บทที่1335 เกิดอะไรขึ้น
แต่เซียวซู่ก็คิดผิดไป เจียงเสี่ยวไป๋ตอนนี้กำลังอาละวาดอยู่ เพียงแค่วิธีการอาละวาดของเธอนั้นต่างออกไปก็เพียงแค่นั้น
ไม่เหมือนบางคนที่ดื่มจนเมาแล้ว ทั้งอ้วกเอยทั้งร้องไห้เอย หรือไม่ก็กรีดร้องอะไรจำพวกนั้นออกมา
อาการหลังจากที่เมาของเจียงเสี่ยวไป๋เป็นอย่างนี้ เพียงแค่ทำตามที่เธอชอบไปสักหน่อย เธอก็ไม่ร้องไห้ไม่โวยวายออกมาแล้ว
ดังนั้นแล้วในตอนที่เซียวซู่ถามเธอว่าไม่สบายตัวหรือเปล่านั้น บนใบหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้เผยสีหน้าเขินอาย พร้อมทั้งเอ่ยเสียงหวานออกมา “องค์ฮ่องเต้ไม่ต้องเป็นห่วงหม่อมฉันหรอกเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่ร่ำสุรามาเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรเลยเพคะ”
“…”
นี่มันเสพติดการแสดงไปแล้วจริงๆ
เซียวซู่ไม่มีทางปล่อยให้เธอไปอาบน้ำในตอนนี้แน่ ไม่แน่ว่าหญิงสาวคนนี้อาจจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีกก็ได้ ดังนั้นแล้วจึงทำได้แค่เพียงกลับห้องไปจัดการอะไรสักหน่อย แล้วหยิบผ้าห่มของตัวเองออกมา
“ห้องให้เธอนอนไป ตอนนี้เธอก็เข้าไปนอนดีๆเสียเถอะ”
ได้ยินคำพูดนั้นแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็กะพริบตาปริบๆอย่างงงงวยออกมา “แล้วองค์ฮ่องเต้ล่ะเพคะ?”
เซียวซู่ชี้ไปทางที่นั่งของเธอ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เลยลุกขึ้นเดินไปทางห้องนอน เซียวซู่คิดว่าเธอจะเข้านอน ก็เลยเอาผ้าปูที่นอนกับหมอนวางไว้บนโซฟาเตรียมที่จะนอนลงไป ทันทีที่กำลังนอนลงไปนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้เดินกลับมาอีกครั้ง
“องค์ฮ่องเต้เพคะ พระองค์ประทานพระแท่นบรรทมของพระองค์ให้หม่อมฉัน แต่พระองค์กลับมาอยู่ตรงนี้…ฮือๆ หม่อมฉันซาบซึ้งพระทัยอย่างหาที่สุดไม่ได้เลยเพคะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ย่อตัวนั่งลงพูดอยู่ที่ข้างๆตัวเซียวซู่ จับมือเขาเอาไว้ เอ่ยออกมาด้วยดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตา “หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่กับพระองค์เองเพคะ”
เซียวซู่ถูกคำว่าหม่อมฉันคำแล้วคำเล่าของเธอพูดออกมาจนทำเอารู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ พลิกมือจับแขนของเธอแล้วลุกขึ้นนั่ง พาเธออุ้มขึ้นมา แล้วสาวก้าวใหญ่ๆเข้าไปในห้อง
เจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่ทันได้เรียกสติกลับมาได้ก็ได้ถูกวางลงไปเตียงนุ่ม ต่อจากนั้นก็ได้ยินเซียวซู่พูดห้วนๆออกมา “นอนอยู่ที่นี่ดีๆไปซะ อย่าไปไหนซี้ซั้วอีก”
ท่าทางขึงขังอย่างนี้ทำเอาเจียงเสี่ยวไป๋กะพริบตาออกมาเบาๆ หลังจากนั้นก็เงียบไปอีกครั้ง
“งั้นก็เอาเถอะเพคะ องค์ฮ่องเต้โปรดรักษาพระพลานามัยด้วยนะเพคะ หม่อมฉันขอพักก่อนนะเพคะ”
หลังจากที่จัดการเจียงเสี่ยวไป๋เสร็จแล้ว ในที่สุดเซียวซู่ก็ผ่อนลมหายใจออกมาได้ แล้วก็ออกไปนอน
แต่หลังจากที่นอนลงไปนั้น เซียวซู่ก็นอนไม่สำเร็จ เพราะว่าโซฟาตัวนี้เป็นโซฟาตัวที่เจียงเสี่ยวไป๋ใช้อยู่ตลอด และยังเป็นตัวที่เธอตั้งใจย้ายมาจากที่บ้านของเธอเองโดยเฉพาะ ดังนั้นแล้วหลังจากที่นอนลงไปแล้วลมหายใจก็เหมือนกับจะได้กลิ่นที่เต็มไปด้วยความหอมหวานของผู้หญิงทั้งนั้น ไม่เหมือนกับกลิ่นพวกนั้นที่เซียวซู่ได้กลิ่นตอนนอนในวันปกติ
เขาขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย ไม่คุ้นชินกับสิ่งนี้เลย แต่…ก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดอะไร
ดังนั้นแล้วสุดท้ายแล้วเซียวซู่ก็ได้ค่อยๆนอนหลับไปช้าๆอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินอย่างนี้
ในวันต่อมา
เจียงเสี่ยวไป๋ในตอนที่ตื่นขึ้นมานั้น รู้สึกเพียงแค่ปวดหัวจนหัวแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับว่ามันจะระเบิดออกมา ใบหน้าเล็กแทบจะขมวดเข้าหากันเป็นก้อน กุมหัวลุกขึ้นนั่ง
หลังจากที่เห็นบรรยากาศรอบๆแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋นิ่งตะลึงไปเล็กน้อย เพียงไม่นานก็รู้ว่านี่มันคือที่ไหน
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาครั้งแรกก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน แต่เมื่อคืนเธอไปดื่มเหล้า แล้วเหมือนกับว่าจะไม่ระวังจนดื่มเยอะไป หลังจากนั้น เธอก็จำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋รีบดึงผ้าห่มที่อยู่บนร่างของเธอออกไปทันที
เสื้อผ้าตัวเมื่อวานยังอยู่บนตัวครบ และยังไม่มีอะไรที่ผิดไป
โชคดีโชคดีจริงๆ…เมื่อวานเธอเมาจนไม่ได้สติ ตอนนี้นึกอะไรไม่ออกเลย ไม่เกิดอะไรขึ้นก็ดีแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ดึงผ้าห่มออก ย่องลงไปบนพื้นเบาๆ ต่อจากนั้นก็เดินเท้าเปล่าออกไปข้างนอก
ถึงแม้ว่าเรื่องหลังจากที่เธอดื่มมันตัดไปจนจำไม่ได้ แต่เรื่องก่อนดื่มนั้นเธอยังจำได้ ทั้งๆที่เธอจำได้แท้ๆว่าเธอออกไปพร้อมกับฟางถังถัง แต่ในตอนหลังเธอกลับมาได้ยังไง? หลังจากที่กลับมาทำไมถึงได้มานอนในห้องเซียวซู่ได้?
เป็นฟางถังถังที่เป็นคนส่งเธอกลับมางั้นหรอ? แต่…ทำไมเธอถึงไม่ส่งเธอกลับบ้านเธอกันล่ะ? หรือว่า…
ดูเหมือนว่าเพียงแค่ต้องออกไปถึงจะสามารถไขข้อสงสัยได้สินะ
ผลักประตูออกไป เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้กลิ่นหอมของอาหารโชยออกมา เธอแปลกใจเล็กน้อย หรือว่าเซียวซู่จะทำอาหารได้ด้วยงั้นหรอ? เธอก็เลยเดินไปทางห้องครัว อย่างที่คิดเธอเห็นเซียวซู่อยู่ในห้องครัวจริงๆ
เขากำลังทำอาหารเช้าอยู่ แต่เขากำลังต้มบะหมี่อยู่ ชนิดที่ง่ายที่สุด ก็แค่บะหมี่น้ำใสกับซุปไก่
คงเพราะเห็นเธอ เซียวซู่กวาดตามองเธอไปแวบนึง สายตาของทั้งสองคนสบกัน เจียงเสี่ยวไป๋ยกมือขึ้นมากอดเอาไว้ตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว “ทำอะไรน่ะ?”
“ตื่นแล้ว?”
ในระหว่างที่ถามออกไป เซียวซู่ก็ได้ตอกไข่อีกครั้ง “ไปล้างหน้าบ้วนปาก อีกเดี๋ยวจะได้กินมื้อเช้า”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเขย่งเท้ามองไข่ไก่ในหม้อของเขา เอ่ยถามออกไปด้วยความห่อเหี่ยวใจ “มื้อเช้าที่คุณทำ กินได้หรอ?”
เซียวซู่ชำเลืองมองเธอไปเล็กน้อย “กินได้หรือเปล่า เดี๋ยวเธอก็จะได้รู้ หรือเธอไม่อยากกินจะทำกินเองก็ได้นะ”
เจียงเสี่ยวไป๋เหนื่อยสุดๆ หัวก็ปวดขึ้นมาเหมือนกัน จะมีอารมณ์ทำอาหารที่ไหนกัน? เธอก็เลยยอมแพ้กับความคิดนี้ แล้วไปล้างหน้าบ้วนปาก
จวบจนเซียวซู่เอาบะหมี่กับไข่ไก่ยกขึ้นมาเสิร์ฟบนโต๊ะแล้วนั้น เจียงเสี่ยวไป๋นั่งถอนหายใจอย่างจนใจอยู่ตรงนั้น “เมื่อก่อนตอนคุณอยู่คนเดียว คงไม่ได้แก้ปัญหาอย่างนี้หรอกมั้งใช่มั้ย?”
“มีปัญหาอะไร?” เซียวซู่ย้อนถามกลับมา
เจียงเสี่ยวไป๋ชี้ไปทางของที่อยู่ตรงหน้า “บะหมี่น้ำใสชามนึง ไข่ดาวหนึ่งฟอง มื้อเช้าของคุณไม่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารเลยสักนิด”
“เอาให้อิ่มท้องก็พอ จะเอาอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารอะไรกัน?” เซียวซู่กวาดสายตามองเธอไปแวบนึง “เธอคิดว่าคนอื่นเขาจะเหมือนเธองั้นหรอ?”
คำพูดตรงท่อนหลังนั้นพูดออกมาเสียจนทำเอาเจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา เลิกคิ้วออกมา “หมายความว่าอะไร? คนอื่นเขาเหมือนกับฉัน?”
“เธอคิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นนักกินเหมือนกับเธองั้นหรอ?” คำพูดนั้นเซียวซู่พูดออกมาไม่จบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เลยเข้าใจผิดไปเล็กน้อย
ตอนนี้หลังจากที่เซียวซู่พูดเสริมออกไปเสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เบิกตากว้างออกมาทันที “ใครเป็นนักกินกัน? ฉันน่ะก็แค่เพลิดเพลินกับอาหารอร่อยๆต่างหากล่ะเข้าใจหรือเปล่า?”
เซียวซู่ขี้เกียจจะไปสนใจเธอ ก้มหน้ากินไป เพราะว่าเขายังต้องเตรียมไปบริษัทอีก
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นเขาไม่พูด ก็ได้ยกน้ำซุปขึ้นมาดื่ม เดิมทีคิดว่าจะกินไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าความรู้สึกที่เข้าปากมาจะยังพอใช้ได้อยู่ ถึงแม้ว่ารสชาติจะไม่จัดว่าดีมาก แต่กินไปแล้วก็ยังพอใช้ได้
แต่เจียงเสี่ยวไป๋ตอนนี้ไม่มีอารมณ์กินอะไรเลย เธอค่อนข้างอยากจะรู้ว่าเมื่อคืนเธอกลับมาได้ยังไงมากกว่า
แต่มันก็คงไม่ค่อยเหมาะแน่ถ้าจะถามออกไปตั้งแต่ต้น ดังนั้นแล้วเธอก็เลยดื่มน้ำซุปต่อหน้าเซียวซู่ไปหลายคำ แล้วก็กินบะหมี่ไปอีกหลายเส้น จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปแสร้งทำเป็นถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจ “เอ่อ…เมื่อคืนเหมือนกับว่าฉันจะดื่มเยอะไปหน่อย~”
เซียวซู่กินเร็วมาก บะหมี่ในชามของเขาลดไปครึ่งนึง แต่เจียงเสี่ยวไป๋ก็อิ่มเอามากๆ เขากวาดสายตามองบะหมี่ในชามของเธอ แล้วมองในชามตัวเองอีกที ได้ยินคำถามของเธอแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมา
“เธอเมาหรือเปล่า ตัวเธอเองไม่รู้เลย? ของมันไม่อร่อย ไม่ถูกปากเธอ?”
“ไม่ใช่นะคะ!” เจียงเสี่ยวไป๋รีบโบกมือออกมาทันที “อร่อยมากเลย ฉันเพียงแค่ปวดหัวนิดหน่อย ก็เลย…ไม่ได้รู้สึกอยากอาหารอะไร บะหมี่ของคุณต้มได้ไม่เลว จริงสิ เมื่อคืน…ฉันเมาจนดูไม่ได้เลยใช่มั้ยคะ?”
“เธอว่าไงล่ะ?”
เซียวซู่ย้อนถามกลับไป
นั่นมันไม่ใช่ว่าจะเอาคำว่าดูไม่ได้มาบรรยายมันได้ด้วยซ้ำ เขาคิด
ผู้หญิงที่ถึงขนาดที่อินกับละครมากไป
ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ถูกเขาถามออกมาอย่างนี้แล้ว ภายในใจก็รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมาทันที เดิมทีแล้วเธอก็นึกเรื่องเมื่อคืนไม่ออกหรอก แต่หลังจากที่เซียวซู่ถามออกมาอย่างนี้แล้ว เธอคิดว่าเมื่อคืนเธอจะต้องทำเรื่องน่าอายออกมาแน่ๆ