บทที่ 1317 ความอิจฉาริษยาทำให้คนเป็นบ้า
“เรื่องอย่างว่า เรื่องอะไรล่ะ”
ตอนแรก เพื่อนๆคนอื่นยังไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในประโยคนี้
“ก็เรื่องอย่างว่าไง ฉันได้ยินว่าผู้หญิงบางคนอาศัยมารยาของตัวเองยั่วยวนผู้ชาย พวกเธอไม่รู้เหรอ ผู้หญิงประเภทนี้ปกติหน้าตาไม่สวย แล้วก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร ก็คือเก่งเรื่องอย่างว่า ทำให้ผู้ชายหลงจนหัวปักหัวปำ”
สวี่เย็นหวั่นได้ยินประโยคนี้ ก็อยากจะปฏิเสธทันที!
แต่เหตุผลที่เธอปฏิเสธคือ หานชิงในความทรงจำของเธอไม่ใช่คนที่มองคนแต่เพียงผิวเผินภายนอกแบบนั้น เขาไม่ทางชอบผู้หญิงคนหนึ่งเพราะเรือนร่างของเธอ ยิ่งไม่มีทางที่หลงใหลในเรื่องอย่างว่านั้นจนหัวปักหัวปำ
ดังนั้นตอนนี้สวี่เย็นหวั่นก็ยิ่งมึนงงสับสนขึ้นเรื่อยๆ จุดเด่นของผู้หญิงคนนี้ที่ดึงดูดหานชิงได้ คืออะไรกันแน่!
“สวรรค์ คุณพูดขนาดนี้ ถ้างั้นเรื่องนี้ก็พอฟังขึ้น แม้ว่าในบริษัทจะมีคนชอบประธานหานมากมาย แต่ทุกคนต่างได้แต่แอบชอบ อาจจะโอกาสเจอเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่มีใครเคยใช้วิธีแบบนี้เลย ถ้าหากผู้หญิงคนนี้ใช้วิธีแบบนั้นมายั่วยวนประธานหานของพวกเราจริง ไม่แน่ว่าก็……”
พูดมาถึงตรงนี้ สายตาของผู้หญิงหลายคนแสดงความโกรธเคือง รู้สึกไม่ยุติธรรม
จากนั้นพวกเธอก็มองไปที่สวี่เย็นหวั่น。
“คุณเป็นว่าที่ภรรยาของประธานหาน จะนั่งเฉยๆไม่สนใจอะไรเลยเหรอ”
“ใช่แล้วๆ เมียน้อยมันหน้าด้านจริงๆ จะต้องกำจัดมันให้ได้”
“ประธานเดิมก็เป็นของคุณ เย็นหวั่น คุณจะยกว่าที่สามีของตัวเองให้คนอื่นไปง่ายๆแบบนี้ไม่ได้”
ทุกคนมองเธออย่างมีความหวัง แต่กลับมองไม่เห็นความโกรธเคืองที่พวกเธอคาดหวังจากสีหน้าของสวี่เย็นหวั่น ไม่มีแม้แต่น้อยนิด
สีหน้าท่าทางของสวี่เย็นหวั่นยังเป็นปกติเหมือนที่ผ่านมา และยังยิ้มอ่อนๆพลางพูดว่า:“ทุกคน ตอนนี้เป็นเวลาทำงานแล้วจริงๆ ฉันคิดว่าพวกคุณอย่าวิพากษ์วิจารณ์เรื่องพวกนี้กันเลยนะ”
“คุณ…คุณไม่โกรธเลยสักนิดเหรอ ว่าที่สามีของคุณ……”
สวี่เย็นหวั่นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า:“เรื่องที่พวกคุณพูดพวกนี้แทบไม่มีหลักฐานอะไรเลย ทำไมฉันต้องเชื่อด้วยล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับฉัน ตอนนี้ฉันแค่อยากจะทำงาน สำหรับประธานหาน……เรื่องแบบนี้ก็คงต้องดูพรหมลิขิต ถ้าเขาชอบผู้หญิงคนนั้นจริง อย่างนั้น……ฉันก็จนปัญญา”
พูดจบ สวี่เย็นหวั่นพยักหน้าให้พวกหล่อน“เอาละ ฉันยังมีงานที่ต้องทำ ฉันไปก่อนนะ พวกคุณก็รีบกลับไปเถอะ”
หลังจากที่สวี่เย็นหวั่นจากไปแล้ว บรรดาสาวๆก็ยืนอยู่ที่เดิมมองหน้ากันไปมา
“ให้ตายเถอะ ตกลงว่าเธอเป็นว่าที่ภรรยาของประธานหานหรือเปล่าเนี่ย ผู้ชายของตัวเองจะถูกแย่งไปแล้ว ทำไมเธอถึงยังนิ่งเฉยอยู่ได้”
“ก็ใช่นะสิ ยังบอกว่าแค่อยากจะตั้งใจทำงานให้ดี เธอจริงจังเหรอ”
“ฉันกลับรู้สึกว่าเธอเป็นตัวของตัวเองมาก เธออาจจะคิดว่าประธานหานกับเมียน้อยรักกันด้วยความจริงใจ ดังนั้นตัวเองก็เลยยอมถอยออกมาเอง”
“อย่างนั้นถ้ารู้ว่าประธานหานกับนังเมียน้อยไม่ได้รักกันจริง สวี่เย็นหวั่นคนนี้ก็อาจจะ……”
“ปัญหาก็คือ พวกเราจะรู้ได้ยังไงว่าเสี่ยวเหยียนใช้วิธีอย่างนั้นมายั่วยวนประธานหานหรือเปล่า”
คนกลุ่มนั้นยังคงพูดคุยกัน สวี่เย็นหวั่นยิ่งเดินก็ยิ่งไกลขึ้นเรื่อยๆ
เดินมาไกลพอสมควรแล้ว เธอก็หยุดลง หมุนตัวเข้าไปในห้องน้ำ เธอล้างหน้า จากนั้นก็มองตัวเองในกระจก
เธอในตอนนี้ เปิดเผยตัวตนอย่างที่เป็น
แม้แต่เงินจะซื้อเครื่องสำอางยังไม่มี คุณหนูสวี่ที่สวย สง่า สูงส่งคนนั้นในอดีตหายสาบสูญไปนานแล้ว เธอในเวลานี้จะมีโอกาสไปแข่งขันอะไรที่ไหน
เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นสวี่เย็นหวั่นรู้ดีว่า พวกเพื่อนร่วมงานเหล่านั้นเป็นคนดีที่พร้อมจะช่วยเหลือ ถ้าจับประเด็นอะไรได้ก็พร้อมที่จะขุด พวกหล่อนคิดจะช่วยตัวเองเหรอ
ไม่ พวกหล่อนก็แค่อิจฉาริษยาผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายหานชิงก็เท่านั้น
จากแววตา น้ำเสียง ท่าทางของพวกหล่อนต่างก็ดูออก ก่อนหน้าที่จะพูดถึงเรื่องมารยาต่ำช้าพวกนั้น สายตาของหลายคนฉายความหงุดหงิดรำคาญ
คิดมาถึงตรงนี้ สวี่เย็นหวั่นก็ยิ้มอ่อนๆออกมา
เธอกล้ารับประกัน ว่าวินาทีนั้นในใจผู้หญิงพวกนั้นจะต้องเคยคิดว่า ทำไมการใช้วิธีชั้นต่ำมารยาหญิงแบบนี้จึงไม่มีอยู่ในความคิดของฉัน
ในเมื่อแบบนี้ ก็สามารถกลายเป็นผู้หญิงของหานชิงได้
และสวี่เย็นหวั่นก็รู้ดีว่า หากวันนี้คนที่อยู่ข้างกายหานชิงคือตัวเอง บรรดาเพื่อนร่วมงานพวกนี้ก็คงจะใช้วิธีการแบบเดียวกับที่ทำกับเสี่ยวเหยียนมาจัดการเธอเหมือนกัน
ดังนั้น เธอจึงไม่อยากจะร่วมมือทำชั่วกับพวกหล่อน
สวี่เย็นหวั่นตบหน้าตัวเองเบาๆ จากนั้นก็ออกจากห้องน้ำเดินจากไป
ช่วงนี้งานของเธอทำผลงานออกมาได้โดดเด่นมาก ดังนั้นผู้บริหารจึงชื่นชมเธอ ให้เธอทำงานจำนวนมาก เธอจึงต้องมุ่งมานะ พยายามมากขึ้นอีก
ขอแค่พยายาม เธอจะต้องได้ในสิ่งที่เธอต้องการ
*
ส่วนอีกด้าน เสี่ยวเหยียนมีเวลาที่จะไปศึกษาที่ตรวจการตั้งครรภ์แล้ว
ดูท่าว่าวันนี้ เธอก็จะใช้เป็นแล้ว ก่อนหน้านี้ดูมานานก็ยังใช้ไม่เป็น เธอคิดว่าอาจเป็นเพราะตัวเองตื่นเต้นเกินไป
และหลังจากที่หานชิงมาที่บ้านของตัวเองแล้ว เธอกลับไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้นแล้ว
เธอเฝ้ารอผลอย่างเงียบๆ
จนกระทั่งที่ผลตรวจออกมา เสี่ยวเหยียนก็อึ้งตะลึงไปเลย ในมือถือที่ตรวจการตั้งครรภ์นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่ได้สติกลับมา
รอบๆตัวดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นความเงียบสงบ เหลือเพียงแค่เสียงหัวใจของเธอที่เต้นกระแทกเข้ากับร่างของเธอไม่หยุด
ตึง!
ตึง!
เธอตั้งท้อง……แล้วจริงๆ
คิดไม่ถึงว่า……เธอท้องแล้วจริงๆ
เสี่ยวเหยียนบอกไม่ถูกว่าในใจนั้นรู้สึกอย่างไร เธอรู้สึกว่าดวงตาร้อนผ่าว เธอยื่นมือออกมากุมที่ริมฝีปากตัวเอง น้ำตาไหลทะลักออกมาจากในขอบตา
ฉันท้องแล้ว!
ฉันมีลูกแล้ว!!
เธอมีลูกที่ตัวเองรักแล้ว!
เสี่ยวเหยียนดีใจจนร้องไห้ออกมา มือกุมใบหน้าร้องไห้ไม่หยุด
ก่อนหน้านี้ยังตื่นกลัว แต่วินาทีนี้อารมณ์เชิงลบพวกนั้นหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงความปีติยินดี
มิน่าเล่าทุกคนต่างบอกว่า การเป็นแม่คนคือความสุข
ที่แท้ก็เป็นความจริง!
เสี่ยวเหยียนอยู่ในห้องน้ำนานมาก ใช้เวลานานกว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ จากนั้นเก็บของกลับไปที่ห้อง
ที่หน้ากระจก เสี่ยวเหยียนมองเห็นตาของตัวเองบวมเล็กน้อย ตอนนี้เธอดีใจมาก อยากจะบอกเรื่องนี้ให้หานชิงรู้ แต่ก็เป็นแค่ผลตรวจจากที่ตรวจการตั้งครรภ์ที่ตนเองตรวจเท่านั้น เธอแทบจะไม่แน่ใจเลยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
คาดว่า เธออาจจะต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลสักครั้ง รอจนผลตรวจของโรงพยาบาลออกมาจึงแน่ใจได้
แล้วอีกอย่าง ต่อให้เธอตั้งท้องจริง เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าตนเองก็ไม่กล้าบอกตรงๆ
เพราะเมื่อเธอบอกว่าตนเองท้อง ก็ดูเหมือนว่าจงใจกดดันหานชิง ไปบีบให้เขาแต่งงานกับตัวเองอย่างนั้น
แม้ว่าเธอจะอยากแต่งงานกับหานชิง แต่ว่าเมื่อก่อนตอนที่เธอจีบเขานั้นก็ถือว่าเป็นฝ่ายรุกมากแล้ว บวกกับภายหลังที่เธอได้รับการถูกทำร้ายอาจจะเป็นการโจมตีเธอที่หนักหน่วงเกินไป ดังนั้นเสี่ยวเหยียนตอนนี้จึงอยากก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังมากที่สุด
จากตอนแรกที่กล้าหาญถึงตอนนี้ที่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าเดินไปข้างหน้า……
สุดท้าย เสี่ยวเหยียนคิดทบทวนแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความหาหานมู่จื่อ
“มู่จื่อ วันนี้เธอมีเวลาว่างมั้ย ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉันหน่อย”