บทที่ 1310 คอยเฝ้า
หานชิงเก็บโทรศัพท์ไว้ จับมือของเธอ
“ไป เหนื่อยไม่ใช่เหรอ? ไปพักผ่อน”
เสี่ยวเหยียนยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ ผลักเขาออกอย่างแรง “คุณตอบฉันสิ ในเวลานี้คุณควรจะทำงานในบริษัท เมื่อกี้เลขาซูโทรหาคุณใช่ไหม? ในบริษัทมีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ฉันไม่เป็นอะไร คุณไม่ต้องมาอยู่กับฉันโดยเฉพาะ คุณกลับไปเอ บริษัทสำคัญ……อุ้บ……”
ตรงหน้า มืดลงในทันที ริมฝีปากถูกปิดสนิท
เสี่ยวเหยียนใช้มือผลักเขาออก แต่ถูกหานชิงจับข้อมือไว้ ไขว้ไว้ด้านหลัง จากนั้นเขาก็โน้มตัวลง แล้วจูบให้ลึกขึ้น
หนึ่งวินาที สองวินาที……
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสี่ยวเหยียนถูกจูบจนตัวหวิวๆ พิงในอ้อมกอดของหานชิงอย่างอ่อนแรง จากนั้นก็ถูกเขาอุ้มขึ้น เดินไปทางห้องนอน
เมื่อเสี่ยวเหยียนตั้งสติได้ ตัวเธอก็ถูกวางลงบนเตียงที่อ่อนนุ่มแล้ว ส่วนหานชิงกำลังถอดรองเท้าให้เธอ
เมื่อเท้าสีขาวราวกับหิมะ ถูกเขากุมไว้ในฝ่ามือ ใบหน้าของเสี่ยวเหยียน ก็อดไม่ได้ที่จะแดงระเรื่อ อยากจะดึงเท้ากลับมาโดยสัญชาตญาณ
หานชิงจับเท้าของเธอไว้ เงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วมองเธอ “กลัวฉัน?”
เสี่ยวเหยียนสะดุ้งเล็กน้อย ส่ายหัวเบาๆ พยายามลองดึงเท้ากลับมาอีกครั้ง ทำไมจูบไปจูบมา ก็มาถึงเตียงแล้ว ……
เขาคงไม่ได้ทำอะไรที่นี่นะ?
และในตอนที่เสี่ยวเหยียนกำลังคิดเรื่อยเปื่อย หานชิงก็เริ่มที่จะปล่อยเธอออกแล้ว จากนั้นก็ดึงผ้าห่มที่อยู่ด้านข้าง มาคลุมให้เธอ
“นอนหลับฝันดี”
ฝ่ามือใหญ่ที่แสนอบอุ่น วางลงบนแก้มของเธอ หลังจากนั้นก็จับอยู่บนหัวของเธอ ลูบผมให้เธอเบาๆ
ไม่รู้เพราะเหตุใด การกระทำนี้ ทำให้เสี่ยวเหยียนนึกถึงพ่อของตัวเอง
เพราะตอนที่ตัวเองยังเด็ก คุณพ่อก็ชอบลูบหัวของเธอเบาๆแบบนี้ สีหน้ามีความเมตตาและอ่อนโยน กับรอยยิ้มที่รักใคร่
การกระทำให้พ่อของเสี่ยวเหยียนทำ เธอจะไม่รู้สึกว่ามีอะไร ในตอนนี้ เมื่อเห็นหานชิงเม้มริมฝีปากบาง ทำท่าทางนี้ ด้วยสีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
ไม่ว่าจะมองยังไง ก็รู้สึกว่าขัดแย้งอย่างมาก
แค่กๆ……
เสี่ยวเหยียนหันหน้าหนี พูดด้วยหน้าแดงก่ำ “แล้วคุณล่ะ คุณจะกลับไปที่บริษัทแล้วหรือ?”
“อยู่ที่คุณ”
“ห๊ะ?”
“คุณอยากให้ฉันอยู่ต่อกับคุณไหม?”
ตอนที่ถามคำถามนี้ เสียงของหานชิงตั้งใจลดต่ำเล็กน้อย ทำให้คนรู้สึกเย้ายวนใจ ราวกับว่าจงใจยั่วยวนเธอ
เสี่ยวเหยียนรีบส่ายหัวทันที “ไม่ต้องแล้วมั้ง มีเรื่องในบริษัทตั้งเยอะแยะ คุณกลับไปก่อนเถอะ”
“มีคำพูดมากมายจากไหน? หลับตานอนก่อน อย่างอื่นไม่ต้องสนใจ”
เสี่ยวเหยียน “……อืม”
เธอหลับตาลง แต่หลังจากที่หลับตาแล้ว ก็จะรู้สึกได้ตลอดว่า สายตาของหานชิงจ้องมองที่ใบหน้าของเธอ ซึ่งทำให้เธออึดอัดมาก จึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง และได้เห็นหานชิงจ้องมองตัวเองตามที่คาด
หลังจากที่ทั้งสองสบตากัน เสี่ยวเหยียนก็พลิกตัวเปลี่ยนท่าทาง
หันหลังให้เขา
ถ้ายังให้เขาจ้องมองเธอนอนหลับอีก เธอคงนอนไม่หลับแน่นอน ดังนั้นเลยต้องหันหลังให้เขา
และหานชิงคงเข้าใจถึงความลำบากใจของเธอ สำหรับการหันหลังของเธอ ก็ไม่มีข้อคิดเห็นอย่างอื่น
ยังคงนั่งเงียบๆอยู่ข้างๆ
ในห้องนอนเงียบสงบมาก ในตอนแรกเสี่ยวเหยียน ยังสามารถได้ยินเสียงหายใจของหานชิง และยังมีเสียงหายใจของตัวเอง ถึงช่วงหลัง เธอก็ค่อยๆง่วงนอนแล้ว
เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปิดสนิท โดยไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย
หานชิงคอยเฝ้าเธอไว้ตลอด จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงหายใจของสาวน้อยที่สม่ำเสมอ เขาก็ไม่ได้รีบร้อน รออย่างเงียบๆอยู่สักพัก แน่ใจว่าสาวน้อยหลับสนิทแล้วถึงได้ลุกขึ้นห่มผ้าให้เธอเรียบร้อย แล้วดูเธอในยามหลับใหล ดูใกล้ๆอยู่สักพัก โน้มตัวจูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ
ระหว่างที่เสี่ยวเหยียนนอนหลับงุนงง รู้สึกเหมือนว่ามีของที่อ่อนนุ่มอะไรบางอย่าง ประทับที่หน้าผากของเธอ สัมผัสนั้นนุ่มละมุนมาก เหมือนดั่งเยลลี่จริงๆ
แต่แรงสัมผัสแบบนี้ ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอย่างละเอียด ในไม่ช้าก็หมดสติอีกครั้ง
หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมา ก็เป็นช่วงเวลากลางคืนแล้ว เสี่ยวเหยียนขยี้ตาเล็กน้อย ดึงผ้าห่มออก แล้วลุกขึ้นนั่ง เมื่อเห็นว่านอกหน้าต่างมืดลงแล้ว ในห้องนั่งเล่นมีเสียงสนทนาดังมา
เธอหาวนอนพร้อมลุกขึ้นใส่รองเท้าแตะ แล้วเดินออกไปข้างนอก
เมื่อเดินไปถึงห้องนั่งเล่น เสี่ยวเหยียนยังขยี้ผมที่ถูกตัวเองนอนจนยุ่งเหยิง หาวนอนติดต่อกัน ทำไมยังง่วงขนาดนี้? อยากจะนอนเพิ่งอีกสักพัก
แต่ในไม่นาน หนอนหลับใหลของเสี่ยวเหยียนก็ตกใจหนีไปหมดแล้ว เพราะเธอเห็นในห้องนั่งเล่น มีร่างที่สูงยาวตระหง่านเพิ่มขึ้น ขณะนี้คนคนนั้นนั่งอยู่บนโซฟา ขายาวคู่นั้น แทบจะไม่มีที่วางแล้ว และใบหน้าที่สุขุมของเขา หันไปด้านข้างเล็กน้อย สีหน้ามีความเป็นมิตร กำลังพูดคุยกับพ่อจาง
หาน หาน หานชิง!!
ในที่สุดสติของเสี่ยวเหยียนก็กลับมา เธอนึกถึงเรื่องที่หานชิงมาหาเธอ ก่อนที่เธอจะเข้านอน คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่ตัวเองนอนตื่นขึ้นมา เขายังอยู่ในบ้านของตัวเอง
ส่วนเธอ กลับวิ่งออกมาในสภาพแบบนี้เลย ไม่ต้องส่องกระจก เสี่ยวเหยียนก็สามารถรู้ว่า ท่าทางในเวลานี้ของเธอ ดูเลอะเทอะมากแค่ไหน
แต่โชคดีที่หานชิงกำลังคุยกับพ่อจาง เลยไม่ได้สังเกตเห็นทางนี้
ดังนั้นตอนที่เธอคิดไว้ว่า จะแอบกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เสียงของหลัวหุ้ยเหม่ย ก็ได้ดังขึ้นอย่างผิดจังหวะ
“เหยียนเหยียน ยัยเด็กนี่ในที่สุดก็ตื่นนอนจนได้นะ? แต่เธอยืนโง่อยู่ตรงนั้นทำอะไร? รีบไปทำความสะอาดหน่อย แล้วล้างหน้าล้างมือเตรียมทานอาหารเย็นนะ”
เสี่ยวเหยียนที่กำลังจะแอบเข้าไปในห้องเงียบๆ“……”
และเพราะหลัวหุ้ยเหม่ยส่งเสียงพูดขึ้น พ่อจางและหานชิงที่อยู่ทางนั้น ก็มองมาตามเสียงด้วย แล้วก็มองเห็นเสี่ยวเหยียนพอดี
เสี่ยวเหยียนรู้สึกกลุ้มใจยิ่งนัก ยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปทันที แต่ในตอนนี้ ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว เธอยังไม่ทันมองว่าหานชิงมีสีหน้าอะไร หันกลับไป ใส่รองเท้าแตะวิ่งตึกๆๆ เข้าไปในห้องของตัวเองทันที
ปัง!
หลังจากปิดประตูแล้ว เสี่ยวเหยียนถึงได้พุ่งเข้าไปในห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน เธอหวีผมของตัวเอง พบว่าผมยุ่งเหยิงหมดแล้ว จากการนอนของเธอ แต่ตอนนี้จะสระผม ก็ไม่ทันแล้ว สุดท้ายเสี่ยวเหยียนไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ นอกจากมัดผมดังโงะ เปลี่ยนชุดทั่วไปที่มีชีวิตชีวา ถึงจะออกมา
แต่ดูเหมือนเธอจะมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดี หรือจะเติมลิปสติกหน่อย?
แต่เติมลิปสติกตอนนี้ จะดูเหมือนตั้งใจมากเกินไปหรือเปล่า?
เสี่ยวเหยียนหยิบลิปกลอสออกมา แล้วเปิดออก
วาดท่าทางกับตัวเองในกระจก ตกลงจะทาหรือไม่ทานะ?
ลังเลเล็กน้อย
ก๊อกๆ—
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ ก็มีคนมาเคาะประตูของเธอกะทันหัน และเสี่ยวเหยียนก็สะดุ้งตกใจกับเสียงเคาะประตู มือสั่นแล้วลิปกลอสก็ไปจิ้มที่ข้างปากของตัวเอง
อ๊ากก! ! !
เสี่ยวเหยียนแทบจะกระโดดขึ้น จึงต้องรีบวางลิปกลอสลง แล้วไปเอาทิชชู่เช็ดลิปกลอสออกจากปากด้วยทิชชู่
“ยัยเด็กบ้า กำลังทำอะไรอยู่ข้างใน? ให้เธอทำความสะอาดนิดหน่อย เธอจะทำความสะอาดนานขนาดนี้เลยเหรอ?” เสียงของหลัวหุ้ยเหม่ย ดังมาจากด้านนอก ลิปกลอสของเสี่ยวเหยียนแท่งนี้ ซื้อมาเป็นพิเศษ ตอนนั้นที่โฆษณา บอกว่าไม่หลุดติดแก้วน้ำ สีไม่หลุดง่ายๆเป็นลิปกลอสที่สาวๆทุกคนต้องมี ดังนั้นในเวลานั้น หลังจากที่เธอฟังจบ ก็หวั่นไหวเล็กน้อย จึงซื้อมันเลย
แต่ต่อมาพบว่า หลังจากที่ทาริมฝีปากแล้ว สีจะหลุดออกเล็กน้อย หลุดติดแก้วน้ำด้วย เธอยังเคยพูดลับหลังว่า สโลแกนของลิปกลอสนี้ หลอกลวงเกินไป! แต่พอวันนี้ ตอนทาที่ผิว ทำไมถูออกยากจังนะ?