บทที่1346 คุณอารมณ์ไม่ดีใช่มั้ย
ลดค่าตัวเอง?
เจอกับคำถามนี้ แต่ไหนแต่ไรมาเสี่ยวเหยียนก็ไม่เคยคิดมาก่อน
เธอส่ายหน้า “นี่มันมีอะไรน่าลดค่าตัวเองกันคะ? ในความสัมพันธ์ไม่มีความจำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยว่าใครจะทุ่มเทมากกว่ากันหรอกนะ”
เธอคิดอย่างนั้น
พนักงานคนอื่นเองก็พยักหน้าเห็นด้วยออกมาเช่นเดียวกัน “ใช่แล้วค่ะ ขอเพียงแค่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนดี ชอบกันจริงๆ ใครจะไปแคร์อีกว่าใครทุ่มเทมากกว่าล่ะ?”
“ใช่ๆ คุณจางมีความคิดอย่างนี้ดีมากเลยล่ะ”
พนักงานคนที่ถามคำถามเมื่อกี้นี้รู้สึกไม่เห็นด้วยเล็กน้อย แต่เห็นท่าทางมีความสุขของเสี่ยวเหยียนแล้ว ก็คิดว่าตนอย่าพูดมากไปเลยจะดีกว่า
ดังนั้นแล้วทุกคนก็ทำหน้าที่ต้อนรับขับสู้ให้กับเสี่ยวเหยียนไปอย่างมีความสุข
เสี่ยวเหยียนเห็นว่าทุกอย่างเตรียมกันไปพอประมาณนึงแล้ว ก็วางแผนจะไปหาหานชิงที่บริษัท
อันที่จริงแผนของเธอเป็นอย่างนี้ คือไปหาหานชิงตามปกติก่อน ทำราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วรอตอนที่เขาเลิกงานก็ออกมาพร้อมกับเขา แล้วค่อยบอกไปว่าตนหิว อยากมากินข้าว แล้วพาเขามาที่นี่ จากนั้นก็ค่อยทำการเซอร์ไพรส์เขา
ดังนั้นแล้วเสี่ยวเหยียนก็เลยไปบริษัทตามปกติ
ตอนที่ขึ้นไปชั้นบนเสี่ยวเหยียนก็เจอสวี่เย็นหวั่น
เธอกำลังจะไปจัดการเอกสารพอดี ตอนที่เจอเสี่ยวเหยียน ขบคิดวันของวันนี้อย่างละเอียด ก็เข้าใจอะไรขึ้นมา
“วันนี้เตรียมจะฉลองวันเกิดให้เขาหรอ? เตรียมพร้อมหมดแล้ว?” สวี่เย็นหวั่นถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าออกมาเล็กน้อย “ใช่ เตรียมเสร็จหมดแล้ว”
“งั้นก็ดี”
“จริงสิ วันนี้เขาฉลองวันเกิด เย็นนี้คุณจะไม่ฉลองด้วยกันกับพวกเราหรอ?”
ฉลองด้วยกัน?
สวี่เย็นหวั่นได้ยินคำนี้สายตาก็เหม่อลอยไปเล็กน้อย พูดให้น่าฟังหน่อยก็คือไปฉลองด้วยกัน อันที่จริงแล้วก็เป็นการไปดูผู้ชายที่ตัวเองชอบอยู่กับผู้หญิงอีกคนเท่านั้น
ถ้าเธอไป นั่นจะไม่เป็นการทรมานตัวเองหรอ?
คิดถึงตรงนี้แล้ว สวี่เย็นหวั่นก็ส่ายหน้าออกไป “ไม่ไหวหรอก เย็นนี้ฉันมีธุระ”
มองออกว่าเธอดูไม่ได้สนใจ เสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้ชวนเธออีก “งั้นฉันขึ้นไปรอเขาก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อน” สวี่เย็นหวั่นมองเบื้องหลังของเธอ อดไม่ได้ที่จะเรียกเธอเอาไว้
“มีอะไรหรอคะ?”
เสี่ยวเหยียนหันกลับไป มองเธอไปด้วยความสงสัย
สวี่เย็นหวั่นมองเสี่ยวเหยียนไปอย่างลังเล อันที่จริงภายในใจของเธอมันสับสนไปหมด ความจริงเธออยากรู้มากว่าหานชิงได้ทำลายกรณีที่เขาไม่ฉลองวันเกิดไปแล้วจริงๆน่ะหรอ อีกทั้งยังกลัวว่าหลังจากที่ถามไปจะได้คำตอบที่ตัวเองไม่อยากได้กลับมา ถึงตอนนั้นแล้ว…
คิดถึงตรงนี้แล้ว สวี่เย็นหวั่นก็หายใจเข้าลึกๆ เดินเข้าไปจัดผมให้กับเสี่ยวเหยียน
“ผมเธอยุ่งน่ะ”
สุดท้าย เธอก็ยังเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป
“อ๋า~ ขอบคุณนะ” เสี่ยวเหยียนไม่ได้สังเกตอะไร ถึงขนาดที่ยังขอบคุณเธอออกมาอีก
“ไปเถอะ ขอให้เธอทำสำเร็จนะ”
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนเดินออกไปอีกครั้ง สวี่เย็นหวั่นก็ยืนมองเบื้องหลังของเธออยู่ตรงที่เดิม สายตาก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา
เธออยากจะเตือนอะไรสักหน่อย แต่พอคิดๆดูแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ? ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาหานชิงไม่เคยฉลองวันเกิด แล้วมันยังไง? ในฐานะที่เป็นแฟนของเขา ถ้าแม้แต่เรื่องนี้เสี่ยวเหยียนยังตระหนักถึงมันไม่ได้ นั่นมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ
ถึงยังไงตั้งแต่ต้นฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับทั้งสองคนจริงๆ แล้วเธอสวี่เย็นหวั่น มีอะไรผิดกัน
ดังนั้นแล้ว ไม่อาจนับว่าเธอทำเลวทรามไปหรอกนะ เธอก็แค่เอาตัวเองออกมาจากปัญหาเท่านั้นเอง
คิดถึงตรงนี้แล้ว สวี่เย็นหวั่นก็เดินออกไปอย่างพอใจ
แต่เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ได้เห็นมันทั้งหมด พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คนนั้นตื่นตะลึงขึ้นมา เพราะว่าเธอรู้ว่าสวี่เย็นหวั่นไม่ใช่คนธรรมดาๆ สายตาเมื่อวันนั้นทำเอาเธอหวาดกลัวขึ้นมาไม่น้อย หลังจากกลับไปก็ยังถึงกับฝันร้ายเลยทีเดียว
จากนั้นเธอก็ไม่กล้าเข้าไปยั่วโมโหสวี่เย็นหวั่นอีก
วันนี้เห็นเธอสนิทสนมกับเสี่ยวเหยียนอย่างนี้ ถึงขนาดที่ยังจัดผมให้อีกฝ่ายด้วย ใบหน้ายังประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน นึกโยงไปถึงสายตาของเธอวันนั้นขึ้นมาอีกครั้ง พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา
พอได้ลองคิดดูแล้ว คนเก่ากับคนปัจจุบันนึกไม่ถึงว่าจะอยู่ด้วยกันดีๆได้ นี่มันเป็นภาพน่าอัศจรรย์อะไรกัน
พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ตอนนี้ก็ถึงกับสงสัยขึ้นมา เสี่ยวเหยียนไม่รู้ความสัมพันธ์ของสวี่เย็นหวั่นคนนี้กับหานชิง ในใจของเธอปั่นป่วนไปหมด ก่อนหน้านี้เธออยากยืนฝ่ายสวี่เย็นหวั่นคู่หมั้นคนนี้ แต่วันนั้นหลังจากที่ถูกเธอทำให้ขู่จนขวัญหนีทีฝ่อไป พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ก็ไม่กล้าไปหาเรื่องเธออีก
ตอนนั้นจู่ๆก็เห็นเสี่ยวเหยียนยืนโง่งมอยู่ตรงหน้าสวี่เย็นหวั่นพูดไปยิ้มไปกับเธอ พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์คนนั้นก็รู้สึกว่าเสี่ยวเหยียนนั้นน่าสงสารขึ้นมา
จะว่ายังไง ราเม็งร้านเธอก็อร่อยมาก ถ้าเธอถูกเมียหลวงกำจัดไป ถึงตอนนั้นแล้วจะเสียใจเกินไปหรือเปล่า แม้แต่ร้านราเม็งเองไม่เปิดเอาได้?
คิดไปคิดมาแล้ว จู่ๆพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็คิดว่าต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกเสี่ยวเหยียนหรือเปล่า
เพียงแต่ในตอนที่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คิดอยากจะไปหาเสี่ยวเหยียน เธอก็ได้เข้าห้องทำงานไปเสียแล้ว จึงไม่เจอเธอ ดังนั้นแล้วพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็จำต้องลงไปรอด้านล่าง เธอตัดสินใจจะรอตอนที่เสี่ยวเหยียนลงมาล่างตึกแล้วค่อยพูดเรื่องสถานะของสวี่เย็นหวั่นกับเธอสักหน่อย
เพียงแต่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คงนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเหยียนในวันนี้จะลงมาพร้อมกับหานชิง เธอก็เลยไม่มีโอกาสได้พูดอะไรกับเสี่ยวเหยียนเลย
ส่วนเสี่ยวเหยียนเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลยเหมือนกัน และได้ออกไปพร้อมกับหานชิง
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์รู้สึกว่าตัวเองรอมาวันหนึ่งแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีโอกาสได้เตือนเลย ถึงยังไงอนาคตมันยังยาวไกล เธอรอค่อยเตือนพรุ่งนี้เอาก็ได้
เพียงแต่ว่าอนาคตมันอีกยาวไกลพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ไม่ได้รอจนเสี่ยวเหยียนมา
แน่นอนว่านี่จะต้องนำมาพูดกันในภายหลัง
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนกับหานชิงออกไปพร้อมกันแล้ว ตอนนั่งอยู่บนรถ เธอแอบมองหานชิงไปเงียบๆ
ไม่รู้ว่าเซนส์เธอผิดไปหรือเปล่า คิดว่าความกดดันวันนี้ของหานชิงต่ำลงมาก ดูเหมือนว่าอารมณ์จะดูแย่มากยังไงอย่างนั้น
เสี่ยวเหยียนยืนยันให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้คิดมากไป จึงได้เป็นฝ่ายเอ่ยถามเขาออกไปเอง
“วันนี้คุณอารมณ์ไม่ดีหรอคะ?”
หานชิงที่ขับรถอยู่นั้นทันใดนั้นเองก็ได้ยินหญิงสาวถามตนออกมาอย่างนั้น อีกทั้งหญิงสาวก็มองเขาไปอย่างระมัดระวัง เหมือนกับกลัวเขาไม่มีผิด แรงกดดันต่ำจากร่างของหานชิงสลายไปไม่น้อยเลย เอื้อมมือออกไปลูบหัวของเสี่ยวเหยียน
“คิดอะไรกัน? ไม่ได้อารมณ์ไม่ดี ก็แค่กำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่างเท่านั้นเอง”
“อ้อ” เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้อารมณ์ไม่ดี หญิงสาวก็สบายใจ
วันนี้เป็นวันเกิดของหานชิง ถ้าเขาอารมณ์ไม่ดีล่ะก็ เธอต้องคิดว่าจะถามให้ชัดไปยังไงดี แต่เห็นสายตาของเขากลับมามีแววตารักใคร่และอ่อนโยนออกมาอีกครั้ง เสี่ยวเหยียนคิดว่าตัวเองคงจะคิดมากไป
ถึงยังไงตอนเช้าในตอนที่เธอตื่นนอนก็ได้ร้องไห้ไปแล้ว ผลกระทบที่ได้รับในวันนี้ก็หนักมาก ก็ยังต้องพึ่งการปรับอารมณ์ตัวเองอยู่ดี
“ก่อนหน้านี้นัดเธอกินข้าวไม่กิน ทำไมวันนี้จู่ๆถึงอยากกินขึ้นมาเสียแล้ว?” หานชิงพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
เสี่ยวเหยียนเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มๆ “นี่ไม่ใช่ว่านึกขึ้นมาได้ว่าช่วงนี้ไม่ได้มากินข้าวด้วยกันกับคุณนานแล้วนะ? ก็เลยต้องหาเวลาไปกับคุณสักหน่อยไงคะ”
หญิงสาวถูมือของเขาแล้วซบเข้าไป ครึ่งตัวซบลงไปบนบ่าของเขา หานชิงพบว่าช่วงนี้ขอบตาเสี่ยวเหยียนดำมาก อีกทั้งสีหน้าก็เหมือนจะไม่ได้ดีเท่าเมื่อก่อน
“ช่วงนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่?” จู่ๆเขาก็ถามออกมา ทำเอาเสี่ยวเหยียนตื่นตกใจขึ้นมา นึกว่าเขารู้เรื่องที่ตนทำ ก็เลยรีบพูดอธิบายออกไป “ไม่ได้ทำอะไร ทุกวันนี้ก็ค่อนข้างจะนอนดึกไปหน่อยเท่านั้นเอง”
“มัวทำอะไรอยู่ล่ะ?”