บทที่ 1307 ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
สวี่เย็นหวั่น “……”
คำถามที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ เธอไม่ถือว่าตัวเองเป็นคนนอกจริงๆเลย
เธอจ้องไปที่พนักงานต้อนรับ ด้วยสายตาลึกล้ำ ก็ไม่พูดอะไร จ้องมองไว้อย่างนี้ พนักงานสาวต้อนรับ ถูกเธอจ้องจนขนหัวลุก
“เธอ เธอมองฉันอย่างนี้ทำไม? หรือฉันถามผิดเหรอ? ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ก็คือเธอ มาที่บริษัทตระกูลหาน บอกว่าต้องการหาประธานหานของเรา ฉันถามเธอว่า เคยหมั้นกับประธานหันใช่ไหม? เธอตอบว่าใช่”
สวี่เย็นหวั่นมองไปที่พนักงานต้อนรับ คาดเดาว่าจุดประสงค์ที่เธอถามคำถามนี้กับตัวเองคืออะไร? ตามฐานะของเธอ เว้นแต่เธอก็มีความสนใจต่อหานชิง มิฉะนั้น เธอจะไม่สงสัยมากขนาดนี้ ว่าตัวเองเคยหมั้นกับหานชิงหรือเปล่า หรือไม่ก็เธอเป็นคนสอดรู้สอดเห็นมาก ถึงได้ถามแบบนี้
แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด สวี่เย็นหวั่นก็ไม่อยากจะตอบคำถามของเธอ
“เธอพูดสิ เธอเป็นคู่หมั้นของประธานหานเราหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สวี่เย็นหวั่นก็ค่อยๆโค้งมุมปากขึ้น มองเธอด้วยสายตาหมดคำพูด “ใช่แล้วทำไม? ไม่ใช่แล้วทำไม? เธอถามคำถามนี้ อยากจะทำอะไร?”
เมื่อพนักงานสาวต้อนรับได้ยิน ดวงตาก็สว่างขึ้น “คุณยอมรับแล้ว?”
“ฉันยอมรับแล้วหรือ?” สวี่เย็นหวั่น ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ “เมื่อกี้ฉันยอมรับแล้วหรือ?”
“งั้นเธอปฏิเสธเหรอ?”
สวี่เย็นหวั่น “ใครจะรู้ล่ะ? เธอเดา?”
พนักงานสาวต้อนรับ “……”
ผู้หญิงคนนี้จัดการยากขนาดนี้เลยหรือ ทั้งไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ ตกลงเธอหมายความว่าอย่างไรกันแล้ว?
“เวลาของฉันมีค่ามาก ถ้าเธอไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ฉันไปก่อนนะ”
หลังจากพูดเสร็จ สวี่เย็นหวั่นก็เดินอ้อมพนักงานสาวต้อนรับโดยตรง ออกไปจากบริษัทเลย
หลังจากที่เธอเดินไปแล้ว พนักงานสาวต้อนรับก็ยืนคิดอยู่กับที่ตั้งนาน ยังไงก็คิดไม่ออก เธอจึงรีบกลับไปที่ตำแหน่งของตัวเอง ส่งข้อความไปยังกลุ่ม
“เพื่อนๆ เมื่อกี้ฉันได้เจอกับคู่หมั้นของประธานหานอีกแล้วนะ!”
“?? เธอกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่? แต่ละวันทั้งคู่หมั้นและแฟนสาว ห่วงอารมณ์ของเราหน่อยได้ไหม?”
“คู่หมั้นจริงเหรอ? เธอแน่ใจหรือเปล่า?”
พนักงานสาวต้อนรับ “ไม่แน่ใจ เมื่อกี้ฉันได้ถามเธอแล้ว แต่เธอไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ยอมรับ นี่เธอหมายความว่าอย่างไร? ฉันไม่ค่อยเข้าใจ”
“ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ? โธ่ เพื่อนสาว ผู้หญิงที่เธอพูดถึง ชั้นเชิงสูงไปหน่อยไหม? ฟังที่ฉันพูด ต่อไปอย่าไปถามเธออีก เธอกำลังหาความอัปยศอดสูให้ตัวเอง”
พนักงานสาวต้อนรับ “……หาความอัปยศอดสูให้ตัวเองอะไร แนะนำให้เธอพูดจาดีๆ”
“หรือว่าไม่ใช่? เธอโง่เกินไปแล้วนะ เข้าไปถามคำถามแบบนี้โดยตรง แล้วท่าทางของอีกฝ่าย ก็เห็นได้ชัดว่า คือชั้นเชิงที่สูงกว่า ทั้งไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ ให้เธอคาดเดาจนตะขิดตะขวงใจอยู่ตรงนี้ เธอว่าเธอกำลังหาความอัปยศอดสูให้ตัวเองจริงหรือเปล่า?”
“เม้นต์ด้านบน +1 ฉันก็รู้สึกว่า พนักงานต้อนรับโง่ไปหน่อย และยังใจเสาะด้วย แค่นี้ก็ช่างเถอะ ดันจะสอดรู้สอดเห็นขนาดนั้นอีก”
ไฟสอดรู้สอดเห็นอย่าเผาไหม้จนลุกโชนมากเกินไปนะ แต่พวกเธอบอกว่า ผู้หญิงคนนี้มีชั้นเชิงที่ค่อนข้างสูงจริงๆ ทำงานในบริษัทก่อน แล้วเงียบไม่ส่งเสียงอะไร เธออยากทำอะไรนะ?”
“ยังจะทำอะไรได้อีก? ต้องมีเพียงจุดประสงค์เดียวแน่นอน นี่ยังต้องถามอีกหรือ?”
“ก็ถูกต้อง เป็นถึงคู่หมั้นของประธานหานแล้ว ดังนั้นเป้าหมายก็ต้องเป็นประธานหานแน่นอน ……”
ถ้าพูดอย่างนี้ แฟนคนนั้นของหาน?”
“ถ้าสถานะคู่หมั้นเป็นจริง งั้นแฟนสาวเป็นมือที่สาม ก็แก้ตัวไม่ได้แล้ว”
“นั่งรอชั้นเชิงสูง มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ทุกคนจะพนันกันหน่อยไหม?”
“พนันอะไร?”
“พนันว่า ตัวเอกคนนี้จะดึงมือที่สามตกลงมาเมื่อไหร่?”
“ให้ตายเถอะ การพนันนี้ ฟังดูแล้วร้ายกาจมากเลย แต่ว่าฉันชอบ เราจะพนันกันยังไง?”
ผู้คนจำนวนมากเริ่มเดิมพันกันในกลุ่ม พนักงานสาวต้อนรับดูจนตาลายไปหมด หลังจากครุ่นคิดสักครู่ ก็พูดอย่างซื่อตรง “ฉันจะโหวตให้แฟนของประธานหานหนึ่งเสียง!”
คนอื่นๆ “???”
“พนักงานสาวต้อนรับ เธอไม่เข้าใจผิดใช่ไหม? ในเวลานี้ เธอไม่ยืนข้างคู่หมั้นของประธานหาน แต่กลับไปยืนข้างแฟนของเขา? เรื่องนี้เธอเป็นคนบอกกับพวกเราเองไม่ใช่หรือ? หรือที่เธอพูดเป็นเรื่องเท็จ?”
พนักงานสาวต้อนรับรีบชี้แจง “ไม่ใช่สักหน่อย สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริงทั้งหมด แต่ความคิดของฉันเป็นอย่างนี้ คู่หมั้นคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมาในเวลานี้กะทันหัน จะต้องสร้างปัญหาอย่างแน่นอนใช่ไหม แต่แฟนของประธานหาน ก็ใช่ว่าจะมาหาเรื่องได้ง่ายๆแน่นอน ถ้าเธอใสซื่อ ไร้เดียงสา กลั่นแกล้งได้ง่ายขนาดนั้นจริงๆ งั้นเธอจะจับประธานหานของเราได้อย่างไร?
อีกอย่างประธานหานของเรา เป็นผู้ชายแบบไหน เมื่อก่อนไม่เคยมีแฟนเลย ตอนนี้บอกจะคบก็คบเลย และแฟนของเขามาหาเขาที่บริษัททุกวัน เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าพวกเราจะมองไม่เห็น”
“เธอพูดอย่างนี้ ก็มีเหตุผลไม่น้อย แต่ว่า…… ฉันก็ยังคงอยากโหวตให้คู่หมั้น เพราะฉันเป็นคนที่เกลียดมือที่สามมาก”
“งั้นฉันก็โหวตให้คู่หมั้นแล้วกัน ฉันก็ไม่ชอบมือที่สามเหมือนกัน”
“คำว่ามือที่สาม คงจะเกินไปหน่อยแล้ว ตอนนี้ก่อนที่เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ใครจะไปรู้ว่า เป็นมือที่สามจริงหรือเปล่า และใครจะรู้ว่า แฟนของเขาถูกให้เป็นมือที่สามโดยไม่รู้ตัวไหม”
ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดในกลุ่ม แต่เสี่ยวเหยียนในตอนนี้ กลับปิดประตู แล้วหลบตัวอยู่ในห้องน้ำ แอบเอาแท่งตรวจครรภ์ออกมากล่องหนึ่งอย่างหลบๆซ่อนๆ จากนั้นก็อ่านคู่มือ
อืม ใช้ครั้งแรก เธอยังไม่ค่อยเข้าใจ จึงอ่านคู่มืออยู่ตั้งนาน และเมื่อกำลังจะลองใช้ ก็มีเสียงเคาะประตูดังจากข้างนอกกะทันหัน
“ก๊อกๆๆ—“
เสี่ยวเหยียนตกใจจนปล่อยมือออก แท่งตรวจครรภ์ก็ตกลงที่พื้น
“ใคร?”
“คือฉันเอง พี่เสี่ยวเหยียน!”
เสี่ยวเหยียนจำได้แล้ว นี่เป็นเสียงของพนักงานในร้าน แต่เขามาเคาะประตูของตัวเองทำไม?
“นายจะทำอะไร?”
“พี่เสี่ยวเหยียน พี่อยู่ที่ข้างในครึ่งค่อนวันแล้ว จะเสร็จเมื่อไหร่อ่ะ? ท้องของฉันปวดกะทันหันอ่ะ!”
เสี่ยวเหยียน “……”
คนข้างนอกเพื่อแสดงให้เห็นถึงระดับความปวดท้องของตัวเอง ถึงกับตบประตูอย่างบ้าคลั่ง พร้อมร้องโหยหวนด้วย
เสี่ยวเหยียนพูดไม่ออกโดยสิ้นเชิงกับการกระทำของเขาแบบนี้ ในเวลาเดียวกัน ความระแวงก็ผ่อนคลายลง ทำได้เพียงก้มหยิบแท่งตรวจครรภ์ที่หล่นอยู่บนพื้นเก็บขึ้นมาใหม่
ช่างประสบอุปสรรคนานัปการจริงๆ รอกลับไปตรวจหลังจากกลับบ้านดีกว่า อยู่ในร้านนี้ ถ้ามีคนมาเคาะประตูห้องน้ำของเธอในอีกสักครู่ เธอจะตกใจจนหัวใจหยุดเต้นแน่เลย
เมื่อนึกถึงอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนก็ยัดของเข้าไปในพื้นที่ว่างของกระเป๋า คนข้างนอกก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนอีกแล้ว
“พี่เสี่ยวเหยียน พี่ใกล้จะเสร็จหรือยัง? ฉันจะทนไม่ไหวจริงๆแล้วนะ……เร็วหน่อยได้ไหม?”
เสี่ยวเหยียนถูกเขาเร่งจนรู้สึกชาที่หน้าผาก พร้อมพูดว่า “ได้แล้วๆ จะออกไปเดี๋ยวนี้ นายทนไว้อีกหน่อย”
เธอเก็บของอย่างรวดเร็ว จากนั้นเปิดประตูแล้วออกไป
คนข้างหน้ารีบพุ่งตัวเบียดเธอ เข้าไปในห้องน้ำ แล้วปิดประตูดังเสียงดังปัง
ถ้าเสี่ยวเหยียนเดินช้ากว่านี้อีกหน่อย ก็โดนบานประตูกระแทกแล้ว เธอหมดคำพูดนิดหน่อย แต่ยังคงปาดเหงื่อออก แล้วก็หิ้วกระเป๋าออกไป
ตอนที่เธอออกมา หลัวหุ้ยเหม่ยจ้องมองเธออย่างสงสัย
“เมื่อกี้บอกว่าจะไปโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ? ทำไมกลับเร็วขนาดนี้ อีกอย่างเธออยู่ในห้องน้ำตลอด ทำอะไรกัน?”
เสี่ยวเหยียนคิ้วกระตุก พูดอธิบายว่า “ฉันท้องเสียนิดหน่อย เลยอยู่ในห้องน้ำไง ส่วนสาเหตุที่ไม่ไปโรงพยาบาล ก็เพราะว่าจู่ๆฉันก็รู้สึกหายจากไม่สบายแล้ว แม่ถามมากขนาดนี้ไปทำไมอ่ะ?”