บทที่1355 ผ่อนคลายจิตใจ
หานชิงเห็นสีหน้าของเธอดูเหมือนว่ากำลังเจ็บปวด อยากจะก้าวไปข้างหน้า แต่ว่าเสี่ยวเหยียนก็ตะโกนออกมาเสียงดังไม่ให้เขาเข้าไป
น่าจะเพราะว่าการที่เขาอยู่ที่นี่ทำให้อารมณ์ของเธอขึ้น ฝีเท้าของเขาก็เลยหยุดลง “โอเค ฉันไม่เข้าไปแล้ว เธอควบคุมอารมณ์ตัวเองหน่อย ไม่ต้องขึ้นแล้ว”
พอเห็นว่าหานชิงไม่เดินเข้ามาหาเธออีก เสี่ยวเหยียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายครั้ง ถึงจะปรับให้ลมหายใจของตัวเองคงที่ได้ และอารมณ์ก็ผ่อนคลายลง
แต่ว่าความรู้สึกเจ็บปวดที่ท้องยังไม่ได้หายไปทั้งหมด เสี่ยวเหยียนพยุงตัวเองกับกำแพงแล้วก็เดินต่อไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว เดินไปทางลิฟต์
หานชิงไม่ได้เดินตามไปอีก น่าจะเพราะว่ากลัวว่าเธอจะอารมณ์ขึ้นเกินแล้วเป็นลมไป
เสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้ดูว่าคนที่อยู่ด้านหลังมีสีหน้ายังไง พอขึ้นไปชั้นบนแล้วก็เข้าห้อง น่าจะเพราะว่าเมื่อกี้อารมณ์ขึ้นเกินไป พอเข้าห้องไปเธอก็ล้มลฃที่โซฟา
อาการปวดท้องก็ค่อยๆ หายไป เสี่ยวเหยียนเทน้ำอุ่นให้ตัวเองดื่ม แล้วก็มองที่ท้องของตัวเอง รู้สึกหนักใจเล็กน้อย
วันนี้ปวดท้องไปสองครั้งแล้ว หรือว่าลูกมีปัญหาอะไรรึเปล่า?
พอคิดว่าลูกอาจจะมีปัญหาอะไร เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกลุกลี้ลุกลนอย่างมาก และในขณะเดียวกันเธอก็รังเกียจพฤติกรรมแบบนี้ของตัวเอง
เรื่องราวมันเป็นแบบนี้แล้ว เธอกลับยังจะเป็นห่วงลูกอีก
เด็กคนนี้ถ้าเกิดว่าเธอมีเหตุผลมากพอล่ะก็ ก็ไม่น่าจะได้อยู่ต่อ แต่ว่าเธอก็รู้สึกว่าลูกก็ไม่ใช่แค่ของหานชิงเพียงคนเดียว
ในร่างกายของเด็กคนนี้มีเลือดของเธออยู่ครึ่งหนึ่ง เขาไม่มีโอกาสได้เลือกอะไรก็มาอยู่ในท้องของเธอแล้ว ตอนนี้ถ้าเธอมาบอกว่าไม่เอาก็คือไม่เอาเลย ก็ถือว่าไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเท่าไหร่
แล้วอีกอย่าง เธอก็รู้สึกชอบ และรอคอยการที่เด็กคนนี้จะได้เกิดมาจริงๆ
ตอนที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์นั้น เสี่ยวเหยียนรู้สึกมีความสุข ตื่นเต้น เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกหวย ดีใจมากกว่าตอนที่ได้คบกับหานชิงอีก
ทุกข์ทรมานจัง
เสี่ยวเหยียนหลับตาลง นอนขดอยู่บนโซฟา
ตอนเที่ยงคืน
เสี่ยวเหยียนเห็นว่าในที่สุดรถที่อยู่ด้านล่างตึกก็กลับไปแล้ว ก็เข็นกระเป๋าเดินทางที่ตัวเองเก็บเรียบร้อยออกมา เธอสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่พร้อมกับหมวก
คู่สามีภรรยาจางมองเสี่ยวเหยียน รู้สึกเป็นกังวล
“หรือว่า ให้พ่อของลูกไปส่งที่สถานีรถไฟไหม? ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะแม่ หนูเรียกรถมาแล้ว เดี๋ยวก็มาถึงแล้ว”
หลัวหุ้ยเหม่ยยังรู้สึกไม่สบายใจ “งั้นแม่ไปกับลูกเอง ลูกออกจากบ้านไปคนเดียว ยังไงแม่ก็ไม่สบายใจ”
“แม่ หนูไม่ได้คิดอะไรมากมายจริงๆ ก็แค่อยากจะไปผ่อนคลายจิตใจคนเดียว รับลมชมวิวเท่านั้นเอง หลายปีมานี้หนูยุ่งมาก ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวคนเดียวเลย ครั้งนี้ก็ถือว่าได้ไปผ่อนคลายร่างกายและจิตใจหน่อย
“แต่ว่า…..”
หลัวหุ้ยเหม่ยยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ว่าก็โดน เสี่ยวเหยียนกอดไว้
“โอเค ผู้เฒ่าทั้งสองคนไม่ต้องเป็นห่วงหนูแล้ว หนูรับรองว่าหลังจากผ่อนคลายจิตใจแล้วจะกลับมา ในเวลานั้นลูกสาวของพ่อกับแม่จะยังคงยืนอยู่ตรงหน้าพ่อกับแม่เหมือนตอนนี้ทุกประการ โอเคไหมคะ? ”
“เหยียนเหยียน……”
“พอแล้ว เธอตัดสินใจแล้ว คุณก็ไม่ต้องไปพูดอะไรกับเธอแล้ว เดี๋ยวเธอจะรำคาญเราซะเปล่าๆ เมื่อก่อนเด็กคนนี้ก็ลอยไปลอยมาอยู่ข้างนอกคนเดียวตั้งห้าปี เธอรู้ว่าควรจะทำยังไง ไม่ถูกลักพาตัวหรอกน่า”
พ่อจางพูดขนาดนี้แล้ว หลัวหุ้ยเหม่ยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ทั้งสองคนส่งเสี่ยวเหยียนออกจากบ้านไป
เสี่ยวเหยียนขึ้นไปนั่งบนรถ เปิดโทรศัพท์ ก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับจากหานชิงนับไม่ถ้วน สีหน้าของเธอเย็นชา แล้วก็เข้าวีแชท
ในนั้นมีข้อความที่ซูจิ่วส่งมา น่าจะส่งมาถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นอะไรประมาณนั้น
แล้วก็มีที่สวี่เย็นหวั่นส่งมา
เนื้อหาที่สวี่เย็นหวั่นส่งมามีแค่แถวเดียวเท่านั้น
“เธอรู้แล้วงั้นเหรอ? เธอไม่ต้องคิดมากนะ ถึงแม้ว่าฉันจะเคยหมั้นกับเขา แต่ว่ายังไงตอนนี้พวกเธอก็คบกันอยู่ เขาต้องรับผิดชอบเธออยู่แล้ว
เหอะ ยังไงตอนนี้พวกเขาก็คบกันแล้ว เขาจะรับผิดชอบเธอยังงั้นเหรอ?
นี่กำลังอยากจะบอกเธอว่า หายชิงไม่ได้รักเธอ แต่เขาแค่มีความรับผิดชอบยังงั้นเหรอ?
เมื่อก่อนเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าสายตาที่สวี่เย็นหวั่นมองตัวเองนั้นแปลกๆ คำพูดพวกนั้นก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นั้น ไม่คิดเลยว่าในนั้นจะมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่
หลังจากไขปริศนาแล้ว ทุกอย่างก็กระจ่าง
เสี่ยวเหยียนถอดซิมโทรศัพท์ออก แล้วเปลี่ยนเป็นอันใหม่ เธอปาซิมเก่าทิ้งออกไปด้านนอกโดยที่ไม่คิดเลยด้วยซ้ำ
เธอไม่ได้ติดต่อมู่จื่อ และก็ไม่อยากจะเล่าเรื่องของตัวเองกับหานชิงให้เธอฟังด้วย
ตอนนี้ชีวิตของมู่จื่อมีความสุขมาก ถ้าเกิดเธอรู้ว่าตัวเองกับหานชิงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอต้องเป็นกังวลอย่างมากแน่นอน แล้วก็จะวิ่งเต้นแทนพวกเขา
เมื่อก่อนชีวิตของมู่จื่อนั้นลำบากมาก ประสบความยากลำบากมาก็มากมาย ไม่ง่ายเลยกว่าที่ตอนนี้จะมีทั้งลูกชายลูกสาวอย่างเพียบพร้อม ครอบครัวเติมเต็มและมีความสุข
เสี่ยวเหยียนไม่อยากให้เธอต้องมาเป็นกังวลเพราะเรื่องของตัวเอง
รอให้เธอปรับอารมณ์ตัวเองให้ได้แล้ว ค่อยเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังแล้วกัน
จนถึงตอนนั้นต่อให้มู่จื่อจะเป็นกังวล แต่ว่าเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว
ครั้งนี้เสี่ยวเหยียนซื้อตั๋วรถไฟแบบสุ่ม อันไหนใช้เวลามากที่สุด เธอก็ซื้ออันนั้น แต่ว่าเธอซื้อตั๋วนอนไม่ทัน ตอนที่ซื้อนั้นก็เหลือแต่ตั๋วนั่งแล้ว
แต่ว่ามันก็ไม่ได้สำคัญหรอก ไม่ว่าจะเป็นที่นอนหรือที่นั่ง ยังไงเธอก็นอนไม่หลับอยู่ดี
แม้ว่ามันจะเป็นกลางดึก แต่ว่าคนที่สถานีรถไฟก็เยอะมาก มีทั้งคนที่กอดลากันกลม คนที่ไปเที่ยวด้วยกัน และในขณะเดียวกันก็มีคนที่ไปคนเดียวเหมือนกัน
เสี่ยวเหยียนก็เป็นหนึ่งในคนที่ไปคนเดียวเหมือนกัน เธอรออยู่ในห้องโถงสักพัก หลังจากนั้นก็ตรวจตั๋วแล้วเข้าไปในสถานี
หลังจากนั้นเธอก็หาที่นั่งของตัวเองและนั่งลง
ถ้าเทียบกับนั่งเครื่องบินแล้ว รถไฟเสียงดังกว่ามากจริงๆ หลายคนที่พาลูกมาด้วย เด็กก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด บางคนก็คุยโทรศัพท์ เสียงดังวุ่นวายจนเสี่ยวเหยียนรู้สึกปวดหัว หยิบหูฟังขึ้นมาใส่แล้วก็เปิดเพลง อารมณ์ถึงจะผ่อนคลายลง
แต่ว่าเธอก็รู้สึกผิดหวังอย่างรวดเร็ว เพราะว่าคนที่นั่งข้างๆ เธอเป็นคุณป้าคนหนึ่งที่พาเด็กน้อยมาก เด็กน้อยตอนแรกก็ส่งเสียงดังต่างๆ นานา หลังจากนั้นก็เริ่มแหกปากร้องไห้เสียงดัง
เสี่ยวเหยียนอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเด็กคนนั้น
และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม พอเด็กคนนั้นถูกเธอเหลือบมอง ก็ไม่ร้องไห้แล้ว แล้วก็ยื่นมือมาจะจับหูฟังของเธอ
เสี่ยวเหยียนยื่นมือออกมาขวางไว้โดยอัตโนมัติ
คุณป้าคนนั้นเหลือบมองเสี่ยวเหยียน หลังจากนั้นก็ยิ้มแย้มแจ่มใสและพูดว่า “อุ๊ยตายแล้ว สาวน้อยก็ขึ้นรถไฟเหมือนกันเหรอ มาคนเดียวเหรอจ๊ะ? ”
ตามมารยาท เสี่ยวเหยียนก็หยักหน้านิ่งๆ แล้วก็ตอบว่าอืม
และเด็กน้อยก็ต้องการที่จะดึงหูฟังของเธออีกครั้ง เสี่ยวเหยียนดึงหูฟังกลับมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา เพื่อไม่ให้เด็กน้อยทำมันพัง
เด็กน้อยเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ทนไม่ไหวแล้วก็ร้องไห้โวยวายออกมา หลังจากนั้นก็พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของผู้หญิงวัยกลางคน ชี้ไปที่สายหูฟังของเสี่ยวเหยียน
“จะเอา! จะเอา! ”
คุณป้าคนนั้นมองไปที่เสี่ยวเหยียน หลังจากนั้นก็มองไปที่สายหูฟังของเธอ พร้อมกับยิ้มและพูดว่า “คือว่าสาวน้อย เสือน้อยของพวกเราเห็นว่าสายหูฟังของคุณดูดีมาก ขอให้เขายืมเล่นหน่อยได้ไหม? ”
เสี่ยวเหยียนไม่แม้แต่คิดเลยด้วยซ้ำ เธอปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันกำลังใช้อยู่พอดี”
คุณป้าคนนั้นคงไม่คิดว่าเธอจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ เธออึ้งไปเลย สีหน้าก็ดูแย่ลง
ส่วนเสี่ยวเหยียนก็เปลี่ยนไปฟังเพลงอื่นแล้ว
คนแปลกหน้าบนรถไฟ อยากจะมาได้ของของคนอื่นตามอำเภอใจ การสั่งสอนแบบนี้เธอไม่เห็นด้วย
ยังจะยืมไปเล่น หูฟังของเธอ ไม่ใช่ของเล่นของเขา
พอเด็กน้อยไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็เริ่มร้องไห้ คุณป้าคนนั้นหงุดหงิดเพราะเสียงร้องไห้ ก็ตบลงไปที่แก้มของเด็กน้อย แล้วก็ดุ “ร้องไห้อะไร? เห็นอะไรก็อยากได้ๆๆ ไปหมด ไม่เห็นคนอื่นกลอกตาใส่เธอรึไงกัน? ”