บทที่ 1326 ดีหรือร้าย
ผู้หญิงที่แต่งหน้าแต่งตัว ดูเหมือนเด็กน้อย
เมื่อลองคิดดูดีๆแล้ว ถ้าเธอยืนอยู่กับหานชิง จะเหมาะสมกันได้อย่างไร? แล้วหานชิงชอบเธอได้อย่างไร?
มือของสวี่เย็นหวั่นจับแน่นบนไหล่ จากนั้นค่อยๆปล่อย และจับแน่นขึ้นอีก และค่อยๆปล่อย จนสุดท้ายจับไว้แน่นและไม่ปล่อยออกอีก
หลังจากที่รู้ว่าหานชิงมีแฟนแล้ว เธอเคยคิดที่จะปล่อยวาง แต่ความรักที่เก็บซ่อนอยู่ในใจมานานหลายปี เมื่อได้เจอหานชิง กลับเหมือนถูกทำให้ตื่นขึ้นมากครั้ง และแรงกล้ามากขึ้น
ครอบงำความคิดที่อยากจะล้มเลิกปล่อยวางไปทั้งหมด และเริ่มกลับมาเร่าร้อนขึ้นอีกครั้ง
อันที่จริงเปลวไฟแห่งความรักในตอนนั้นมันดับสลายไปหมดแล้ว เพียงแค่ถูกเธอเก็บซ่อนเอาไว้เท่านั้น
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยดิ้นรน!
เธอเป็นคุณหนูแห่งตระกูลสวี่!
แม้ว่าตระกูลสวี่ล้มละลายแล้ว! แต่เธอยังคงเป็นลูกสาวคนโตแห่งตระกูลสวี่ นั่นก็คือสวี่เย็นหวั่นผู้ฉลาดปราดเปรื่อง เรียบร้อย มีการศึกษา มีคุณธรรมจริยธรรม!
ทำไมเธอหล่อนต้องสนใจแฟนคนอื่นด้วย?
แต่ แต่ทว่า!
เธอเป็นฝ่ายชอบเขาก่อนแท้ๆ เธอรู้จักเขาก่อนอีกด้วย อีกทั้ง…เธอยังชอบหานชิงมาตั้งแต่เด็กจนโต
เธอแค่หายไปเพียงระยะเวลาหนึ่ง เขากลับมีคนอื่นอยู่เคียงข้างแล้ว
ถ้าเธอฉลาดพอ สิ่งที่ควรทำในตอนนี้มากที่สุดก็คือไม่สนใจเรื่องนั้นอีกต่อไป และต้องตั้งใจพลิกฟื้นตระกูลสวี่ให้กลับมาผงาดอีกครั้ง
แต่…เธอไม่ยอมนี่นา!
เด็กผู้หญิงตรงหน้าเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป แม้ว่าเธอจะหมดตัวไม่มีอะไร แต่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเธอเลยแม้แต่น้อย ทำไมหานชิงต้องชอบผู้หญิงแบบนี้ด้วย
เขาชอบผู้หญิงแบบนี้ได้ ทำไมถึงชอบตัวเองไม่ได้?
สวี่เย็นหวั่นคิดสับสนอยู่ภายในหัว ความคิดร้ายในตัวของเธอเริ่มดึงเธอไปในทางที่ไม่ดี
ติ๊ง
เสียงดังกังวานขึ้น
ราวกับเป็นเสียงที่ปลุกให้สวี่เย็นหวั่นตื่นขึ้นมา
เธอตั้งสติกลับมาทันที เห็นผู้หญิงตรงหน้าหันกลับมา เตือนด้วยสีหน้าหวังดี : “ถึงชั้นของเธอแล้วนะ”
ไม่รู้ว่าทำไม สวี่เย็นหวั่นรู้สึกว่าฝีก้าวของตัวเองช่างล่องลอย ท่าทางของเสี่ยวเหยียนตรงหน้าช่างคลุมเครือ ทำให้มองอะไรได้ไม่ชัดเจน
มันดี หรือไม่ดี?
เธอต้องเลือกอะไร?
สวี่เย็นหวั่นเดินตรงไปข้างหน้าด้วยฝีก้าวที่ไร้ชีวิตชีวา จู่ๆก็ล้มลงไปกองบนพื้น เธอได้ยินเสียงของเด็กผู้หญิงตะโกนขึ้นด้วยความร้อนใจ “นี่ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? นี่?”
แต่โลกของสวี่เย็นหวั่นกลับเหลือเพียงความมืดสนิท
ตอนที่สวี่เย็นหวั่นล้มลงไป เสี่ยวเหยียนยังยื่นมือไปประคองเธอขึ้นมา ตัวของสวี่เย็นหวั่นค่อยๆล้มลงไปหาเธอ
ทั้งสองสูงเท่าๆกัน แต่เธอทิ้งน้ำหนักทั้งหมดไปบนตัวของเสี่ยวเหยียน ทำให้เธอรู้สึกรับแรงไม่ไหว อีกทั้งมืออีกข้างหนึ่งของเธอยังถือหม้อไว้อีกด้วย ดังนั้นจึงไม่สะดวกมาก เธอจึงต้องรีบวางหม้อลง จากนั้นรีบประคองสวี่เย็นหวั่นขึ้นมา
“เธอโอเคไหม?” เสี่ยวเหยียนเรียก แต่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ สีหน้าของสวี่เย็นหวั่นซีดขาวพิงอยู่ในอ้อมอกของเธอ เธอตั้งสติขึ้นมาได้อย่างมึนๆงงๆ ในหูได้ยินแค่เสียงผู้หญิงที่อยู่ห่างไกลออกไป แต่เธอไม่สามารถตอบกลับได้
**
โรงพยาบาล
ตอนที่สวี่เย็นหวั่นฟื้นขึ้นมา หายใจเข้าไปมีแต่กลิ่นของแอลกอฮอล์ เธอตกใจเกร็งขึ้นมาทันที และรีบลืมตาขึ้น
เธอรู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นนี้มาก ตอนนั้นเธออยู่โรงพยาบาลกับพ่อนานมาก จึงคุ้นเคยกับกลิ่นนี้เป็นอย่างดี
เมื่อลืมตาขึ้นมา สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยสีขาวจริงๆด้วย
เธออยู่ที่โรงพยาบาล
แต่ทว่า…ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“เธอฟื้นแล้วเหรอ!” เสียงอันสดใสและหวานจับใจดังขึ้นข้างเตียง
สวี่เย็นหวั่นมองไป เห็นเสี่ยวเหยียนนั่งอยู่ด้านข้าง
นี่คือ…แฟนของหานชิง
เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
“เธอทำให้ฉันตกใจหมดเลย จู่ๆเธอก็หน้าซีด แล้วก็ล้มลงไป หมอบอกว่าเธอเหนื่อยเกินไป อีกอย่างร่างกายเธอขาดสารอาหาร จึงเป็นลมสลบไป”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็ยิ้มให้ด้วยความจริงใจ จากนั้นเดินเข้าไปจัดผ้าห่มให้
“ตอนนี้เธอนอนพักผ่อนก่อนนะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดอันหวังดีของอีกฝ่าย สวี่เย็นหวั่นรู้สึกสับสนอยู่ภายในใจเหลือเกิน ทำไมต้องเป็นเธอที่มาช่วยตัวเอง? ทำไมเธอต้องเป็นลมต่อหน้าแฟนของหานชิงด้วย?
ถ้าเป็นแบบนี้ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกกระวนกระวายในใจมากขึ้นกว่าเดิม?
สวี่เย็นหวั่นขยับมุมปากเล็กน้อย เหมือนอยากจะพูดบางอย่าง แต่ปากของเธอแห้งมาก เสี่ยวเหยียนเห็นเช่นนั้นจึงรีบหันหลังกลับไปรินน้ำอุ่นให้ และพยุงเธอขึ้นมาดื่ม
หลังจากได้ดื่มน้ำเข้าไป สวี่เย็นหวั่นจึงรู้สึกชุ่มคอขึ้นมาทันที เธอมองเสี่ยวเหยียนด้วยสายตาอันคลุมเครือ ผ่านไปนานสักพักเสียงจึงตั้งสติกลับมา
“ขอบคุณนะ…”
นอกจากคำพูดนี้แล้ว ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าควรพูดอะไรจริงๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเหยียนจึงยิ้มหวานให้: “ไม่เป็นไรจ้ะ”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าท่าทางของผู้หญิงตรงหน้าดูแล้วน่าเห็นใจเหลือเกิน สีหน้าซีดมาก และยังผอมมากอีกด้วย แม้ว่าจะมีรูปร่างผอมบาง แต่สิ่งที่หมอพูดเมื่อครู่ทำให้เธอตกใจจริงๆ
ทันใดนั้นเอง ประตูห้องก็ถูกใครบางคนเปิดเข้ามา
คนร่างสูงใหญ่เดินเข้ามา
ตอนแรกสวี่เย็นหวั่นไม่ได้สนใจอะไร แต่หลังจากที่เห็นใบหน้าของคนที่เข้ามาอย่างชัดเจน ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นมาทันที และสะดุ้งขึ้น
ทำไมถึงเป็นหานชิง? ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
“กลับมาแล้วเหรอ?” เมื่อเสี่ยวเหยียนได้ยินเสียงดังขึ้น จึงลุกขึ้นหันไปทางหานชิง “จัดการเรื่องเสร็จหมดแล้วใช่ไหม? คุณสวี่เพิ่งฟื้นขึ้นมา ดูสีหน้าดีขึ้นแล้ว”
คุณสวี่?
เมื่อได้ยินการเรียกขายเช่นนี้ สีหน้าของสวี่เย็นหวั่นจึงซีดขาวมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าพูดแบบนี้ แสดงว่าแฟนของหานชิงคงรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร
อีกอย่าง เรื่องที่เธอทำงานที่บริษัทหานชิง คงปิดบังต่อไปไม่ได้แล้ว
“อื้ม” หานชิงตอบกลับ จากนั้นกวาดสายตามองไปสวี่เย็นหวั่นที่อยู่ด้านหลังเสี่ยวเหยียน และเก็บสายตากลับ ตอนมองไปที่เสี่ยวเหยียนสายตาเขาอ่อนโยนขึ้นมาก พูดบางอย่างกับเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำ
สวี่เย็นหวั่นไม่ได้ยิน เห็นเพียงริมฝีปากอันเรียวบางของหานชิงกำลังขยับ ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ สวี่เย็นหวั่นจึงเบี่ยงสายตาออก ไม่มองต่ออีก
และไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เสี่ยวเหยียนพยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็ออกไปด้านนอก
ภายในห้องคนไข้เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน ทันใดนั้นใจของสวี่เย็นหวั่นเต้นเร็วขึ้นมาทันที
หานชิงให้แฟนออกไปข้างนอกแล้ว เขาคิดจะอยู่เป็นเพื่อนตัวเองงั้นเหรอ?
สวี่เย็นหวั่นเกิดความหวังขึ้นมาในใจ
หานชิงเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง จากนั้นดึงเก้าอี้ออกมานั่งลง
บรรยากาศดูเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย จู่ๆสวี่เย็นหวั่นก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรกับเขา ระบายความทุกข์เหรอ? แต่เธอจะมีสิทธิ์หรือฐานะอะไร?
ขณะที่สวี่เย็นหวั่นกำลังคิดลังเลอยู่ หานชิงก็ขมวดคิ้วขึ้น
“เย็นหวั่น”
เมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อตัวเอง ตาของ สวี่เย็นหวั่นแดงขึ้นมาทันที แต่เธอฝืนกลั้นเก็บอารมณ์ไว้ ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา
“ตระกูลสวี่กับตระกูลหาน เดิมทีเป็นสองตระกูลที่ช่วยเหลือพึ่งพากันตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ก่อนหน้านี้เธอไม่ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ฉันเห็นแก่ความสมัครใจของเธอ ก็เลยไม่เข้าไปยุ่ง แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ ถ้าลุงสวี่รู้ว่าลูกสาวของเขากลับมาแล้วต้องทนลำบากมากขนาดนี้ เธอคิดว่าเขาจะยอมงั้นเหรอ?”