บทที่ 1325 พบเจอกัน
“ไม่มีวิธีพิเศษอะไร ฉันรู้สึกว่าแค่มีความรู้สึกให้กันมากพอ อีกฝ่ายก็จะรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นเอง”
“อย่างนี้เองเหรอ?” สีหน้าของพนักงานต้อนรับดูสงสัยเล็กน้อย “แต่ถ้าอีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึกจริงใจของคุณได้ ก็ต้องชอบคุณอยู่แล้ว ความรู้สึกใครไม่ใช่เรื่องจริงล่ะ? คงมีแต่คุณที่ได้เป็นแฟนของประธานหานไงล่ะ คุณบอกฉันมาเถอะนะ ว่าคุณใช้วิธีไหนหลอกประธานหานมาครอบครองไว้ได้?”
หลอกมาครอบครอง?
คำว่าหลอกคำนี้ ทำให้เสี่ยวเหยียนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที จากนั้นก็แก้คำพูดของอีกฝ่ายใหม่
“ไม่ได้หลอก เรื่องความรู้สึกจะใช้คำว่าหลอกได้ยังไงล่ะ มีแต่ความตั้งใจและจริงจังมากเท่านั้น”
พนักงานเห็นว่าพูดมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่เข้าเรื่องสักที จึงรู้สึกร้อนใจมาก “คุณก็แค่บอกว่าคุณทำยังไงให้ประธานหานชอบคุณก็พอแล้ว พูดเรื่องพวกนั้นที่ไม่มีประโยชน์ทำไมล่ะ? ตั้งใจกับไม่ตั้งใจไม่ใช่เรื่องสำคัญสักหน่อย!”
เสี่ยวเหยียน: “…”
เธอคิดว่าตัวเองฟังผิดไป จึงมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความมึนงง
เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นสายตาและสีหน้าของเธอจึงรู้สึกว่าตัวเองพูดด้วยความใจร้อนมากเกินไป จึงรีบพูดแก้ไข
“เอ่อคือ…เมื่อครู่ฉันคงใจร้อนเกินไป จึงพูดเลยเถิดไปหน่อย คุณอย่าถือสาเลยนะคะ ขอโทษค่ะ…ขอโทษจริงๆค่ะ”
ตอนที่พนักงานต้อนรับพูดอธิบาย สีหน้าและสายตาของเธอจริงใจมาก แต่เสี่ยวเหยียนกลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาแล้ว จึงพยักหน้าแบบไม่สนใจเท่าไหร่
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้น…ฉันขอตัวก่อนนะ ฉันยังต้องไปส่งซุปให้หานชิงอีก”
เธอชี้ไปที่หม้ออุ่นร้อน
แม้ว่าเธอจะมีเวลามาก แต่คนตรงหน้าช่างน่าเบื่อเหลือเกิน ถามแต่คำถามมากมาย มากเกินไปเธอก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไง
เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นเช่นนั้นจึงถามอะไรไม่ออกแล้ว และไม่รั้งเธอไว้อีกต่อไป จากนั้นจึงให้เธอเดินออกไป
เพียงแต่หลังจากเธอออกไปแล้ว พนักงานต้อนรับยืนมองดูเงาหลังของเธอและหัวเราะเย้ยอย่างไม่สบอารมณ์
“ที่แท้ก็ตามจีบ ไม่ยอมพูดว่าตัวเองจีบประธานหานยังไง ต้องใช้วิธีชั้นต่ำจนอับอายไม่กล้าพูดแน่นอน”
จากนั้นพนักงานต้อนรับจึงรีบหยิบมือถือออกมาส่งข่าวนี้ไปบอกทุกคนในกลุ่ม
เมื่อทุกคนในกลุ่มได้ยินเช่นนั้นต่างพากันเดือดขึ้นมาทันที!
“ฉันก็คิดอยู่ว่าเธอต้องใช้วิธีไร้ยางอายชั้นต่ำแน่ๆ! ที่แท้ก็เป็นผู้หญิงหน้าไม่อาย ผู้หญิงแบบนี้นอกจากจะขายบะหมี่คงยั่วผู้ชายเป็นอย่างเดียวเท่านั้น หึ! หน้าไม่อายที่สุด!”
“เธอจะกล้าพูดได้ยังไง? พูดออกมาก็คงมองหน้าใครไม่ติดแล้ว เพราะในอนาคตเธอยังอยากเป็นภรรยาท่านประธานอีกไงล่ะ!”
“ให้ตายสิ ถ้ารู้ว่าใช้วิธีต่ำๆแบบนี้กับประธานหานแล้วจะจีบติด งั้นฉัน…ฉันก็…”
คำพูดเพียงประโยคเดียว ทำให้ได้รับเสียงตอบกลับจากผู้หญิงในกลุ่มมากมาย
อันที่จริงไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนในบริษัทจะมีนิสัยเช่นนี้ เพียงแต่กลุ่มซุบซิบนินทาและชอบพูดเรื่องความสวยความงามนี้ ทำให้เป็นศูนย์รวมของสาวๆทุกคนมารวมตัวกัน
ตอนแรกคนในกลุ่มนี้มีเยอะมาก แต่หลังจากที่มีคนเริ่มนินทา จึงมีคนค่อยๆทยอยออกจากกลุ่ม เมื่อมีคนเริ่มด่ากัน คนก็ออกมาขึ้นเรื่อยๆ
ไปๆมาๆ ในกลุ่มนี้ก็เหลือกันเพียงกันแค่ไม่กี่คน
ปกติพวกเธอก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน เรื่องที่คุยกันต้องเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเธอเลย
เสี่ยวเหยียนไม่รู้เลยว่าเมื่อสักครู่ตอนที่คุยกับพนักงานต้อนรับ พูดอะไรหลุดออกไปบ้าง เพียงแค่รู้สึกว่าท่าทางของพนักงานต้อนรับดูแปลกประหลาด ถามตัวเองเยอะขนาดนั้น หรือเธอต้องการจะสืบถามอะไร?
หรือว่า เธอต้องการถามหาวิธี จากนั้นไปจีบหานชิง?
ถ้าไม่ได้เป็นแบบนี้ งั้นทำไมเธอจึงต้องถามเยอะขนาดนั้น และยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ตอนหลังเธอยังโกรธและทำท่าทีโมโหใส่เธออีกด้วย?
คงเป็นเพราะคิดเรื่องที่เกิดขึ้นมากเกินไปจนเหม่อลอย เสี่ยวเหยียนจึงไม่รู้ตัวว่าเดินผิดทาง จนกระทั่งเธอเดินตั้งนานแต่ก็ยังไม่ถึงลิฟต์ จึงตั้งสติขึ้นมาได้
ตัวเองเดินปิดทางแล้ว!
เธอกำลังจะหันหลังกลับไป แต่พบว่าลิฟต์อยู่ตรงหน้าแล้ว เพียงแต่ลิฟต์ตัวนี้ไม่ใช่ลิฟต์ของหานชิง
ช่างเถอะ ยังไงก็ถึงชั้นของหานชิงได้เหมือนกัน
จากนั้นเสี่ยวเหยียนจึงเดินเข้าไปในลิฟต์ และเอื้อมมือไปกดชั้น
ตอนที่เธอกำลังเอื้อมมือไปกดลิฟต์ ขณะเดียวกันนั้นก็มีมืออันขาวนวลคู่หนึ่งยื่นเข้ามาเช่นกัน นิ้วของทั้งสองสัมผัสโดนกัน และดึงกลับไปพร้อมกัน จากนั้นเงยหน้ามองซึ่งกันและกัน
เสี่ยวเหยียนเห็นอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงสวมชุดยูนิฟอร์ม รูปร่างผอมเพรียว ผิวขาวสวย หน้าตาดี สายตาอ่อนหวาน ดูแล้วเป็นผู้หญิงน่ารักเรียบร้อย มีกลิ่นอายความเป็นคนมีการศึกษา
เมื่อสวี่เย็นหวั่นเห็นเสี่ยวเหยียน ใจก็เต้นรัวขึ้นมาทันที จากนั้นก็เบี่ยงสายตาออก ไม่นานนักก็ปรับอารมณ์ของตัวเองให้เข้าที่
เพียงแต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอเสี่ยวเหยียนที่นี่
แฟนของ…หานชิง
แฟนคนปัจจุบัน
สวี่เย็นหวั่นคิดไม่ถึงว่าทั้งสองจะได้เจอกันเร็วเช่นนี้ เธอมองดูสายตาอันบริสุทธิ์ของตัวเอง จากนั้นก็หัวเราะเย้ยหยันตัวเอง
“เธอก็จะไปข้างบนเหมือนกันเหรอ?”
เพื่อแสดงถึงมารยาท เสี่ยวเหยียนจึงเป็นฝ่ายทักทายขึ้นก่อน
น้ำเสียงสดใสเจื้อยแจ้วทำให้สวี่เย็นหวั่นตั้งสติกลับมาได้ สวี่เย็นหวั่นมองดูผู้หญิงตรงหน้าที่กลายเป็นแฟนของหานชิง พูดไม่ออกว่าตอนนี้ภายในใจรู้สึกอย่างไร
เพียงแค่รู้สึกสัมผัสได้เพียงรสชาติอันขมขื่น แม้แต่ลำคอก็คละคลุ้งไปด้วยรสชาติแห่งความขม
เธอขยับริมฝีปากขึ้น เปล่งเสียงออกมาจากลำคอด้วยความยากลำบาก จากนั้นพยักหน้าลง: “อื้ม…”
จากนั้นเธอก็หันกลับไป ไม่มองเสี่ยวเหยียนอีก พร้อมยกมือขึ้นมากดไปที่ลิฟต์อีกรอบ
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูแปลกผิดปกติ เมื่อครู่สายตาที่เธอมองมา ดูเหมือนเหม่อลอย ราวกับกำลังดูบางอย่างให้แน่ใจ
แต่กลับไม่พูดอะไรกับตัวเอง แต่เมื่อเห็นว่าเธอเบี่ยงสายตาออกไป และไม่คุยอะไรกับตัวเองอีก เสี่ยวเหยียนจึงไม่สนใจอะไรต่อ
เมื่อลิฟต์มาถึง ทั้งสองก็เข้าไปในลิฟต์พร้อมกัน
สวี่เย็นหวั่นเข้าไปก่อน หลังจากเข้าไปก็เอาหลังพิงกำแพงลิฟต์ ส่วนเสี่ยวเหยียนก็เดินเข้าไปกดชั้นอย่างซื่อๆ สวี่เย็นหวั่นเห็นอย่างชัดเจนว่าเธอกดไปที่ชั้นของท่านประธาน
ความขมขื่นภายในใจจึงทวีคูณขึ้น
จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็หันกลับมามองเธอ จากนั้นยิ้มให้อย่างสดใส: “เธอไปชั้นไหนเหรอ เดี๋ยวฉันช่วยกดให้”
สวี่เย็นหวั่นตั้งสติขึ้นได้ บอกตัวเลขไปมั่วๆ ซึ่งใกล้กับเธอมาก
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนกดเลขชั้นเสร็จ ก็ไม่ได้หันกลับมามองอะไรอีก แต่สวี่เย็นหวั่นยังคงจ้องด้านหลังของเธออยู่ตลอด
วันนี้เธอสวมชุดกระโปรงสีเขียวสบายๆ ด้านล่างจับคู่กับรองเท้าพื้นเรียบธรรมดา ผมยาวถึงเอวถูกมัดรวบเป็นหางม้าอยู่หลังหู เรียบง่ายแต่ดูดี
เมื่อเห็นการแต่งตัวและใบหน้าของเธอ ถ้าอยู่ข้างนอกแล้วบอกว่าเธอเป็นนักเรียนมัธยม คิดว่าคงอื่นก็คงเชื่อ
แต่เมื่อดูจากการแต่งตัวของเธอแล้ว ทำไมถึงคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแฟนของหานชิง
แฟนของหานชิง…
ในอุดมคติของเธอต้องเป็นแบบไหนงั้นเหรอ?
อันที่จริงสวี่เย็นหวั่นไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เพราะในความคิดและความทรงจำ เธอรู้สึกว่าในอนาคตตัวเองต้องคบกับหานชิงให้ได้
แต่ต่อมาเรื่องราวกลับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอหันกลับมาอีกครั้งก็พบว่าสายไปเสียแล้ว
ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ สวี่เย็นหวั่นกลับรู้สึกว่า…หานชิงที่เป็นคนสูงส่งและเก่งกาจขนาดนั้น แฟนของเขาควรเป็นคนที่มีฐานะสูง ใจดี หรือเป็นผู้ใหญ่ และยังมีความทันสมัย
เธอคิดได้ทุกแบบแล้ว เว้นแต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสาวน้อย…ตรงหน้าคนนี้