามาห้ามหนูเลยค่ะ คนไปทางนั้นกันหมดแล้ว พวกเขาไม่มีทางมาที่โต๊ะของพวกเราหรอกค่ะ โต๊ะนี้อยู่ห่างเกินไป จากนี้พวกเราก็นั่งกินอย่างสบายใจก็พอค่ะ”
ตู้เซียวหยู่มองดูสภาพของลูกสาวตัวเอง ก็รู้สึกว่าไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย
เธอหวังว่าลูกจะหาแฟนได้โดยเร็ว แต่ว่าลูกกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เซียวซู่คนนี้ก็จริงๆเลย แฟนของตัวเองอยู่ตรงนี้แท้ๆ เขามองไม่เห็นเลยหรืออย่างไร
หรือว่ามองเห็นแล้ว แต่ไม่ปฏิกิริยาใดๆเลย
ไม่ได้ ตู้เซียวหยู่คิดไปคิดมา แต่ก็กลืนความโกรธนี้ลงไปไม่ได้จริงๆ
ถ้าหากว่าเป็นตัวเธอเองเธอสามารถอดทนได้ แต่นี่คือเสี่ยวไป๋ ลูกสาวของเธอ เธอจะปล่อยให้ลูกสาวตัวเองต้องถูกรังแกแบบนี้ได้อย่างไร ดังนั้นตู้เซียวหยู่ก็เลยลุกขึ้น แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับดึงเธอเอาไว้
“คุณแม่จะไปไหนคะ ที่นี่ไม่มีใครมาจริงๆนะคะ นั่งกินข้าวตรงนี้อย่างสบายใจเถอะค่ะ อีกอย่างถึงจะมีคนมาแล้วยังไง ถ้าจะมีคนมาหลังจากนี้อีกครึ่งชั่วโมง จะให้พวกเราไม่กินจนถึงตอนนั้นเลยเหรอคะ จะนั่งรอพวกเขาถึงครึ่งชั่วโมงเลยเหรอ”
ตู้เซียวหยู่ “ลูกกินไปก่อน”
“แล้วคุณแม่จะไปไหนคะ”
“แม่จะไปห้องน้ำก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็ไม่ได้สงสัยเรื่องอื่นอีก เพียงแค่พยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเคค่ะ งั้นแม่รีบไปรีบกลับนะคะ ถ้าแม่กลับมาช้า หนูไม่รับประกันนะว่าของบนโต๊ะนี้จะถูกหนูกินหมดหรือเปล่า”
ตู้เซียวหยู่ “……”
เธอจ้องมองลูกสาวตัวเองอย่างหมดคำพูด
ทั้งๆที่แฟนหนุ่มอยู่ตรงนั้น เธอไม่ไปหาเขา เขาก็ไม่มาหาเธอ แต่เธอยังจะนั่งทานอาหารอยู่ตรงนี้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก
น่าเวทนาเสียจริง
แต่ว่าเจียงเสี่ยวไป๋กลับไม่รู้ว่าในหัวของแม่ตัวเองนั้นมีความคิดเหล่านี้อยู่ ถ้าหากเธอรู้ จะต้องกรีดร้องเสียงดังออกมาเป็นแน่ว่า “คุณแม่คะ หนูไม่ได้ทำ หนูไม่ได้ทำจริงๆนะคะ”
ตู้เซียวหยู่แสร้งทำเป็นอ้อมไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็แอบเปลี่ยนเส้นทางระหว่างทาง แล้วพุ่งตรงไปทางโต๊ะหลัก
เพราะว่าเจียงเหย็นเคออยู่ตรงนั้น ดังนั้นตอนที่ตู้เซียวหยู่เดินไป พอเขาเห็นภรรยาของตัวเองเข้า ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที
“ที่รัก ผมว่าจะอยู่คุยกับคุณแม่สักหน่อย จากนั้นค่อยไปหาพวกเธอ แล้วเสี่ยวไป๋ล่ะ ?”
ตู้เซียวหยู่เผยรอยยิ้มบาง กล่าวทักทายกับทุกคนก่อน จากนั้นจึงตอบคำถามของเจียงเหย็นเคอ
“เสี่ยวไป๋นั่งทานอาหารอยู่ทางโน้น มือถือของคุณอยู่กับตัวไหม ฉันลืมเอาโทรศัพท์มา ขอยืมโทรศัพท์คุณมาใช้สักหน่อยสิคะ”
ขณะที่พูดประโยคนี้ ความสนใจของคนทั้งโต๊ะต่างก็พุ่งมาที่ตัวของตู้เซียวหยู่ ตู้เซียวหยู่นั้นจงใจ เธอกับเซียวซู่เคยเจอหน้ากันมาก่อน เธอไม่เชื่อหรอกว่าในเวลาแบบนี้เขาจะจำตัวเองไม่ได้
ส่วนคนซื่อสัตย์อย่างเจียงเหย็นเคอนั้นไม่ว่าภรรยาจะพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วยื่นไปให้ตู้เซียวหยู่ แถมยังพูดเสียงเบาด้วยว่า “คุณนี่นะ ชอบลืมโน่นลืมนี่ ขนาดมือถือยังลืมได้”
ตู้เซียวหยู่หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็แสร้งทำเป็นกดโทรศัพท์เพื่อโทรออก เธอหันออกไปโทรศัพท์ พูดอยู่สองสามประโยค จากนั้นก็กลับมาคืนโทรศัพท์ให้เจียงเหย็นเคอ
แล้วตอนนั้นเอง สายตาของเธอก็ขยับเล็กน้อย แล้วไปสบเข้ากับเซียวซู่ที่นั่งอยู่ข้างประธานจ้าวเข้าพอดี
เซียวซู่กำลังมองเธออยู่
ตู้เซียวหยู่ไม่ขยับ แล้วจ้องมองเขากลับไป
หนึ่งวินาที สองวินาที เซียวซู่ก็พยักหน้าให้เธอ “คุณป้าครับ”
เป็นเพราะเขาส่งเสียงขึ้นมากะทันหัน ดังนั้นคนอื่นๆต่างก็หันไปมองทางเซียวซู่ ประธานจ้าวที่นั่งอยู่ข้างเขาก็อุทานออกมาเสียงหนึ่ง “พวกคุณรู้จักกันหรือ ?”
ตอนนี้ในอกของตู้เซียวหยู่กำลังโกรธเคืองอยู่ ตอนนี้เพิ่งจะมาเรียกเธอ เธอยังไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ
ที่จริงแล้วเซียวซู่ยังไม่ทันได้คิดไว้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี
เพราะว่าเขาไม่เข้าใจสถานการณ์ของเจียงเสี่ยวไป๋โดยละเอียด อีกอย่างทั้งสองคนเดิมทีก็เป็นแค่แฟนปลอมๆกันเท่านั้น เธอก็แค่อยากจะโกหกแม่ของเธอ เพื่อไม่ให้แม่ของเธอบังคับเธอไปดูตัวเพียงเท่านั้น
แต่ว่าตอนนี้ญาติพี่น้องทั้งหมดต่างก็อยู่ที่นี่ ถ้าหากเขาพูดไปว่าตัวเองเป็นแฟนของเธอ จะเป็นการก่อปัญหาให้กับเธอในอนาคตหรือเปล่า
คิดไปคิดมา เซียวซู่ก็ตัดสินใจพูดคำตอบที่เป็นกลางที่สุด
เขามองดูตู้เซียวหยู่แล้วพูดว่า “ครับ ผมกับลูกสาวของคุณป้าเจียงเป็นเพื่อนกันครับ”
พอประธานจ้าวได้ยินแล้ว ก็ถึงกับอึ้ง แล้วก็ย้อนคิดถึงท่าทางของเซียวซู่ที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้างานเลี้ยงวันนี้ แล้วก็มองดูคุณนายที่สามของตระกูลเจียงที่อยู่ตรงหน้าท่านนี้ ก็รู้สึกว่าตัวเองเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว
“ที่แท้หญิงสาวที่คุณจ้องมอง ก็คือคนรู้จักของคุณเองหรอกหรือ”
ไม่น่าแปลกใจเลย เขาจ้องมองชาวบ้านอยู่ตั้งนานเสียขนาดนั้น แถมแววตากับมุมปากยังเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนตัวเขาเองก็ยังไปถามชาวบ้านอย่างซื่อๆว่า ให้เขาช่วยแนะนำให้ไหม
ทันใดนั้นเอง ประธานจ้าวก็รู้สึกว่าตัวเองช่างซื่อบื้อเหลือเกิน
แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้าง ที่ตัวเองลากเขามาดื่มเหล้าด้วยกัน
“เพื่อน ?” ประธานจ้าวยิ้มอย่างมีเลศนัย “เป็นแค่เพื่อนเท่านั้นจริงหรือ ?”
คนอื่นๆบนโต๊ะบางคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ เพราะเซียวซู่ถูกลากมาที่โต๊ะหลัก ก็เห็นว่าเขาน่าจะฐานะและอำนาจ แต่ตอนนี้กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้จักกับเสี่ยวไป๋ด้วย
เจียงโย่วเลื่อนสายตาไปมา จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันก็ว่าทำไมเสี่ยวไป๋ถึงไม่ยอมหาแฟนเสียที ที่แท้……”
“อาโย่ว!” ลูกคนโตตระกูลเจียงรีบเรียกหยุดเขาเสียงดัง “ไม่ได้ยินที่คุณเซียวเขาพูดว่าเป็นเพื่อนกันหรือไง อย่าพูดจาเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาอึดอัดเปล่าๆ”
เพื่อน ? เจียงโย่วไม่อยากจะพูดเลยแม้แต่น้อย ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าตอนที่เขาพูดว่าเพื่อนนั้นมีชะงักไปครู่หนึ่ง สองคนนี้จะต้องมีลับลมคมในอะไรแน่
ส่วนตู้เซียวหยู่นั้นพอได้ยินคำตอบของเซียวซู่แล้ว ก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ต่อหน้าคนของตระกูลเจียง เขากลับไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองเป็นแฟนของเสี่ยวไป๋ นี่มันหมายความว่าอย่างไร
รังเกียจเสี่ยวไป๋ของเธออย่างนั้นหรือ ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ตู้เซียวหยู่ก็หัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง แล้วพูดประชดออกมา “อย่าเลยดีกว่าค่ะ เสี่ยวไป๋ของพวกเรานั้นบุญน้อย จะมีบุญไปเป็นเพื่อนกับคุณเซียวเขาได้ยังไง”
พอพูดจบ ก็ไม่สนว่าคนตรงนั้นจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร หันหลังเดินจากไปทันที
คนที่เหลือนั้นต่างก็มองหน้ากัน ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เจียงเหย็นเคอนั้นไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นตอนที่ทุกคนมาถาม เขาเองก็มีสีหน้ามึนงงเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ไม่เข้าใจรายละเอียด
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบปีกไก่นั่งแทะอยู่ตรงนั้น แล้วก็เห็นว่าแม่ของตัวเองเดินกลับมาด้วยท่าทางโมโหสุดขีด