บทที่1352 เคารพการตัดสินใจของเธอ
ก่อเรื่อง?
เสี่ยวเหยียนไม่คิดเลยว่าในเวลานี้ เขายังคงคิดว่าเธอกำลังก่อเรื่องอยู่
ในมุมมองของเขา นี่เป็นเรื่องเล็กยังงั้นเหรอ?
“ในเมื่อคุณคิดว่าฉันกำลังก่อเรื่อง ถ้ายังงั้นก็ไม่ต้องมาหาฉันอีกแล้ว วันนี้พอแค่นี้เถอะ”
หลังจากพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็หันหลังเดินเข้าห้องไป ปิดประตูดังปังปล่อยหานชิงไว้ด้านนอก
และคนสองคนที่แอบฟังอยู่หลังประตูนั้นหลังจากประตูปิดแล้วนั้น ก็สบตากับเสี่ยวเหยียนพอดี
ทั้งสามคน ตาโตจ้องตาเล็ก
ผ่านไปอยู่นาน พ่อจางก็ลูบจมูกตัวเองอย่างเก้อเขิน แล้วก็ยิ้มอย่างอับอาย “เหยียนเหยียน มันเป็นเรื่องปกติที่แฟนจะทะเลาะกัน ผู้หญิงอย่างลูกโมโหก็ส่วนโมโห แต่ก็อย่าดุขนาดนั้นสิ เวลาพูดจาก็ควรรู้จักบันยะบันยังด้วย”
เสี่ยวเหยียนยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน สีหน้าของเธอดูหดหู่อย่างมาก
พ่อจางพูดต่อ “เมื่อกี้พ่อกับแม่ได้ยินบทสนทนาของลูกกับเสี่ยวชิงแล้ว ถึงแม้จะรู้สึกว่าลูกพูดได้มีพลังมาก แต่ว่า……”
“พ่อ แม่”
เสี่ยวเหยียนมองทั้งสองคนอย่างจริงจัง แล้วพูดเบาๆ ว่า “หนูจะเลิกกับเขา”
หลัวหุ้ยเหม่ย:“……”
พ่อจาง:“……”
“หนูไม่มีทางคบกับเขาต่อไปได้แล้ว”
เมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขา หลัวหุ้ยเหม่ยไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเหยียนจะพูดแบบนี้ออกมา เลยถามอย่างระมัดระวัง “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ”
เสี่ยวเหยียนไม่อยากพูด เธอส่ายหน้า “เอาเป็นว่า หนูไม่มีทางคบกับเขาต่อไปได้แล้ว”
“เหยียนเหยียน เมื่อก่อนแม่ก็เคยบอกลูกแล้ว ว่ามีเรื่องอะไรก็ต้องพูดออกมา พวกลูกทะเลาะกัน แล้วก็พูดถึงเรื่องเลิก มันร้ายแรงไปหน่อยรึเปล่า? ”
ร้ายแรงงั้นเหรอ?
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนเป็นมือที่สามนั้น เธอรู้สึกว่าการแก้ไขปัญหาแบบนี้มันไม่ได้ร้ายแรงเลยแม้แต่นิดเดียว การเลิกกันต่างหากคือจุดจบที่ดีที่สุดแล้ว
“หนูไปนอนก่อนนะ”
ดังนั้นเธอก็เลยไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย หันหลังแล้วเดินเข้าห้องไป
หลัวหุ้ยเหม่ยกับพ่อจางมองหน้ากัน “คุณคิดว่ายังไง? ”
พ่อจาง “ผมจะไปรู้ได้ยังไงกัน? ดูท่าท่าของเด็กน้อยแล้วเหมือนสถานการณ์จะร้ายแรง หรือว่า…พวกเราไปถามเสี่ยวชิงว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ”
หลัวหุ้ยเหม่ยคิดว่าได้ ยังไงก็ตามเธอก็เห็นว่าตอนแรกเด็กนั่นชอบหานชิงมากขนาดไหน ตอนนี้จะมาบอกว่าเลิกก็คือเลิก มันต้องมีเหตุผลอะไรอย่างแน่นอน
พอคิดได้แบบนี้ หลัวหุ้ยเหม่ยก็เตรียมจะเปิดประตูเงียบๆ
ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้เสี่ยวเหยียนจะเปิดประตูออกมาจากห้อง แล้วก็พูดกับพวกเขาว่า “พ่อกับแม่ ไปนอนได้แล้ว ใครก็ห้ามไปถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังไงหนูก็ตัดสินใจแล้ว”
มือของหลัวหุ้ยเหม่ยที่กำลังเตรียมจะเปิดประตูก็หยุดลง
พ่อจางทำได้เพียงแค่สะกิดหลังเธอ “เหยียนเหยียนก็พูดขนาดนี้แล้ว หรือว่าเราก็ช่างมันไปก่อน รอให้ผ่านไปอีกสองสามวัน ให้เธอหายโกรธแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
ยังไงก็เป็นลูกสาวของตัวเอง หลัวหุ้ยเหม่ยต้องอยู่ฝั่งเธออยู่แล้ว ดังนั้นเธอก็เลยพยักหน้า
หานชิงรออยู่ข้างนอกนานมาก อยากจะโทรหาเสี่ยวเหยียน แต่ว่าเธอก็ปิดโทรศัพท์ตลอด เหมือนกับว่ากำลังจะขัดขืนเขา
และนี่ก็ไม่ใช่บ้านที่เสี่ยวเหยียนอยู่คนเดียว ตอนนี้ก็ดึกแล้ว เขาก็เกรงใจที่จะต้องรบกวนผู้อาวุโสทั้งสอง
ถ้ารู้ว่าจะเป็น แบบนี้ตั้งแต่แรก ตอนที่เสี่ยวเหยียนออกมาเมื่อกี้เขาน่าจะแบกเธอขึ้นรถไป
หลังจากนั้นก็ขังเธอไว้บนรถ แล้วอยากจะพูดอะไรก็พูดในนั้นให้ชัดเจน อยากจะแสดงความโกรธแค่ไหนก็โกรธอยู่ในนั้น
ส่วนตอนนี้….
หานชิงยื่นมือมากุมขมับของตัวเอง ความเหนื่อยล้าแสดงออกมาผ่านทางสายตาของเขา
หลังจากเสี่ยวเหยียนกลับห้องไปแล้ว น้ำตาก็ไหลไม่หยุด เธอเข้าไปในห้องน้ำแล้วก็ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ทำให้ตัวเองมีสติขึ้น
หลังจากนั้นก็มองไปที่ดวงตาที่บวมฉึ่งของตัวเองในกระจก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ฝืนยิ้ม
ไม่เป็นไร รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอก อย่างน้อยเธอก็ยังไม่ได้บอกหานชิงเรื่องที่ตัวเองตั้งครรภ์ ก็ถือว่ายังไม่ได้เสียหน้าไปทั้งหมด
ตั้งครรภ์….
พอนึกถึงเรื่องท้อง เสี่ยวเหยียนก็ฝืนรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เธอค่อยๆ เอามือลูบท้องของตัวเอง
ทำไมกัน??
ทำไมเธอถึงต้องมาตั้งท้องตอนนี้? ก่อนหน้านี้ตอนที่รู้ว่าตัวเองท้อง เสี่ยวเหยียนดีใจมาก แล้วตอนนี้ล่ะ?
เธอกับหานชิงเลิกกันแล้ว แล้วจะทำยังไงกับลูกล่ะ?
เมื่อก่อนเธอคิดว่านอกจากหานชิงแล้วเธอก็จะไม่มีวันชอบใครอีก ต่อให้จนถึงตอนนี้ เธอยังคงคิดแบบนั้นอยู่
แต่ว่าเธอไม่สามารถคบกับเขาได้อีกต่อไปแล้ว แล้วลูก….
เสี่ยวเหยียนหลับตาลงช้าๆ เธอจะเก็บลูกไว้ หรือว่าเอาออกดี?
วันที่สอง ตอนที่หลัวหุ้ยเหม่ยไปปลุกเสี่ยวเหยียนนั้น น้ำเสียงของเธอระมัดระวังมาก ใครจะไปรู้ว่าสภาพของเสี่ยวเหยียนก็ดูไม่ค่อยเลวเท่าไหร่ เธอกินโจ๊กเงียบๆ แล้วก็กินปาท่องโก๋ ดูค่อนข้างจะเจริญอาหารเลยทีเดียว
หลัวหุ้ยเหม่ยรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เพราะว่าเธอนึกว่าลูกสาวตัวเองน่าจะไม่อยากอาหาร ไม่คิดว่าเธอยังจะกินได้อยู่
เสี่ยวเหยียนกินอาหารเช้าเสร็จอย่างเงียบๆ พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าพ่อจางแม่จางกำลังมองมาที่ตัวเอง เธอก็เลยถามออกมา “พ่อแม่ ทำไมไม่กินล่ะคะ? เอาแต่มองหนูกินแล้วอิ่มงั้นเหรอ? ”
พ่อจางแม่จางไม่คิดว่าเธอยังจะล้อเล่นได้อีก หลังจากมองหน้ากันแล้ว หลัวหุ้ยเหม่ยก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “เหยียนเหยียน ลูกไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม? ”
เสี่ยวเหยียนคลี่ยิ้มออกมา “หนูจะเป็นอะไรได้ยังไงกัน? แม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ รีบกินข้าวเช้าเร็ว”
พ่อจางเองก็รู้สึกว่าลูกสาวของตัวเองไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ก็เลยถามว่า “ไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ? มันผ่านไปแค่คืนเดียวเท่านั้นเอง หรือว่าเมื่อคืนพวกลูกดีกันทางโทรศัพท์แล้วเหรอ? ”
ดีกัน?
มันจะเป็นไปได้ยังไง?
ถึงแม้ว่ายังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเสี่ยวเหยียนอยู่ แต่ว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดของพ่อจางรอยยิ้มของเธอก็จางลงไปเยอะ แต่ว่าก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างรวดเร็ว “เปล่า พวกเราไม่มีทางดีกันได้หรอก พ่อแม่ เรื่องที่หนูพูดเมื่อคืนคือเรื่องจริง มันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปได้หรอก”
พอทั้งสองคนได้ยินคำพูดของลูกสาว ก็มีความสงสัยในใจเป็นหมื่นข้อ
“หนูรู้ว่าพ่อกับแม่อยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ว่าตอนนี้หนูไม่มีอารมณ์จะพูดจริงๆ งั้นรอให้หนูปรับอารมณ์ได้ก่อน แล้วค่อยเล่าให้พ่อกับแม่ฟังแล้วกัน”
หลัวหุ้ยเหม่ยยื่นมือไปจับข้อมือของเธอไว้ “ยัยเด็กบื้อ ลูกอยากพูดก็พูด ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด พวกเราเป็นพ่อกับแม่ของลูก ยังไงก็ไม่มีวันบังคับลูกหรอก แต่ว่า ที่ลูกตัดสินใจแบบนี้ ลูกจะไม่เสียใจภายหลังเหรอ? ”
เสียใจภายหลังงั้นเหรอ?
ถึงแม้ว่าการที่ต้องจากหานชิงมาทำให้เธอเจ็บปวดใจ เธอก็ชอบหานชิงจริงๆ ต่อให้เธอชอบเขา และความรักที่มีต่อเขาก็ไม่สามารถดึงกลับคืนมาได้ แต่ว่า….ถ้าเกิดว่าต้องอยู่ข้างๆ เขาด้วยสถานะมือที่สามล่ะก็ ยังไงเธอก็ไม่มีวันยอมรับสถานะนี้ได้เด็ดขาด
การจากมาคือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
ดังนั้นเสี่ยวเหยียนก็เลยส่ายหน้า
“ไม่เสียใจค่ะ”
ในเมื่อเด็ดเดี่ยวแบบนี้แล้ว สามีภรรยาจางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ไม่นาน เสี่ยวเหยียนก็บอกว่าตัวเองจะไปเปิดร้านก่อน แล้วก็ออกไปก่อน
หลังจากเธอออกไปแล้ว หลัวหุ้ยเหม่ยก็ถอนหายใจออกมา “ก่อนหน้านี้ก็ยังดีๆอยู่ ทำไมจู่ๆ ถึงได้เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ได้? ดูท่าทางของเหยียนเหยียนแล้ว เรื่องนี้คงไม่มีทางให้หวนกลับแล้ว”
“ช่างเถอะ ให้ลูกตัดสินใจเองไปเถอะ”
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว หรือว่าคุณจะบังคับให้เธอไปคืนดีกับหานชิงล่ะ? ถึงแม้ว่าเด็กคนนั้นจะดูไม่เลวเลย แต่ว่า….พวกเราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของลูกสาวพวกเรา”
“น่าเสียดาย เด็กหานชิงคนนั้น….ผมล่ะชอบเขามากจริงๆ ”