บทที่ 1314 เขาหลับไปแล้ว
หลังจากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ไม่กล้าขยุกขยิกอีกเลย นอนนิ่งๆบนตัวของหานชิง เพราะเสียงของหานชิงที่ฟังดูแล้วไม่เพียงแหบพร่าแต่ยังมีความเหนื่อยล้า คงเพราะว่าอาจจะดื่มมาก็ไป ตอนนี้เธอไม่รู้จะช่วยเขาอย่างไร จึงได้แต่พยายามนอนนิ่งๆ
ผ่านไปไม่นาน เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าหายใจเป็นจังหวะ สม่ำเสมอ
เธอกระพริบปริบๆ คาดเดาว่า หรือเขาจะหลับไปแล้ว
ไม่มีทาง เธอยังนอนอยู่บนตัวเขาแบบนี้ เขาจะจะนอนหลับโดยที่กอดตนเองอยู่แบบนี้เหรอ
เสี่ยวเหยียนรออีกพักหนึ่ง ลมหายใจของเขาก็ยังคงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
ดูท่าเขาจะหลับไปแล้วจริงๆ
ตอนนี้ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้นมา เสี่ยวเหยียนตกใจก่อน จากนั้นจึงค่อยๆใจเย็นลง เธอค่อยๆแกะมือของหานชิงที่โอบรอบเอวของตนเองอย่างเบามือที่สุด จากนั้นลุกขึ้นเดินไปด้านนอก
หลัวหุ้ยเหม่ยยืนรอเธออยู่ที่นอกประตู ตอนแรกเธอคิดจะเดินเข้าไปเลย แต่คิดได้ว่าในห้องคือหนุ่มสาวที่เป็นแฟนกัน ถ้าหากมีภาพที่ไม่ควรจะเห็นเข้า อาจจะสร้างความเขินอายให้กับสองแม่ลูกได้
ดังนั้นหลัวหุ้ยเหม่ยจึงยืนรออยู่ด้านนอกสักพักหนึ่ง ฟังเสียงด้านในที่เงียบเชียบ จึงได้เคาะประตู
“แม่”
เสี่ยวเหยียนเดินออกมา หลัวหุ้ยเหม่ยอดไม่ได้ที่จะมองเลยไปที่ด้านหลังของเธอ“หานชิงล่ะ”
“เขา……หลับไปแล้วค่ะ”มุมปากเสี่ยวเหยียนกระตุกเล็กน้อย จากนั้นอธิบายว่า:“เพิ่งจะเข้าไปไม่นานก็หลับแล้วค่ะ”
หลับแล้วเหรอ
หลัวหุ้ยเหม่ยรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย ทำไมคนคนนี้หลับเร็วขนาดนี้นะ
“ลูกไม่ได้บอกว่าเขาคอแข็งมากหรอกเหรอ ทำไมนอนเร็วขนาดนี้ เพราะเมาหรือว่า”
“เดาว่าคงจะดื่มมากไปหน่อยค่ะ แล้วบวกกับช่วงนี้ที่งานเขาค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นก็เลยเหนื่อย”เสี่ยวเหยียนเชื่อมโยงไปเองมั่วๆ ความจริงแล้วนี่ก็เป็นการคาดเดาของเธอเอง หานชิงบริหารงานบริษัทเองคนเดียวก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว แม้ว่าหลายงานที่เขาไม่จำเป็นต้องทำ แต่สิ่งที่เขาทำทั้งหมดล้วนเป็นที่ต้องใช้สมองอย่างหนัก บวกกับบางครั้งที่งานก็เพิ่มขึ้นมาก สมองก็ต้องมีอาการเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ
ดังนั้นเข้าจึงหลับได้อย่างเร็วมาก
“อย่างนี้นี่เอง จะว่าไปแล้วก็ถูก บริหารจัดการบริษัทหนึ่งนี่เหนื่อยมาก อย่างนั้นต่อไปถ้าลูกแต่งงานกับเขาแล้ว ก็ต้องไปช่วยเขาใช่มั้ย”
คำถามที่ถามอย่างกะทันหันแบบนี้ทำเอาเสี่ยวเหยียนหน้าแดงขึ้นมา:“แม่ นั่นมันเป็นเรื่องของอนาคต ใครจะไปรู้ล่ะ เรื่องในอนาคตวันหลังค่อยว่ากัน”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็ลากแขนของหลัวหุ้ยเหม่ย พาเธอออกไปจากตรงประตูห้อง
หลัวหุ้ยเหม่ยพูดอย่างไม่พอใจว่า:“ลูกนี่เขินอายอะไร แม่ว่าเขาก็อายุไม่น้อยแล้ว หรือว่าไม่ได้คิดวางแผนจะแต่งงาน แม้ว่าพวกเธอสองคนจะยังคบหากันได้ไม่นาน แต่ว่าเริ่มแรกก็ต้องคิดถึงเรื่องแต่งงานก่อน ลูกก็ควรจะทำใจให้สงบค่อยๆคิดทบทวนเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นต่อไปหากวันไหนเขาจู่ๆเกิดขอลูกแต่งงานสายฟ้าแลบ ลูกจะตั้งตัวทันเหรอ”
ขอแต่งงานเหรอ
หานชิงจะขอเธอแต่งงานเหรอ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเสี่ยวเหยียน คิดว่าตัวเองไม่อาจจินตนาการภาพแบบนี้ออกมาได้เลย
คนที่สุขุมเยือกเย็นขนาดนั้น จะมาคุกเข่าขอเธอแต่งงานได้อย่างไรกันนะ
แต่ว่า……ก็คนที่สุขุมเยือกเย็นขนาดนั้นเอง ที่หลังจากพวกเขารักกันแล้ว เป็นฝ่ายจูบเธอก่อน และยังครั้งนั้นที่พวกเขาไปเที่ยวที่ต่างประเทศ คืนนั้นท่าทีของเขาก็……
เอาเป็นว่าแตกต่างจากท่าทางสุขุมเยือกเย็นของเขาในตอนปกติอย่างมาก
เสี่ยวเหยียนไม่กล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป ได้แต่พูดว่า:“แม่ แม่อย่าเพิ่งพูดเหลวไหลเลยนะ เรื่องนี้หนูจัดการเองได้”
“แม่ว่าลูกไม่ได้เตรียมพร้อมจะจัดการอะไรเลย ทุกครั้งที่แม่ถามลูกก็จะคอยหลบเลี่ยง ลูกคนนี้นี่คงไม่ได้คิดจะล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นเขานะ คิดแค่อยากจะรักกันแต่ไม่แต่งงาน”
เสี่ยวเหยียน:“……”
เธอนับถือความคิดของหลัวหุ้ยเหม่ยจริงๆเลย ทำไมเธอถึงได้คิดถึงเรื่องพวกนี้ได้นะ
“ทำไม ถูกฉันพูดทางใจดำแล้วละสิ”
“แม่ ไม่มีทาง……ชีวิตนี้ของหนูนอกจากเขาแล้วก็ไม่คิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่น ยิ่งไม่คิดจะแต่งงานกับคนอื่นด้วย”เสี่ยวเหยียนได้แต่แสดงความบริสุทธิ์ใจออกมา
“อย่างนั้นก็ดี เขาก็อายุไม่น้อยแล้ว พวกเธอรีบแต่งรีบมีลูก”
เสี่ยวเหยียน:“……”
เธอไม่อยากจะคุยต่อแล้ว เวลาที่หลัวหุ้ยเหม่ยเอ่ยถึงเรื่องนี้ สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นเล็กน้อย ราวกับว่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างนั้น
“ใช่แล้ว ครั้งก่อนพวกเธอ……”
“แม่ หนูยังเรื่องต้องทำ หนูกลับไปดูเขาก่อนนะ หนูไปก่อนนะ”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็หมุนตัวเดินกลับห้อง พร้อมปิดประตู มือกุมหน้าอกพิงที่หลังประตู โชคดีที่หนีมาเร็ว ไม่อย่างนั้นแม่จะต้องถามคำถามที่บีบเธอจนแทบเป็นบ้าแน่
เสี่ยวเหยียนปรับลมหายใจให้เป็นปกติ จากนั้นกลับมาที่ข้างเตียง เห็นหานชิงนอนหลับสนิท ก็คิดว่าคืนนี้ตนเองคงจะนอนที่นี่ไม่ได้แล้ว อย่างนั้นเธอจึงยกห้องนี้ให้เขา ตนเองไปนอนที่ห้องพักของแขก
แต่ว่า เสี่ยวเหยียนคุ้นเคยกับการอาบน้ำก่อนเข้านอน วันนี้เธอนอนนานมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้อาบน้ำเลย
ถ้าอาบน้ำที่นี่ ก็จะดูประเจิดประเจ้อไป
สุดท้ายเสี่ยวเหยียนก็หยิบเสื้อผ้า วิ่งไปอาบน้ำที่ห้องพักแขก
รอจนเธออาบเสร็จออกมา เสี่ยวเหยียนก็วิ่งกลับไปเปิดตู้ หยิบหมอนและผ้าห่มไปที่ห้องพักแขก
ตอนที่เธอทำสิ่งเหล่านี้อยู่นั้น ไม่รู้ว่าหลัวหุ้ยเหม่ยโผล่มาจากไหน ยืนมองเธออยู่ที่ข้างประตู
“แม่จะบอกอะไรให้นะเหยียนเหยียน พวกเธอสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วเหรอ ทำไมยังต้องย้ายออกมานอนที่ห้องพักแขกด้วย”
เสี่ยวเหยียน:“……”
เธอรู้สึกว่าแม่ของตัวเองนั้นเจ้ากี้เจ้าการมากจริงๆ แม้แต่เรื่องชีวิตความรู้สึกของลูกสาวก็ยังต้องยุ่ง และยังคอยมาสนใจปัญหาที่น่าอายแบบนี้อีก
“แม่ ดึกมากแล้ว แม่ไม่ไปนอนเหรอ”
“ลูกสาวฉันยังไม่นอน ฉันจะคุยเป็นเพื่อนลูกสาว มีปัญหาอะไรมั้ย”
พูดจบหลัวหุ้ยเหม่ยก็ยังจะเดินเข้ามาด้านใน นั่งลงข้างเตียง“ลูกดูลูกสิ ปูที่นอนยังปูไม่ดีเลย ผ้าปูที่นอนเขาปูกันแบบนี้เหรอ อีกเดี๋ยวพอลูกพลิกตัว ผ้าปูที่นอนก็หลุดแล้ว”
หลัวหุ้ยเหม่ยตำหนิลูกสาวตัวเองไปพลาง ช่วยเธอปูผ้าปูที่นอนไปพลาง หลังจากนั้นก็บ่นอะไรต่ออีก จึงได้ออกไป
เสี่ยวเหยียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ดึงผ้าห่มนอนลงบนเตียง ตอนบ่ายนอนมากเกินไป ตอนนี้เธอจึงยังตาสว่าง และในใจก็มีเรื่องให้คิด ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงนอนไม่หลับ
เธอพลิกตัว จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาค้นหาคำว่าตั้งท้อง อ่านไปอ่านมาจนหลับไป
*
วันรุ่งขึ้น
ตอนที่หานชิงตื่นขึ้นมา มือก็ควานสำรวจที่หัวเตียงตามสัญชาตญาณ อยากจะหานาฬิกามาดูเวลา ผลลัพธ์ที่ได้คือมือกลับคลำไปเจอหวีแค่อันเดียว
เขาอึ้งไปหลายวินาที ลืมตามอง ที่ที่มองเห็นก็คือฝ้าเพดานที่แปลกตา
และรอบๆตัวก็เป็นสีฟ้าอ่อนๆ ตอนแรกที่ปรับปรุงห้องเสี่ยวเหยียนเลือกใช้สีฟ้าเป็นหลัก สีฟ้าอ่อนๆแซมด้วยสีขาว สิ่งของตกแต่งอะไรต่างๆดูก็รู้ว่าเป็นห้องของหญิงสาว
กลิ่นที่โชยมาแตะจมูก ก็เป็นกลิ่นอายที่หวานหอมเฉพาะตัวของหญิงสาว ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่ม หรือว่าหมอน
และตอนนี้หานชิงก็พบว่า ผ้าห่มที่คลุมอยู่บนตัวเขาก็เป็นสีฟ้าอ่อน และยังมีลายการ์ตูนด้วย
หลังจากลูบคลำอยู่พักหนึ่ง มุมปากหานชิงก็ค่อยๆยกขึ้น
ใช่แล้ว เขานึกออกแล้ว เมื่อวานเขามาหาหญิงสาว จากนั้นก็ดื่มเหล้า หลับไปที่ห้องเธอ