บทที่ 1304 พี่เห็นฉันตั้งแต่แรกแล้ว
เขามาที่นี่ น่าจะเป็นเพราะว่าเขาอยากกินราเม็งแล้ว
เธอตื่นตระหนกไม่ได้ ก่อนที่เรื่องราวยังไม่กระจ่างชัดเจน เธอต้องสงบสติอารมณ์
เสี่ยวเหยียนล้างสมองให้ตัวเอง แล้วก็สงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว หายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินลงไปชั้นล่าง
ตอนที่เดินลงไปชั้นล่าง เธอพยายามแสร้งสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุด ตอนที่เจอหน้ากับหลินสวี่เจิ้ง ก็ทักทายเขาตามปกติ จากนั้นก็เข้าไปในครัว
หลังจากเข้าไปในครัวแล้ว เสี่ยวเหยียนกำลังปรุงราเม็ง นึกทบทวนท่าทีของหลินสวี่เจิ้ง ที่เจอหน้าการในเมื่อกี้ ดูเหมือนแววตาและอารมณ์สีหน้าของเขา ไม่มีความผิดปกติอะไร คงน่าจะยังไม่รู้ว่า คนคนนั้นก็คือเธอมั้ง?
โชคดีๆ ถ้าหากให้เขารู้เข้า ไม่แน่เขาอาจจะไปพูดอะไรเรื่อยเปื่อยให้กับหานชิงก็ได้?
ตอนนี้เธอท้องหรือไม่ท้อง ยังไม่เป็นที่แน่นอน ดังนั้นถึงต้องใช้แท่งตรวจครรภ์มาตรวจทดสอบ ถ้าถึงเวลานั้นเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด งั้นก็น่าอับอายแย่เลย
ดังนั้นก่อนที่ยังไม่แน่ใจ เสี่ยวเหยียนได้ตัดสินใจแล้วว่า มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น ที่จะรู้เรื่องนี้ และต่อไปเธอไปร้านขายยาอีก ห้ามซุ่มซ่ามเหมือนวันนี้อีกเด็ดขาด
หลินสวี่เจิ้งอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นบน มองถุงที่วางอยู่ข้างๆตัวเองอย่างมีนัย สีหน้าดูมีเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
เขารู้ว่าเพื่อนของตัวเองในครั้งนี้จบเห่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่า ทั้งสองคนจะพัฒนาได้รวดเร็วขนาดนี้ และยิ่งคิดไม่ถึงว่า เพื่อนรักที่สุขุมหนักแน่นมาตลอดหลายปีของเขานั้น ตอนที่อดใจไม่ไหว ได้มีท่าทางยังไง?
นอกจากนี้ ถ้าเขารู้ว่าตัวเองกำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นพ่อ จะมีสีหน้ายังไง?
ถ้าหากเป็นไปได้ หลินสวี่เจิ้งอยากจะเอาแท่งตรวจครรภ์ถุงนี้ไปหาหานชิง แล้วก็หยอกล้อเขาสักหลายประโยค ดูการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเขา เพียงแค่คิด ก็รู้สึกตลกมากแล้ว
น่าเสียดาย ที่ของเหล่านี้ได้เอามาจากเสี่ยวเหยียน สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว ช่วยเธอเก็บเป็นความลับก่อน จะดีกว่า
เสี่ยวเหยียนยกราเม็งเข้ามาในห้องส่วนตัว ส่งเสียงไอเล็กน้อย ปกปิดความไม่มั่นใจของตัวเอง จากนั้นก็วางราเม็งไว้ตรงหน้าของหลินสวี่เจิ้ง
“พี่หลิน”
หลินสวี่เจิ้งเหลือบมองเธอ สายตาของสาวน้อยหลบๆซ่อนๆ เห็นได้ชัดว่าไม่กล้ามองเขาตรงๆแล้ว
กลัวมากขนาดนั้นเลยหรือ? ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ได้ให้เธอรับเขาเป็นพี่ชายแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่กล้ามองเขาตรงๆอีก?
“อืม นั่งเถอะ”
เสี่ยวเหยียนนั่งลงตรงหน้าหลินสวี่เจิ้ง อาจเป็นเพราะตัวเองมีพิรุธ ดังนั้นตอนที่หายใจ จึงหายใจอย่างแผ่วเบา เหมือนกับว่าต้องการลดความรู้สึกในการมีตัวตนของตัวเอง
ส่วนหลินสวี่เจิ้งก็หยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างเรียบเฉย กินอาหารอย่างเชื่องช้าต่อหน้าเสี่ยวเหยียน ปกติแล้วเสี่ยวเหยียนยังจะคุยเล่นกับเขา แต่วันนี้กลับไม่มีอะไรจะพูด
“มีอะไรเหรอ?” หลินสวี่เจิ้งเงยหน้าขึ้นมามองเธอกะทันหัน
“ห๊ะ?” เสี่ยวเหยียนมองดวงตาของเขาดั่งนกหวาดเกาทัณฑ์ “พี่หลิน มีอะไรเหรอ?”
“ประโยคนี้ฉันควรจะถามเธอไม่ใช่เหรอ?” หลินสวี่เจิ้งมองเธออย่างหัวเราะ “วันนี้เงียบมากขนาดนี้ ไม่มีอะไรจะคุยกับฉันเหรอ?”
“หา ไม่ใช่นะ” เสี่ยวเหยียนโบกมือปฏิเสธซ้ำๆ “เมื่อกี๊ฉันแค่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่เท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่คุยกับพี่หลิน” “โอ้?” หลินสวี่เจิ้งเลิกคิ้วเล็กน้อย “คิดเรื่องอะไร พูดให้พี่ฟังหน่อย?”
“ไม่ดีมั้ง ตอนนี้พี่กำลังทานอาหารอยู่ จะรบกวนนะ”
“ยังไงตอนนี้ฉันก็น่าเบื่อ เธอก็พูดตามสบายได้เลย”
หลังจากพูดจบ หลินสวี่เจิ้งก็ก้มหน้าทานราเม็งต่อ เสี่ยวเหยียนกลับรู้สึกลำบากใจยิ่งนัก “ไม่มีอะไร ฉันแค่กำลังคิดว่า ในร้านจะจ้างลูกมือเพิ่มอีกหนึ่งคนไหม เท่านั้นเอง”
จ้างลูกมือเพิ่มอีกหนึ่งคน?
“อืม? ตอนนี้ลูกมือไม่พอเหรอ? หรือเธอเตรียมจะถอยออกมา?”
นี่เธอกำลังปูทางสำหรับการตั้งครรภ์ในอนาคตหรือ?
เสี่ยวเหยียนได้ยินเขาถามตัวเองว่า เตรียมจะถอยออกมาหรือเปล่า ขนลุกทั้งตัวในทันที ตั้งความหวาดระแวงสูงสุด “ไม่ ไม่ใช่นะ ฉันแค่…… รู้สึกว่าพ่อแม่ฉันงานยุ่งนิดหน่อย ดังนั้นจึงพิจารณาอยากจะจ้างเพิ่มอีกหนึ่งคน”
“อืม คุณลุงคุณป้าอายุก็ไม่น้อยแล้ว ไม่ควรจะยุ่งมากขนาดนี้จริงๆ จ้างลูกมือเพิ่มอีกหน่อยก็ดีเหมือนกัน มีคนเลือกแล้วหรือยัง? ต้องการให้ชายใหญ่ช่วยเธอสรรหาไหม?”
“ไม่ต้อง เรื่องนี้ไม่รีบร้อน ค่อยๆหา หาจนกว่าจะเจอคนที่เหมาะสม”
“ก็ดี”
หลังจากนั้นทั้งสองก็เงียบไปสักพัก เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่า ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้วจริงๆ จึงหาข้ออ้างที่จะออกไป
“พี่ใหญ่ ด้านล่างงานยุ่งนิดหน่อย วันนี้ฉันจะไม่กินราเม็งเป็นเพื่อนพี่แล้ว ได้หรือเปล่า?”
“อืม ตอนที่ฉันเข้ามาได้เห็นแล้ว ค้าขายทำได้ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเธอลงไปทำงานเถอะ”
“ขอโทษทีนะ พี่ใหญ่ ครั้งหน้าฉันจะอยู่เป็นเพื่อนพี่” หลังจากพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เกือบจะเป็นเหมือนหนีเตลิดไป ด้วยความกลัว แต่หลังจากที่เธอหันหลัง เพิ่งเดินไปได้สองก้าว หลินสวี่เจิ้งก็เรียกเธอไว้กะทันหัน
“น้องสาว”
“ห๊ะ?”
เสี่ยวเหยียนหันกลับมา มองไปที่หลินสวี่เจิ้งด้วยสีหน้างงงวย
“ของของเธอ ลืมให้เธอเลย”
หลินสวี่เจิ้งยิ้มเล็กน้อย แล้วถือถุงที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ตอนแรกเสี่ยวเหยียนยังรู้สึกสับสนเล็กน้อย “ของของฉัน?”
อืม ของเธอ”
เสี่ยวเหยียนเดินไปหยิบถุงขึ้นมา ด้วยสีหน้างุนงง เพราะไม่ได้คิดไปในทางนั้นจริงๆ ดังนั้นจึงเปิดถุงออกต่อหน้าหลินสวี่เจิ้งโดยตรงเลย
แต่ทันทีที่เปิดถุงออก หลังจากที่เธอเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ข้างในถุงใส่ของอะไรไว้ เสี่ยวเหยียนสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
“นี่ อันนี้……”
ทำไม!!
เสี่ยวเหยียนเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ คาดไม่ถึงว่าของที่ใส่ไว้ในถุง คือแท่งตรวจครรภ์ที่เธอซื้อในร้านขายยาตอนเมื่อกี้ และในเวลานี้ ถูกส่งมาให้โดยใส่ไว้ในถุงทั้งหมดเลย
ทำไมหลินสวี่เจิ้งถึงเอาของเหล่านี้มาให้เธอ? หรือว่า……เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในร้านขายยา เขาก็จำตัวเองได้แล้ว?
“เป็นอะไร?” หลินสวี่เจิ้งมองสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอ รู้สึกน่าสนใจยิ่งนัก “หรือนี่ไม่ใช่ของของเธอ?”
เสี่ยวเหยียนตั้งตัวได้ มือปล่อยถุงออกโดยสัญชาตญาณ มุมปากกำลังกระตุก ยิ้มอย่างลำบากใจ “พี่หลิน พี่ล้อเล่นอะไรกัน ของเหล่านี้……จะเป็นของฉันได้ยังไง?”
“ไม่ใช่ของเธอ? แต่เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในร้านยา ที่เธอเอาไว้ก็คือของเหล่านี้นะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มที่ริมฝีปากของเสี่ยวเหยียน ก็ไม่สามารถรักษาได้อีกต่อไป เธอจ้องมองหลินสวี่เจิ้ง
อย่างจริงจัง ทั้งหางตาและมุมปากของอีกฝ่าย ล้วนกำลังยิ้ม ซึ่งเห็นได้ชัดว่า กำลังกลั่นแกล้งเธออยู่!
เมื่อคิดเช่นนี้ เสี่ยวเหยียนจึงถามด้วยความโกรธเล็กน้อย “พี่หลิน พี่เห็นฉันตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม!”
หลินสวี่เจิ้งยิ้มอ่อนๆไม่พูดอะไร
เห็นท่าทีของเขาว่าแบบนี้ เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่า ตัวเองเดาถูกแล้ว เขาจำตัวเองได้ เลยซื้อของ แล้วยังมาที่ร้านของเธอ เพื่อจะเอาของเหล่านี้ให้กับเธอ
“พี่หลิน พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง? พี่!”
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเหยียนกำลังจะโกรธแล้ว หลินสวี่เจิ้งรีบหาทางแก้ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ อย่าโทษพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ก็แค่มาซื้อของ แล้วบังเอิญเจอกับเธอ เห็นว่าเธอทำของหล่นไว้ ดังนั้นจึงมาส่งให้เธอ ไม่มีความคิดอย่างอื่น”
“ถ้าไม่มีความคิดอย่างอื่น แล้วทำไมตอนที่เข้ามา พี่ไม่พูดโดยตรงเลย จะต้องรอจนถึงตอนนี้?”
หลินสวี่เจิ้งสีหน้าจนปัญญา “นี่ก็แค่อยากจะแกล้งเธอนิดหน่อยใช่ไหมล่ะ? คิดไม่ถึงว่าเธอจะล้อเล่นไม่ได้ขนาดนี้ เอาล่ะ น้องสาวของฉัน อย่าโกรธพี่ใหญ่เลยนะ พี่ได้ส่งของมาให้เธอแล้ว ยังจ่ายเงินให้เธอแล้วด้วย”
ไม่พูดถึงเรื่องนี้ยังดี เมื่อพูดถึงเสี่ยวเหยียนก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากขึ้น