บทที่1293 เธอช่วยมีความเป็นกุลสตรีหน่อยได้ไหม
ปึง!
ตู้เซียวหยู่ดึงเก้าอี้ที่อยู่ข้างเธอออกมานั่ง ท่าทางโกรธเกรี้ยวจนเจียงเสี่ยวไป๋มองแล้วประหลาดใจ
“เป็นอะไรไปคะ ?” เจียงเสี่ยวไป๋มองไปทางด้านหลังของเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็กัดปีกไก่อีกคำหนึ่ง จากนั้นค่อยถามว่า “หรือว่ามีใครแย่คุณแม่เข้าห้องน้ำเหรอคะ”
ตู้เซียวหยู่ ”……”
“ยัยลูกคนนี้นี่จริงๆเลย ให้แม่พูดอะไรกับลูกดีนะ ให้ลูกไปหาแฟนลูกก็ไม่ไปหา แฟนของลูกก็ไม่มาหาลูก ลูกยังจะนั่งแทะปีกไก่อยู่ตรงนี้อย่างสบายใจเฉิบอีก นี่ลูกยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่า”
พอพูดจบ ตู้เซียวหยู่ก็ดีดหน้าผากของเจียงเสี่ยวไป๋เต็มแรง
เจียงเสี่ยวไป๋ “โอ๊ย”
“ไปหาเขาทำไมกัน หนูหิวจนตาลายหมดแล้วนะคะ”
ตู้เซียวหยู่พูดอย่างฉุนเฉียวว่า “งั้นลูกลองเดาสิ ว่าเมื่อกี้แม่ไปไหนมา”
“ไม่ใช่ไปห้องน้ำมาเหรอคะ”
“ไปห้องน้ำกับผีสิ เมื่อกี้ฉันไปที่โต๊ะหลักมา ลูกเดาดูสิว่าพอเซียวซู่เห็นฉันแล้วมีปฏิกิริยายังไง ลูกรู้หรือเปล่าว่าเขาพูดว่าลูกเป็นอะไรกับเขา”
อืม ? เจียงเสี่ยวไป๋กะพริบตาปริบๆ “นี่คุณแม่ไปหาเขามาเหรอคะ”
จากนั้นเธอก็คิดถึงคำถามที่ตู้เซียวหยู่ถามเมื่อครู่ ก่อนจะถามอย่างแผ่วเบาว่า “อะไรคะ หรือว่าเขาจะพูดว่าหนูเป็นเพื่อนเขา”
คงจะให้เขาพูดว่าเธอเป็นแฟนเขาไม่ได้หรอก
พอตู้เซียวหยู่ได้ยินคำตอบของเธอแล้ว ก็เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ “นี่ลูกรู้ด้วยเหรอ ทำไมลูกถึงได้คิดเหมือนเขาเลยล่ะ พวกลูกกำลังคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ เขาบอกว่าเป็นเพื่อนของลูก ลูกไม่รู้สึกเศร้าเสียใจบ้างเลยเหรอ ?”
เดิมทีเจียงเสี่ยวไป๋อยากจะถามว่า ฉันจะเสียใจไปทำไม
แต่พอคิดดูอีกที ใช่สินะ ตอนนี้เซียวซู่เป็นแฟนของเธอนี่นา ถ้าหากตัวเองไม่แสร้งทำเป็นเสียใจสักหน่อย จะต้องถูกเปิดเผยเป็นแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เปลี่ยนเป็นเสียใจขึ้นมาเล็กน้อย
“หนูก็แค่ลองเดาดูเท่านั้นแหละค่ะ เดาถูกด้วยเหรอคะ เขาพูดว่า……หนูเป็นแค่เพื่อนของเขาจริงๆเหรอคะ”
เจียงเสี่ยวไป๋มีฝีมือการแสดงเป็นเลิศ ขอบตาเริ่มแดงขึ้นมา แล้วน้ำตาก็เริ่มคลอเบ้า ท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้ในทันที
ตู้เซียวหยู่ไม่เคยเห็นลูกสาวในสภาพนี้มาก่อน เลยถูกเธอทำให้ตกใจทันที เลยมองดูลูกสาวของตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูก
“อย่า อย่าร้องไห้เลยนะเสี่ยวไป๋ แม่ก็แค่พูดไปเรื่อยเองแหละ อาจจะเป็นเพราะคนเยอะเขาก็เลยเกรงใจที่จะพูดออกมา”
เจียงเสี่ยวไป๋น้ำตาไหลออกมาอย่างปวดร้าว “คุณแม่คะ เขาพูดแบบนั้นได้ยังไงกัน พวกเราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอคะ เขาพูดแบบนั้น เป็นเพราะว่าเขาไม่ชอบหนูเหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอก ไม่แน่นะ ถ้าเขาไม่ชอบลูก จะมางานเลี้ยงได้ยังไง ระหว่างนั้นจะต้องมีการเข้าใจผิดแน่ เอาเป็นว่าลูกรออีกหน่อยดีกว่า รอดูว่าเขาจะมาหาลูกไหม”
“ก็ได้ค่ะ งั้นหนูจะรออีกหน่อย แต่ว่าหนูหิวมากเลยค่ะ……หนูขอกินอีกหน่อยได้ไหมคะ”
“กินเถอะกินเถอะ เสี่ยวไป๋ที่น่าสงสาร อย่าร้องไห้เลยนะ”
“ค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋สูดน้ำมูก “หนูขอกินข้าวก่อน ถ้าเดี๋ยวเขามาหาหนู หนูจะได้มีแรงพูดกับเขา”
จากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไป พอเห็นว่าเธอกลับเป็นปกติได้ในทันที ในใจก็เกิดสงสัยขึ้นมา
นี่มันอะไรกัน ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังดูโศกเศร้าแท้ๆ แล้วทำไมตอนนี้กลับดูไม่เป็นไรอีกแล้ว หรือว่าเธอรู้สึกไปเอง
งานเลี้ยงเริ่มดำเนินไปถึงครึ่งทาง เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังคงไม่หยุดทาน พอทานเสร็จก็ดื่มเครื่องดื่ม ส่วนตู้เซียวหยู่จู่ๆก็พูดขึ้นมาอย่างลึกลับว่า “เสี่ยวไป๋ ยัยเจียงเหมยนั่นเข้าไปคุยกับเซียวซู่แล้วนะ”
อืม เจียงเหมยไปคุยกับเซียวซู่ หล่อนอยากทำอะไรกันแน่
หรือว่าไปได้ยินจากใครมาว่าตัวเธอกับเซียวซู่รู้จักกัน เลยเริ่มคิดถึงความรู้สึกตอนสมัยเรียนขึ้นมาอีกครั้ง
พอคิดถึงตรงนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วและหัวเราะ
คิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเหมยคนนี้จะไม่รู้จักตายใจ คิดจะแย่งคนข้างกายเธอ สมัยนั้นตอนที่รุ่นพี่คนนั้นมาจีบเธอ ต่อมาก็ถูกเจียงเหมยแย่งไป
คนที่ชอบตัวเธอนั้นถูกแย่งไปอย่างง่ายดาย แล้วเซียวซู่ล่ะ ?
เขากับตัวเธอก็แค่คนที่แกล้งเป็นแฟนกัน เขาจะถูกแย่งไปไหม
ไม่ใช่สิ ทำไมเธอถึงได้คิดแบบนี้
เดิมทีในใจของเซียวซู่ก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว จะถูกแย่งไปได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร ตอนแรกที่ตัวเธออ้อนวอนให้เขาช่วยแสร้งแสดงเป็นแฟน เขายังปฏิเสธเสียงแข็งเลย ไม่แน่ว่าเจียงเหมยชนเข้ากับกำแพงของเขาที่นี่ก็ได้
พอคิดถึงตรงนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ต้องกังวลขึ้นมาทันที
เธอยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาอย่างสงบนิ่ง
“จะคุยก็คุยไปสิ หล่อนไม่ใช่เทพธิดาอะไรสักหน่อย ไม่มีทางตกผู้ชายไปได้หมดทุกคนหรอกน่า”
“ลูกไม่กังวลเหรอ สมัยเรียนหล่อนก็ชอบแย่งซีนลูกจะตาย ขอแค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูกก็ต้องเข้ามาแย่งทั้งนั้น ตอนนี้จะต้องเป็นเพราะรู้ว่าลูกกับเซียวซู่รู้จักกัน ดังนั้นเลยคิดจะชิงลงมือทำอะไรบางอย่างก่อนแน่”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลองดูว่าเธอจะมีปัญญาทำได้ไหม”
คนที่ซ่อนอยู่ภายในใจของเซียวซู่ ไม่มีทางลบออกไปได้ง่ายดายขนาดนั้นหรอก ดูผู้หญิงสำส่อนอย่างเจียงเหมย แล้วมาดูเซียวซู่ที่แสนเย็นชาแบบนั้น คิดว่าก็คงไม่มีทางหวั่นไหวได้จริงๆ
“เสี่ยวไป๋ ทำไมลูกถึงวางใจขนาดนี้ล่ะ”
“เพราะหนูรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะถูกตกได้ง่ายๆไงคะ เอาเถอะค่ะคุณแม่ แม่ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาแล้วค่ะ หนูกินอิ่มมากเลย หนูอยากออกไปเดินเล่นหน่อย ได้ไหมคะ”
ไม่รอให้ตู้เซียวหยู่ได้ตอบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ลุกขึ้นมาเองแล้ว บิดขี้เกียจทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก
อีกด้านหนึ่ง
เซียวซู่ถูกเจียงเหมยเกาะติดเสียแล้ว
เจียงเหมยมองเซียวซู่ด้วยท่าทางเขินอายราวกับสาวน้อยคนหนึ่ง แต่กลับเข้าไปชวนเซียวซู่คุยแบบไม่ได้รับเชิญแบบนั้น
“คุณเซียวคะ ได้ยินมาว่าคุณกับเสี่ยวไป๋เป็นเพื่อนกันใช่ไหมคะ ฉันเป็นน้องสาวของเขาค่ะ ฉันชื่อเจียงเหมย”
เซียวซู่ “……”
หญิงสาวที่สีหน้าท่าทางอ่อนโยนที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกับคนที่ทะเลาะกับเจียงเสี่ยวไป๋ก่อนหน้านี้ แถมยังด่าเธอว่าคนเลวลับหลังคนนั้นเลย
ผู้หญิงมีหลายหน้าขนาดนี้เลยหรือ
เพื่อรักษามารยาท เซียวซู่ก็เลยตอบรับไปเรียบๆทีหนึ่ง จากนั้นก็เบนสายตาหนี ไม่ได้สนใจเจียงเหมยอีก
ก่อนที่เจียงเหมยจะมาหาเขาเธอได้เติมเครื่องสำอางมาแล้ว จากนั้นก็แสดงด้านที่ดีที่สุดของตัวเองให้เซียวซู่ได้เห็น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไม่รู้สึกหนาวรู้สึกร้อนใดๆเลย ทำให้เธอรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
“คุณเซียวคะ ได้ยินว่าคุณมากับประธานจ้าว แล้วปกติความสัมพันธ์ของคุณกับประธานจ้าวเป็นยังไงเหรอคะ”
เป็นเพราะว่าไม่มีหัวข้ออะไรให้คุย ดังนั้นเจียงเหมยก็เลยต้องใช้ไม้แข็งเพื่อคุยกับเซียวซู่
เซียวซู่เองก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เอาแต่หันข้างให้เจียงเหมยตลอด จู่ๆสายตาของเขาก็หันไปทางด้านซ้าย แล้วก็เห็นเงาของเจียงเสี่ยวไป๋เข้า
“ขออภัย ผมขอตัวก่อน”
พอพูดจบสองประโยคนี้ เซียวซู่ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเดินตรงไปทางเจียงเสี่ยวไป๋
พอเจียงเหมยเห็นทิศทางที่เขาเดินไป ก็โกรธจนกำหมัดแน่นทันที แล้วกัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างแรง
เจียงเสี่ยวไป๋กินจนอิ่มแปล้ เลยออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก รู้สึกอารมณ์ดี เธอยืนตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นก็หาวออกมา
ในเสี้ยววินาทีที่อ้าปากกว้าง เธอก็หันกลับไปด้านหลัง จากนั้นก็พบกับสายตาเฉยชาของเซียวซู่
ปากที่เปิดกว้างของเจียงเสี่ยวไป๋ค้างอยู่อย่างนั้น สาวตาของเซียวซู่เลื่อนต่ำลงมา จ้องมองปากของเธอ แล้วก็แสดงความเห็นออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เธอช่วยมีความเป็นกุลสตรีหน่อยได้ไหม”
เจียงเสี่ยวไป๋ปิดปากลง แล้วยกมือขึ้นนวดแก้ม ถึงแม้ว่าเธอจะเผลอประมาท แต่พอถูกคนอื่นมาเห็นสภาพตอนตัวเองหาวเข้าก็ยังรู้สึกเขินอยู่บ้าง แต่ว่าเธอก็ยังทำเป็นหน้าหนาแล้วพูดว่า “ทำไมฉันจะไม่มีความเป็นกุลสตรี แค่หาวมันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ หรือว่าผู้หญิงคนอื่นเขาไม่หาวกันล่ะ”