บทที่1340 ย้ายตำแหน่ง
เธอไม่เคยเห็นสายตาอย่างนี้มาก่อน
ทั้งๆที่ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มอยู่แท้ๆ แต่ในแววตากลับไม่มีความอ่อนโยนออกมาเลยสักนิด มีเพียงความเย็นชาที่แผ่ออกมาไม่หยุด
ไม่ ไม่สามารถบรรยายอย่างนี้ได้
คงจะเป็นความมืดหม่นที่น่าหดหู่
ใช่ ไม่มีความมีชีวิตชีวาเลยสักนิด เป็นสายตาที่อย่างกับกำลังมองคนตายอะไรทำนองนั้น
คิดถึงตรงนี้ พนักงานหน้าเคาน์เตอร์รู้สึกว่าขาตัวเองเริ่มอ่อนแรง สุดท้ายเธอกลับไปตรงที่ทำงานของตัวเองได้ยังไงก็ไม่รู้ตัวเลยสักนิด
ในตอนที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็ได้ตื่นตกใจขึ้นมา ยืนอยู่ตรงนั้นอยู่นานไม่มีปฏิกิริยาใดๆออกมา
จนกระทั่งมีคนเรียกเธอจากทางข้างๆ เธอถึงได้สติกลับมา
รับโทรศัพท์พอถูกถามมาก็ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง แสดงอาการมึนเบลอไปต่างนานา หลังจากที่วางสายไป พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คนนั้นก็ได้รู้สึกถึงเหงื่อที่เปียกชื้นเต็มหลังของตัวเอง
“เธอเป็นอะไรไปเนี่ย? รับสายแต่อะไรก็ไม่รู้สักอย่าง แล้วสีหน้าเธอทำไมมันถึงได้ดูย่ำแย่ขนาดนี้เนี่ย? ไม่สบายหรอ?”
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คนนั้นไม่ได้พูด ทำเพียงแค่ส่ายหน้าออกมา
หลังจากที่สวี่เย็นหวั่นกลับมาทำงาน เจี่ยงเหวินเหวินเห็นเธอ ก็เข้าไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ จากนั้นก็ให้สวี่เย็นหวั่นกลับไปยังที่ทำงานของตัวเอง ส่วนเรื่องหานชิงนั้นไม่เอ่ยถึงเลยสักคำเดียว
สวี่เย็นหวั่นแสยะยิ้มออกมา คนนี้ฉลาดจริงๆ
รู้ว่าอะไรควรถาม อะไรไม่ควรถาม
เจี่ยงเหวินเหวินถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถามสวี่เย็นหวั่นว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ในใจก็คิดอยู่
ตอนบ่าย เจี่ยงเหวินเหวินก็ได้ข่าวเรื่องที่สวี่เย็นหวั่นย้ายตำแหน่งมา
ได้รู้กันทั่วว่าสวี่เย็นหวั่นได้ย้ายไปอยู่ในแผนกระดับสูง เจี่ยงเหวินเหวินผู้เป็นหัวหน้างานของสวี่เย็นหวั่นหลังจากที่ทราบข่าวนี้ ก็เลยไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
อันที่จริงคนมีความสามารถอย่างสวี่เย็นหวั่น ย้ายไปแผนกอื่นก็จะเป็นการสูญเสียของแผนกนี้ของเธอ และอีกอย่างเธอก็มองออกถึงความสามารถของสวี่เย็นหวั่น ก็คิดว่าหลังจากนี้นี่จะเป็นไปผู้ช่วยฝีมือดีที่จะมาช่วยงานเธอ
แต่พอคิดถึงสถานะของเธอแล้ว แล้วมาคิดถึงเรื่องครั้งนี้อีกที เจี่ยงเหวินเหวินก็คิดว่าถึงแม้ว่าจะไม่สบอารมณ์แค่ไหน เธอก็ไม่มีสิทธิ์ว่าอะไร
ก็เลยต้องไปหาสวี่เย็นหวั่นด้วยตัวเอง แล้วคุยเรื่องนี้กับเธอ
หลังจากที่สวี่เย็นหวั่นได้ยินแล้ว ก็แปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย “ย้ายตำแหน่ง? แผนกอื่น?”
เจี่ยงเหวินเหวินทอดถอนหายใจออกมา “ดูเผินๆจะเป็นการย้ายตำแหน่ง แต่ความจริงแล้วเป็นการเลื่อนตำแหน่งให้เธอนะ แผนกนั้นสบายๆชิลล์ ๆ ด้วยสุขภาพของเธอแล้ว ไปอยู่ที่โน่นจะสบายขึ้นสักหน่อยแหละ”
สิ่งที่ตอบกลับมานั้นเป็นความเงียบ
“เย็นหวั่น ไปเก็บของเถอะ ช่วงบ่ายเธอไปรายงานตัวที่แผนกนี้นะ”
สวี่เย็นหวั่นไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำเดียวลุกยืนขึ้นมา เม้มริมฝีปากชมพูสวยเดินออกไปข้างนอก เจี่ยงเหวินเหวินเรียกเธอเอาไว้ “เธอจะทำอะไรเนี่ย?”
“พี่เหวินเหวิน ฉันมีธุระนิดหน่อย ออกไปไม่นานเดี๋ยวจะกลับมานะคะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้บอกว่าหมายความว่าอะไร แต่เจี่ยงเหวินเหวินรู้ว่าตัวเองพอจะคาดเดาได้แล้วเหมือนกัน
สวี่เย็นหวั่นขึ้นลิฟต์ไป ตรงไปหาหานชิง
ในตอนที่ขึ้นมา สวี่เย็นหวั่นก็มองไปที่หมายเลขที่เพิ่มขึ้นในลิฟต์ ใจก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมา หัวใจเต้นแรงอย่างมาก
หลายวันมานี้ที่อยู่โรงพยาบาลมา เขามาเยี่ยมเธอครั้งนึง
ตอนนี้เธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็ได้จัดการตำแหน่งใหม่ให้เธอ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน สวี่เย็นหวั่นก็คงไม่มีทางตรงมาหาเขาอย่างนี้แน่ แต่ตอนนี้นั้นจำเป็นจะต้องไปถามเขาให้ชัดเจนให้ได้
ทันทีที่ออกจากลิฟต์ เดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าว สวี่เย็นหวั่นก็เจอเข้ากับซูจิ่ว
ซูจิ่วเห็นเธอ ก็แปลกใจอยู่นิดหน่อย แต่เพียงไม่นานก็พยักหน้ายิ้มทักทายเธอ
“คุณสวี่ ฉันจะลงไปหาคุณอยู่พอดีเลยค่ะ”
คุณสวี่เม้มริมฝีปากออกมาเล็กน้อย ยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิมแล้วมองไปทางด้านหลังเธอ
“เรื่องย้ายตำแหน่งคุณรู้แล้วใช่มั้ย? ของของคุณเก็บเสร็จแล้วหรือยังคะ?”
“นี่คือความต้องการของหานชิง?” สวี่เย็นหวั่นถาม
ซูจิ่วเลิกคิ้ว “แน่นอนค่ะ”
ปกติแล้ว ใครจะกล้าย้ายตำแหน่งตามใจชอบกัน? หานชิงที่มีอำนาจสูงสุดนี้ก็เหมือนกัน
“งั้นรบกวนเลขาซูกลับไปบอกหานชิงด้วยนะคะว่าฉันไม่ขอรับการย้ายตำแหน่งอย่างนี้”
“แต่การย้ายตำแหน่งจัดการไปแล้ว ในระหว่างแต่ละแผนกก็ได้ทำการปรับปรุงให้เหมาะสมเพื่อการนี้กันแล้วนะคะ เกรงว่าจะแก้ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”
แก้ไม่ได้?
จะเป็นไปได้ยังไง?
สวี่เย็นหวั่นไม่เชื่อ “งั้นฉันก็อยากเจอเขา ฉันจะพูดกับเขาให้เคลียร์เอง”
ซูจิ่วรู้ว่าหยุดสวี่เย็นหวั่นไม่ได้ ก็เลยพูดออกมาว่า “ตอนนี้ประธานหานอยู่ในห้องทำงานค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
สวี่เย็นหวั่นเดินผ่านออกไปจากทางข้างๆเธอ ซูจิ่วเองหันไปมองเบื้องหลังที่เดินออกไปของเธอเช่นกัน มองเธอไปด้วยดวงตาที่แฝงการสำรวจ
ขนาดย้ายตำแหน่งก็ไม่ยอม หรือว่าเธอจะจัดการต่อความสามารถในการควบคุมของตัวเองได้ดีจริงๆงั้นหรอ?
ห้องทำงาน
สวี่เย็นหวั่นเคาะประตู ได้ยินเสียงชายหนุ่มดังออกมาจากทางด้านใน
“เข้ามา”
เธอจึงได้ผลักประตูเดินเข้าไป ก็ได้เห็นหานชิงนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานอย่างที่คิด
หานชิงเชยตามองขึ้นมา เห็นว่าเป็นเธอ ก็เหมือนจะไม่ได้แปลกใจอะไร
สวี่เย็นหวั่นเดินเข้าไป ตรงเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“ฉันไม่ต้องการย้ายตำแหน่ง”
เธอพูดออกไปตรงๆ เอาจุดประสงค์ที่มาพบบอกไปอย่างชัดเจน
“ไม่ต้องการ?” หานชิงเม้มริมฝีปากแน่น สายตาจรดมายังใบหน้าของเธออย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“เธอคิดว่าจากสภาพจิตใจของเธอตอนนี้ ถ้าไม่ย้ายตำแหน่งให้เธอ เธอจะทนไปได้นานแค่ไหน?”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว สวี่เย็นหวั่นก็หน้าซีดลงหลายส่วน กัดริมฝีปากเอ่ยออกมา “ร่างกายของฉันตัวฉันรู้ดี แผนกที่ฉันอยู่ตอนนี้ดีอยู่แล้ว ฉัน…”
“รู้ดีจนเข้าโรงพยาบาล? หรือจะบอกว่าเธอไม่สนใจอยู่แล้วว่าสุขภาพเธอจะเป็นยังไง?”
เธอสนใจอยู่แล้วสิ เธอจะไม่สนใจได้ยังไง?
ตระกูลสวี่ตอนนี้ไม่มีใครแล้ว เหลือเพียงแค่เธอคนเดียว ญาติมิตรทั้งหลายตอนที่บ้านของพวกเธอลำบากก็ไม่มีใครยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเลย ขนาดที่สุดท้ายในตอนที่พ่อแม่ป่วยเข้าโรงพยาบาลก็ไม่มีใครมาเยี่ยม
ภายในใจของสวี่เย็นหวั่นนอกจากความเจ็บปวดเสียใจแล้วก็ยังมีความเกลียดก่อตัวขึ้นมา
แน่นอนว่าเธอจะต้องฟื้นฟูตระกูลสวี่กลับมา ให้คนพวกนั้นได้รู้ ว่าเธอสวี่เย็นหวั่นถึงแม้ว่าจะไม่มีการช่วยเหลือจากพวกเขา ก็สามารถยืนขึ้นมาได้ใหม่ด้วยความสามารถของตัวเอง
“ฉันจะไม่สนใจได้ยังไง?”
“ถ้าสนใจ ก็คงไม่ทำตัวเองเข้าโรงพยาบาลไปหรอก และก็ไม่มีทางจะปฏิเสธการย้ายตำแหน่งนี้ด้วย”
“นี่มันคนละเรื่องกันนะ!” สวี่เย็นหวั่นเอ่ยออกมาด้วยความรีบร้อน “ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกคุณไปแล้วนี่ ฉันอยากพึ่งตัวฉันเอง และหวังว่าคุณจะถอนเรื่องการย้ายตำแหน่งครั้งนี้ให้กันได้นะคะ”
หานชิงลุกยืนขึ้นมา มองเธอไปด้วยสีหน้าเย็นชา
“เธอคิดว่าหลังจากที่คุณลุงสวี่รู้อาการของเธอตอนนี้แล้ว จะเห็นด้วยกับการย้ายตำแหน่งครั้งนี้หรือเปล่า? ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะยอมให้ลูกสาวของเขาทำลายสุขภาพตัวเองอย่างนี้หรอ?”
สวี่เย็นหวั่น “…”
“ตอนนี้ตระกูลสวี่กลายมาเป็นอย่างนี้ ก่อนหน้านี้ถ้าฉันไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยได้ทันเวลา ฉันเองมีความรับผิดชอบไปเต็มๆเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าอยากพึ่งตัวเองฉันก็ไม่ได้คัดค้านเป็นเพราะคิดว่าเธอทำได้ แต่ตอนนี้น่ะหรอ…ให้ฉันช่วยดูแลเธอแทนคุณลุงสวี่สักหน่อยจะดีกว่านะ”
ฟังมาจนถึงตรงนี้แล้ว สีหน้าของสวี่เย็นหวั่นซีดเซียวออกมาเล็กน้อย ร่างโซเซไปเล็กน้อย เธอมองไปทางหานชิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เอาความคิดที่อยู่ในใจถามออกมา
“ถ้าตระกูลสวี่กับตระกูลหานไม่เคยมีความสัมพันธ์ต่อกัน ถ้าไม่เพราะพ่อของฉันจากไป ครั้งนี้ คุณคงไม่ช่วยฉันอีกใช่มั้ยคะ?”
คำถามนี้หานชิงเองก็ไม่ได้คิดมาก ส่งเสียงอืมออกไป จากนั้นก็พูดอธิบายออกมา “หานสวี่ทั้งสองตระกูลก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด ถ้าตอนนั้นฉันรู้ก็จะช่วยแน่ เพียงเสียใจภายหลังมันก็สายเกินไปแล้ว ตอนนี้ตระกูลสวี่ก็เหลือเพียงแค่เธอคนเดียว ฉันมีเหตุผลที่จะต้องดูแลเธอแทนคุณลุงคุณป้าสวี่สักหน่อย”